ถาม :  (ไม่มีเสียง)
      ตอบคุณสุวิทย์เขาค่อนข้างจะขวางโลก เขาเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองทำน่ะดีแล้วถูกแล้ว การกระทำที่มันดีจริง ๆ ที่พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญ มันต้องสายกลางโลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย ไอ้นี่ประเภทโลกช้ำไปทั้งแถบเลย แต่งงานไปแล้วแยกห้องนอนเลย ต่างคนต่างอยู่แต่งเอาใจพ่อแม่ คนจีนอยากได้ทายาทสืบสกุล ในเมื่อมันไม่ท้องสักที มันไม่ใช่ปลากัดนี่มองหน้ากันมันจะไปท้อง ก็ด่าใครมันก็ด่าลูกสะใภ้น่ะสิ เจ๊แกเจ็บช้ำน้ำใจอยู่ทุกวัน ไปหาหลวงพ่อกูก็ได้วะ ก็ไป ปรากฏว่าได้ตัวคนที่ทุกข์มานี่มันเห็นธรรมง่ายกว่า สบาย
              เรื่องของธรรมะมันเป็นสากล ใครก็ตามที่เห็นตัวทุกข์ก็เห็นธรรมเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้ารับไปปฎิบัติต่อเนื่องไปอารมณ์ทรงตัวมันก็ได้เลย ส่วนใหญ่พวกเรามันจะเห็นเป็นพัก ๆ ถ้าทุกข์มาก ๆ ขึ้นมากำลังใจดีหน่อย พอความทุกข์เลยไปก็เริ่มเละใหม่ มันทำไม่ต่อเนื่อง การปฎิบัติทุกอย่างทั้งทางโลก ทรงธรรมถ้าขาดการต่อเนื่องผลงานจะไม่ดีโดยเฉพาะเรื่องของทางธรรม ถ้าขาดการต่อเนื่องกำลังของอกุศลกรรมมันแทรกได้เมื่อไหร่นี่ตีคืนยากแล้ว เหนื่อยสาหัสเลย
              ลองดูเถอะหลายต่อหลายคนที่ต้องทิ้งกำลังใจมันขาดช่วงจากความดีไป กว่าจะตะกายให้มันกลับมาดีเท่าเดิมให้นี่ ก็สาหัสแล้วไม่ต้องไปหวังดีกว่าเดิมหรอก มันปล่อยให้ลอยตามน้ำมาเยอะแล้ว มันต้องว่ายตามน้ำขึ้นมา มันเหนื่อยแค่ไหนล่ะ ? เพราะฉะนั้นต้องทำให้ต่อเนื่อง
              คุยกับคุณทรงยศ เมื่อเช้าถึงได้บอกว่าของเรานี่มันโชคดี บังเอิญว่ามันหนีไปอยู่สม่ำเสมอ ต่อให้คนมันด่าแค่ไหน ถ้าเราจะทำก็ทำของเราไปเรื่อย โดยเฉพาะตอนเป็นนักเรียนทหาร เวลามันน้อยมากเลยตื่นตีห้านอนสามทุ่ม สี่ทุ่มปลุกไปฝึกนอนสีสองตีสามเราต้องลุกมาภาวนา เรารู้ว่าสิ่งที่หลวงพ่อสอนน่ะดี เราต้องทำให้ต่อเนื่องเข้าไว้ อารมณ์ใจมันถึงได้ทรงตัว คุณทรงยศ เขาปรารภว่าระยะนี้กำลังเขาแย่มาก ก่อนหน้านี้เมียบ่นไม่โกรธ ตอนนี้โกรธตั้งแต่ไม่ทันจะบ่นแล้วล่ะ
      ถาม :  ..........(ฟังไม่ชัด)..........
