ถาม :  ฝึกเมตตาตัวเดียวเหรอคะ ?
      ตอบ :  ฝึกเมตตาตัวเดียว แรก ๆ ใหม่ ๆ ฝึกงี้ขำจะตาย แหม... วันแรกมันชุ่มมันเย็นเหมือนกับซุกน้ำแข็งไว้ในอก มองฟ้า มองดิน มองจิ้งจกตุ๊กแกยิ้มให้มันได้หมด ไม่รู้จะยิ้มให้ใครเดินไปยิ้มกับถนนก็เอา พอวันที่สองหนักขึ้น ๆ เหมือนยังกับแบกช้างไว้ทั้งตัว วันที่สามนี้ไม่เกินครึ่งวันทะร่อทะแร่เป็นนกปีกหักร่วงแอ้ก ไม่เป็นท่า เอาไปรายงานหลวงพ่อท่านก็หัวเราะ ท่านขำ ท่านบอกอย่าลืมนะว่าถ้าฌานสี่ไม่คล่องตัว ตัวเมตตาบารมีมันทรงยาก เมตตาบารมีใช้กำลังสูงมาก
              ท่านถึงบอกว่าให้ในบ้าน ให้ทำในวัดก่อนเราอยู่ตึกกองทุนมันไม่ต้องไปไกล ต้นมะม่วงขึ้นอยู่หน้าตึก หน้าตึกก็มีต้น หลังตึกก็มีต้น เลือกเอาสิว่าจะเอาต้นไป แล้วโรงครัวก็อยู่ไม่ห่างไม่เกิน ๕๐ เมตร อดก็เดินไปโรงครัวก็ได้ แหม.... หลวงพี่ท่านพอรู้วิธีก็ออกป่า...เกือบตาย ๓ เดือนกลับมามีแต่หนังหุ้มกระดูก ท่านถึงได้บอกว่าท่านเป็นหนี้ชีวิตอยู่ไง ไปรั้งชีวิตให้คืน ๗ รอบ ๘ รอบ กว่าจะครบ ๓ เดือน ท่านตั้งใจว่าจะอยู่ให้ครบ ๓ เดือน แล้วก็จะกินแต่อาหารที่เขาใส่มาในบาตรเท่านั้นเอง ในป่าอย่างนั้นถ้าไม่ใช่พวกเราเข้าไปมันจะมีใครไปใส่บาตร นอกจากรอเทวดาเขา
              เทวดาตรงนั้นจริง ๆ แล้วเขาให้หวยแม่นนะ สมัยที่อยู่คนเดียว ๒ เดือนกว่าเท่านั้น แรก ๆ ลุงปาน เขาได้รับคำสั่ง เขาไปส่งเสบียง ส่งไปส่งมาก็ขี้เกียจ บางทีก็ ๑๐ วัน ๑๕ วัน ไม่ได้เจอหน้า พอเทวดาเขาบอกหวยเราก็เขียนไว้ เขียนเอาไว้ข้างกองไฟทีนี้ลุงปานมาได้ไปงวดเดียวเท่านั้นแหละ.... ครกกระบากสากกระเบือมันแบกไปให้หมด กระทั่งที่นอนยังแบกไปให้เลย ขยันมากเลยไอ้ตอนไม่ได้หวยนี่ขี้เกียจ (หัวเราะ) งวดสุดท้ายนี่ทะเลาะกับแสงชัย แทบเป็นแทบตาย ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะ... เขานัดวันที่ ๒๙ ธันวาคม แล้วแสงชัยเข้าไปวันที่ ๓ มกราคม ลุงปานเข้าไปถึงเห็น ๓ ตัวเจ๋ง ๆ เลยเพิ่งออกไป โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงบ่นซะประเภทตั้งแต่เดินไปยันเดินกลับเลย คือ ของแกคล้ายกับว่าบุญแกน้อย ถึงได้สอนไปว่า เรื่องหวยน่ะ มันเป็นผลของการทำบุญที่ไม่ได้ตั้งเจตนาไว้ก่อนในอดีตส่งผลให้ ถ้าเราทำมากก็ได้มากทำน้อยก็ได้น้อย ให้สังเกตว่าเราเคยเล่นเท่าไหร่แล้วได้ก็อย่าเล่นเกินนั้นมันเกินบุญตัวเอง มันจะไม่ได้