      ตอบ :  ไม่เป็นไรหรอกกินเยอะมันก็หลับเป็นธรรมดา เลือดมันไปเลี้ยงกระเพาะนี่ เลือดมันลงไปที่กระเพาะเพื่อไปย่อยอาหารมันทำให้เลือดที่เลี้ยงสมองน้อย มันจะทำให้ซึมหลับ เดี๋ยวพอมันย่อยหมดเดี๋ยวก็ตาใส กินใหม่
      ถาม :  ฝึกกรรมฐานในทางพุทธ มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับสัตว์เดรัจฉานมั้ย ? เขาบอกเขามีคนหนึ่งเขาเปิด...(ฟังไม่ชัด ) ... อีท่าไหนเขาบอกเขาถอดจิตมาเป็นเสือดาว เอ้ย ! เป็นเสือดำอะไรสักอย่างที่เขาบอกแปลก ๆ อยู่นะ
      ตอบ :  พวกนั้นไม่แน่เหมือนกัน เพราะว่าทางด้านเขมรเขาก็มี ปัจจุบันนี้ยังมีอยู่นะ แต่ไม่แน่ว่าท่านไปไหนแล้ว ทางด้านเหนือมีครูบาอยู่องค์หนึ่ง เรียนวิชาจากเขมร หัวใจเสือสมิงเหมือนกัน ขึ้น ๑๔ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำกับแรม ๑ ค่ำ ๓ วัน เขากลายเป็นเสือ เพราะฉะนั้นครูบาองค์นี้ท่านต้องหนีไปอยู่ไกล ๆ ตามถ้ำตามอะไร ห่าง ๆ หมู่บ้านหน่อย คือพอชาวบ้านเขารู้ว่าอยู่ตรงนั้น ๆ เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าหากว่าจะถึง ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๑ ค่ำ นี่ต้องหนีก่อนกลัวว่าปุ๊บปั๊บเป็นขึ้นมาเดี๋ยวไปทำร้ายชาวบ้านเขา
      ถาม :  แล้วเขาบังคับตัวไม่ได้ ?
      ตอบ :  บังคับไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นนี่ จิตใจมันก็เป็นสัตว์ไปเลยล่ะมันต้องหากินตามแบบของเขาไปเลย
      ถาม :  ก็เขาเป็นสัตว์แล้ว เขารู้มั้ยว่าเขาเป็นคนมาก่อน ?
      ตอบ :  ไม่ เขาบอกว่าความรู้สึกมันไม่มีเลย มันเป็นความรู้สึกของสัตว์เดรัจฉาน หิวขึ้นมาก็ล่าเลยอย่างนั้น เขาบอกว่าเขาเองเขาคิดผิดที่ไปเรียนวิชาพวกนี้ไว้ มันกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานวิชาอันตรายมาก
      ถาม :  เลิกไม่ได้ ใช่มั้ย ?
      ตอบ :  เลิกไม่ได้มันติดตัวไปเลย อันนั้นน่ะอาจจะเป็น ก็มันมี ๒ อย่าง คือ พวกที่ฝึกวิชานี้มาเกี่ยวกับน้ำมันเสือสมิง หัวใจเสือสมิงอะไรพวกนั้น มันสามารถแปลงเป็นเสือได้
      ถาม :  เพราะว่าเห็นเขาบอกว่า ตั้งแต่เจอมานะ คิดว่าไม่.....( ฟังไม่ชัด)...ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสัตว์เดรัจฉานนะตั้งแต่เห็นมา
      ตอบ :  ก็ ที่มีอยู่เหมือนกัน หลวงปู่ปาน หลวงปู่จง หลวงปู่จาด แปลงร่างเป็นเสือไปทดสอบกำลังใจหลวงพ่ออย่างนี้ทำได้
      ถาม :  แต่ที่ฝึกปฎิบัติมัน.......
      ตอบ :  ไอ้ฝึกปฎิบัติให้เป็นอย่างนั้น มันไม่ใช่แน่
      ถาม :  ......(ฟังไม่ชัด)........ ว่ามันไม่ใช่ก็เลยบอกเขาบอกว่าเคยเห็นนะ เขาบอกเนี่ยเขาเปิดหนังสือให้ดู เขาบอกเหรอแต่เราไม่เคยเห็น
      ตอบ :  บอกเขาว่าระวังไว้ อันนั้นถ้าหากว่าฆ่าคน ไม่สามารถกลับคืนเป็นคนได้อีกเลย กลายเป็นสัตว์ตลอด
      ถาม :  เขาบอกว่าอะไรนะ ปู่หรืออะไรคนเนี้ย เขาบอกเขาถอดจิตเป็นเสือได้ เขาบังคับวิ่งไปวิ่งมาได้ แต่....(ฟังไม่ชัด)....เขาไม่เห็น
      ตอบ :  ทางใต้เนี่ย ....(ฟังไม่ชัด) ... เคยได้ยินไหมเรื่องของตาหลวงรอด ตาหลวงเดช ปัจจุบันนี้จะเป็นเจ้าที่ที่มีชื่อเสียงมาก จำไม่ได้อยู่แถวนครหรืออะไร นั่นก็ฝึกวิชานี้แหละ แล้วก็กลายเป็นเสือไป คราวนี้ตาหลวงรอดนี่พอรู้ตัวว่าตัวเองจะเป็นเสือ ก็ออกไปปลูกกระต๊อบอยู่ในป่าให้ลูกสาวไปส่งอาหาร พอถึงเวลาลูกสาวเรียกก็ เออ ๆ วางไว้นั้นแหละ จนกระทั่งวันหนึ่งลูกสาวทนคิดถึงพ่อไม่ไหว เป็นเดือนเป็นปีไม่เห็นหน้าเลย พ่อเอื้อมมือมารับของสักหน่อยก็ยังดี เอื้อมมือออกมาเป็นเล็บเสือ
      ถาม :  แต่พูดภาษาคน ?
      ตอบ :  ยังประเภทที่เรียกว่า แกยังรักษาสติสัมปชัญญะของคนอยู่ได้ ก็คงจะเป็นลักษณะว่ามันยังมีส่วนของร่างกายที่เป็นคนอยู่
      ถาม :  แล้วของแกนี่แปลงร่างเฉพาะวัน หรือ...( ฟังไม่ชัด)....?
      ตอบ :  ก็คงจะเป็นตลอด ก็ฝรั่งเขาที่ก่อนหน้านี้ทาง ....( เสียหาย).... พรานฝรั่งเขียนเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องคนกลายเป็นเสือสมิงนี่แหละ พวกข้าหลวงอังกฤษที่สมัยก่อนปกครองมลายูอยู่ เขาบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่ามีคนที่สามารถกลายร่างเป็นเสือได้
              พวกอิสลามเขาฝึกวิชาพวกนี้อยู่ เขาบอกว่ามีเสือเข้ามากินวัวชาวบ้านอยู่เรื่อยแล้วมันฉลาดเหมือนคน ไม่ว่าจะติดกับดักล่าอีท่าไหนก็ตามมันหลบหลีกได้หมด แล้วเอาวัวไปกินประจำเลยข้าหลวงอังกฤษนี่แกก็เลยรับอาสาไป อาวุธแกดีด้วย แกก็ไปซุ่มอยู่ในกระต๊อบ ตรงกระต๊อบมันมีหน้าต่างมองออกไปมันจะเห็นวัวที่ผูกเอาไว้ ปรากฏว่าพอได้ยินเสียงวัวดิ้นแกก็ส่องไฟไป แกบอกว่าแกเห็นชาวอิสลามคนหนึ่งนะ เล็บเป็นเสือตัวมีลายเสือแต่ว่าร่างยังเป็นของคนอยู่ แล้วก็เขี้ยวยาวมากเลย กำลังตะปบกัดวัวอยู่ พอแกส่องไฟไปก็หันมาประประเภทว่าคงร้องด้วยความโกรธ เลยเห็นชัด ๆ ว่าหน้าเป็นคนอยู่แต่ว่าส่วนอื่น ๆ เป็นเสือแล้ว แล้วเขาก็กระโดดเข้าป่าหายไปไม่ทันยิง มัวแต่ตะลึงอยู่
              แล้วมาตอนหลังพอเอาวัวไปดักในป่ายิงได้นั้นเป็นเสือทั้งตัวอยู่แล้วเลยไม่มั่นใจว่าเป็นคนคนนั้นหรือเปล่า แต่ว่าเขาบอกว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสือที่อาละวาดกินวัวตัวนั้นก็หายไป มันอาจจะรู้ตัวแล้วมันหลบไปอยู่ที่อื่น หรือว่ามันโดนยิงตายไปจริง ๆ ก็ไม่รู้
      ถาม :  ถ้าเกิดว่าเขายิงได้ตอนกำลังครึ่งคนครึ่งเสือเนี่ย พอเขาตายไปแล้ว เขาจะเป็นของสภาพไหน ?
      ตอบ :  ก็อย่างคุณสังคีตเขาเล่าให้ฟัง นั่นทางเหนือ แม้ว ครอบครัวหนึ่งพอตัวตายนี่รีบเอาไปฝังเลย ไม่มีการจัดงานศพ ไม่มีการอะไรเลย ปกติพวกแม้วเขาจัดงานศพหลายวัน ลักษณะคนจีน ไปฝัง เสร็จแล้ว แม้ว ๒ แม่ลูกก็อพยพไปอยู่ที่อื่น
              หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสืออาละวาดไปกินสัตว์เลี้ยงชาวบ้านเขา เขาตามลอยไป ก็ไปถึงหลุมศพแม้วนั่นน่ะ แล้วมันมีรอยกว้างชนิดที่ว่าคนมุดเข้าไปได้อยู่ เขาเลยเอาหน้าไม้ผูดเชือกยิงเข้าไป พอชักเข้ามามันมีเลือดติด แต่ว่ามันไม่มีเสียงเสือไม่มีอะไร เลยพร้อมใจกันขุดขึ้นมา ปรากฏว่าไอ้นั่นมันเป็นคน แม้วคนนั้นแหละแต่ว่ามือเท้าเป็นเสืออยู่ แล้วยังมีหางอยู่หน่อยหนึ่ง เขาก็เลยช่วยกันเผาทิ้งไปเลย
      ถาม :  อ้าว แล้วตายมันตายยังไม่รู้เลยตายจริงหรือตายปลอม ?
      ตอบ :  ก็ แสดงว่าตัวเมียเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าผัวมีสภาพอย่างนี้ พอตายปุ๊บเขารีบฝังไปเลย
      ถาม :  แต่ตอนนั้นที่ตายจริงน่ะสิ
      ตอบ :  ตายแล้วร่างคนน่ะตายแต่พวกได้มหิทธิกาเปรต หรือไม่ก็กาลกัญจิกอสุรกาย มันแฝงร่างหากินต่อ อันตรายเหมือนกัน เรื่องโลกจิณไตย ถ้าหากว่าพูด ๆ ไปนี่ก็ประสาทกินเหมือนกัน มันไม่น่าจะเป็นไปได้แต่มันก็เป็นไปได้ “อจิณไตย” พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ควรคิดไม่ควรไปหาเหตุผล ผู้ใดคิดพึงมีส่วนของความเป็นบ้า มันเสียเวลากับการปฎิบัติ
      ถาม :  เรื่องของอะไรที่มันแปลก ๆ ไม่สามารถเจอได้ในโลกเนี่ย
      ตอบ :  เยอะ
      ถาม :  มันมีเยอะมากเลย ?
      ตอบ :  กรรมวิบาก โลกจิณไตย มันสารพัดสารเพเลย วิบากกรรม ถ้าทำเอาไว้มันปรุงแต่งออกไปพิลึกพิลั่น พิสดารกว่าที่เราคิดเยอะ ได้ดูไอ้นั่นไหมล่ะ ? หมาตัวหนึ่ง หูมันเหมือนหมี หูมันกลม ๆ แล้วก็หางเป็นกระรอก อย่างกับหมาตุ๊กตาเลย
      ถาม :  มีจริง ๆ ?
      ตอบ :  มีจริง ๆ เขาเจอมัน เจ้าของน่ะเจอ เป็นหมาที่เรียกว่า จรจัดเห็นมันโทรมมาก ขับรถไปเจอก็เลยอุ้มขึ้นรถมารักษา จนกระทั่งหาย ขนสวยขึ้นมา ถึงไปเห็นว่ามันน่ารักขนาดนั้น หูมันกลม ๆ กลมบ๊องเลย แล้วก็หางเหมือนกระรอกแต่มันเป็นหมา เขาบอกว่ามันน่าจะมีเชื้อสายของพันธุ์อะไรก็ไม่รู้ ที่เป็นหมาเล็ก ๆ
      ถาม :  เชื้อแม่มันเป็นชู้กับกระรอก (หัวเราะ)
      ตอบ :  เสร็จแล้วเขาเอาไปไว้ในกองตุ๊กตาแล้วถ่ายรูปมา คนบอกไม่ได้ว่าตัวไหนเป็นตัวหมาตัวไหนเป็นตุ๊กตา เอาลักษณะส่วนหัวมันเหมือนตุ๊กตาหมี แต่หางมันเป็นกระรอก
      ถาม :  แปลว่ากรรมพันธุ์เหรอ ?
      ตอบ :  ใจมันจะต้องไปฝังอยู่ ไอ้แม่หมาตัวนั้นมันต้องฟุ้งซ่านถึงหมีหรือกระรอกตอนคลอดลูก (หัวเราะ)
      ถาม :  ดีนะเขาไม่จับมันไปดอง
      ตอบ :  ก็มันยังเป็น ๆ อยู่นี่ถ้าตายมันคงโดนผ่าพิสูจน์แน่เลย แต่ความจริงมันพิสูจน์ พวกยีนส์ พวก DNA อะไรมันน่าจะรู้ว่ามันเป็นอะไรแน่นะ
      ถาม :  นักวิทยาศาสตร์ก็คงตามอะไรไม่ทันหรอกค่ะ
      ตอบ :  จะไปตามทันอะไร มนุษย์หิมะมันยังหาไม่เจอเลย ทั้ง ๆ ที่ว่ามีเป็นฝูง
      ถาม :  เขาหาไม่เจอเพราะว่าพวกนี้เขาหนี หรือว่าไปไม่ถูกกัน ?
      ตอบ :  เขาไปไม่ถึง พวกนี้เขาจะอยู่อย่างของทิเบต เขาจะอยู่แถวปากปล่องภูเขาไฟเก่า มันจะมีความร้อนเหลืออยู่ ทั้ง ๆ ที่รอบข้างเป็นทุ่งหิมะไกลสุดลูกหูลูกตา แต่บริเวณนั้นจะเป็นบริเวณอบอุ่น แล้วถ้าพวกผลไม้พวกต้นไม้ขึ้นงามมากเลย
              พวกพระทิเบตที่เขาศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพรเขาจะรู้เพราะว่าเขาไปเก็บสมุนไพรบ่อย แล้วพวกนี้ เขาก็คบกับคนอย่างลักษณะว่าผูกมิตรดี อาจจะเป็นพวกพระมีความเมตตาอยู่เป็นปกติหรือยังไงไม่รู้ ถึงเวลาไป บางทีสมุนไพรมันเก็บยาก มันอยู่ทางปากเหว หมิ่นแหม่ พวกนี้เขาปีนคล่องกว่าเขาก็เก็บให้ เขารู้ว่าจะเอาประเภทไปจิ้ม ๆ ชี้ ๆ ใบ้ไปใบ้มาเดี๋ยวเขาก็เก็บมาให้
      ถาม :  เขาคงแปลกใจที่มีพระไปเก็บ ไม่มีพระไปเก็บนานแล้วนะ
      ตอบ :  พระเขาก็ไปกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ว่าเขาเองเขาก็คล้าย ๆ กับว่ามันไม่มีหน้าที่ไปเล่าให้ใครฟัง ยกเว้นว่าเออ ไปถามตรงตัวก็แล้วไปถ้าไม่ตรงตัวเขาก็ไม่ไปนั่งโพนทะนาหรอก
      ถาม :  มีสักกี่องค์ที่จะกล้าเขียนแบบ ลืมชื่อไปแล้ว ท่านอะไร ?
      ตอบล็อบซัง ลัมปา หนังสือเล่มนั้นอ่านตั้งแต่ป. ๒ นะ แล้วแปลใหม่ ๆ นี่ เป็นอะไร The??third?eyes?ตาที่ ๓ มาไอ้ชุดใหม่มันแปลเป็นอะไร โอมมณีปัทเมหุม ใช่ไหม ? เล่มเดียวกันเลย นั่นอ่านตั้งแต่ ป. ๒ ในสมัยที่ตะลุยอ่านหนังสือให้หมดทั้งห้องสมุดน่ะไปเจอเข้า
      ถาม :  วัฒนธรรมพวกนี้ ยังมีเหลืออยู่มั้ยที่ทิเบต เขาเขียนว่าตำรายาเขาดีพวกนี้
      ตอบ :  วิทยาการพวกนี้มันก็สืบทอดมาเรื่อย แต่ว่ามันเสื่อมไปตามยุคตามสมัยเพราะคนที่จะศึกษารู้จริงมันน้อยไง
      ถาม :  เพราะว่าคนทำตาที่ ๓ ได้ มันมีแค่บางคนเองมั้ง อยากเห็นของจริงจะเป็นยังไง คงเป็นเหมือนแผลเป็นแน่เลย
      ตอบ :  ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ฟังดูวิธีการแล้วมันหวาดเสียว เขาสร้างดวงตาที่ ๓ ด้วยการเอาสว่านไชตรงหน้าผากเข้าไปถึงไอ้โพรงอากาศอะไร โพรงไซนัสมันน่ะ เสร็จแล้วก็ฝังสมุนไพร
      ถาม :  ..........(ฟังไม่ชัด).........
      ตอบ :  ก็ไทยมหารัฐประเทศของเราก็จะเริ่มกว้างขึ้น
      ถาม :  เป็นระบบสาธารณรัฐ ....(ฟังไม่ชัด)....
      ตอบ :  ก็แล้วแต่ว่าเราจะปกครองระบบไหนล่ะ เกิดมีใครเขามาพึ่งพิงขอร่วมไพบูลย์ด้วยก็รับเขาเอาไว้ก็แล้วกัน ประเทศจะใหญ่ขึ้นเรื่อยไหม ? โกหกมั้ง ? กัดฟันอยู่อีกสัก ๒ รัชกาล เดี๋ยวก็ได้เห็นเอง คนอื่น ๆ เขายังอยู่ได้ตั้ง ๔ แผ่นดินเนอะ แต่ถ้ามันอยู่แผ่นดินรัชกาลที่ ๕ นี่แผ่นดินเดียวก็ปางตายแล้ว ๕๐ กว่าปี (หัวเราะ) ที่พูดถึงรัชกาลที่ ๙ เผลอไป รัชกาลที่ ๕ นั่นเท่าไร ๔๒ ปี
      ถาม :  รัชกาลที่ ๙ นี่น่าจะ ๖๐
      ตอบ :  ก็กำลังลุ้นอยู่ให้ท่านอายุถึง ๘๓ ปี ก็เท่ากับว่าท่านต้องครองราชย์เท่าไหร่ล่ะ ? ๖๔ ปี เพราะท่านครองตั้งแต่อายุ ๑๙ นี่
      ถาม :  ไม่มีใครลบสถิติได้
      ตอบ :  ก็ไม่แน่เหมือนกัน สมัยพระบรมไตรโลกนาถเท่าไหร่ ? ๓๐ ปี ใช่ใหม ? รัชกาลที่ ๕ ท่านก็ลบสถิติไป พอรัชกาลที่ ๕ ท่านครอง ๔๒ ปี ใคร ๆ ก็ไม่มีคนลบสถิติได้ รัชกาลที่ ๙ ท่านก็ลบได้ อย่าลืมนะบางช่วงนี่คนจะอายุยืนมากนะ บางช่วงก็อายุเป็นหมื่นปีอย่างนี้น่าจะทำลายได้
      ถาม :  ก็คงไม่ใช่ในอีก ๒ รัชกาล
      ตอบ :  ก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ว่าราชวงศ์จักรีของเรานี่มีเป็นร้อยรัชกาลไม่ต้องห่วง
      ถาม :  อ๋อ จะมีเป็นร้อยเหรอคะ ?
      ตอบ :  มีเป็นร้อยรัชกาลเลย
      ถาม :  แล้วอีก ๒ รัชกาลนี่สักกี่ปี ?
      ตอบ :  อันนี้เป็นนิทานโกหก ถ้าใครอยากรู้ว่าจริงไหม ต้องอยู่ดูสิว่าจะมีเป็นร้อยรัชกาลจริงหรือเปล่า
      ถาม :  แล้วจะสืบต่อยังไง ?
      ตอบ :  ถึงเวลาก็รู้เองแหละ ก็อย่าไปกังวลสิ
      ถาม :  อยุธยานี่มีกี่รัชกาลคะ
      ตอบ :  อยุธยามี ๓๓ มั้ง ๔๐๐ กว่าปีใช่มั้ย ๔๑๗ ปี
      ถาม :  จะมีตั้งหลายราชวงศ์อยุธยา
      ตอบราชวงศ์ปราสาททอง ราชวงศ์สุวรรณภูมิ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ก็อย่างพระเจ้าทองล้น ๗ วันเอง พระยอดฟ้ากี่ปีเอง ไม่ถึงปีมั้ง ที่โดนขุนบรมวงศาธิราช จับปลงพระชนม์ แล้วแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ มาว่าราชการแทน ไอ้คำว่าแม่ยั่วเมืองน่ะ สมัยก่อนมันมาจากคำว่า “แม่อยู่หัวเมือง” แล้วเสร็จแล้วมันก็เลยกร่อนลงมาเหลือแค่แม่หยั่วเมือง ไอ้สมัยใหม่มันอ่านเป็นแม่ยั่วเมือง กลายเป็นไม่ดี สมัยก่อนเขาหมายถึงผู้หญิงที่ครองเมือง