              ลุงปานแกเล่นแกจะเล่นล้มเจ้ามือ แกบอกจะเอาให้มันดังสักทีปรากฏว่าตัวไหนแทงไม่เกิน ๕๐ บาทจะถูก คือ แกกลับไปกลับมา ถ้าตัวไหนแทงทีหนึ่งหลาย ๆ ร้อย ยิ่ง ๓ ตัวแทงมัน ๑,๐๐๐ – ๒,๐๐๐ เลย ไม่ได้กินหรอกสูญหมดแกก็จะไปได้ตัวที่น้อยที่สุด เข้าไปวันนั้นเจอ ๒ ตัวไม่ต้องกลับ โกรธแสงชัยจนทุกวันนี้คุยกันหรือยังไม่รู้ บ่นซะไม่มี... ว่านัดกันวันที่ ๒๙ แล้วทำไมไม่มา
              แต่ความจริงแสงชัยไม่มาแกก็น่าจะเข้าไปเอง แกไม่เข้าเองแล้วจะโทษใครล่ะ ? เทวดาเขาก็เหลือร้ายนะเขารู้อยู่แล้วว่าไม่มาเขาก็ให้ ๓ ตัวตรง ๆ ไปแถวนั้นไปไม่ค่อยได้หรอก ขึ้นไปเจอหน้ากันมันแทบจะอุ้มไปเลย เพราะเจ้าที่แถวนั้นเขาเก่งเขาให้หวยบ่อย ไปทีไรมันได้กันทุกที หลวงพ่อท่านห้ามอาตมาให้หวย แต่ถ้าเขาบอกมาแล้ว เราบอกต่อไม่เป็นไร เราไม่ได้ให้ แต่เราแค่เอาจากเขามาแล้วเราบอกต่อ ไอ้ที่ไปใต้ก็เหมือนกัน ให้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าเจ้าแม่เขาให้เมื่อไหร่ก็ได้ เจ้าแม่โต๊ะโมะ ให้หวยเก่งแต่ไม่ค่อยให้ใคร
              เจ้าแม่ท่านไม่ซี้ซั้ว ท่านต้องรู้วาระเขาด้วยว่ามีบุญหรือเปล่า ? ถ้าวาระของทานบารมีมาสนองยังไงมันก็ต้องได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นี่แกก็เล่นให้หวย งวดแรกก็ถูกกันไป พวกที่ไม่มั่นใจไม่ได้เล่นก็ แหม... อยากจะได้งวดต่อไป พอทุ่มลงไปไม่ถูกเลยสมน้ำหน้า! คุยกันเรื่องอะไร ? เรื่องกินข้าวเทวดาออกไปยันหวยชักจะไปไกล หลวงพ่อท่านห้ามให้หวย ไอ้ตอนที่ให้จริง ๆ มันเกิดจากโยมเยี่ยมแม่ครัวที่วัดที่ให้โยมเยี่ยมเพราะแกมีสัจจะ แกบอกว่าแกอยากได้เงินทำบุญเท่าไร ก็ให้แกไปแกจะมาขอก็ให้แกไปตัวเดียวแกก็ไปเล่นถูกทีหนึ่ง ๒๐๐ - ๒๐๐ มันไม่เยอะหรอก แต่แกได้ถวายสังฆทานแกก็พอใจ เดี๋ยวนี้พอสัก ๒ งวดขึ้นไป คนเริ่มสังเกตไอ้ยายนี่ถูกติดกันนี่หว่า งวดต่อไปมันก็ตาม อาตมาก็บรรลัย ( หัวเราะ) หลวงพ่อท่านบอกว่า รู้ ๆ อยู่ไปบอกเขามันก็เท่ากับไปปล้นเขา ท่านสั่งห้ามเลย ห้ามให้หวยแล้วห้ามบอกว่าคนตายแล้วไปไหน
              ถ้าคนตายมันมาบอกเองนี่ อาตมาจะบอกต่อได้ แต่ถ้าคนตายแล้วมันไม่มานี่บอกไม่ได้หรอก ถ้าคนถามบอกไปเลยว่าไม่รู้ บางทีถ้าถวายสังฆทานอยู่เขามายืน บอกเองเลยว่าเขาตายแล้วเขาไปไหน
              มีอยู่เที่ยวหนึ่งพวกออมสินเขามา คนหนึ่งถวายสังฆทานให้ผัว คนหนึ่งถวายสังฆทานให้พ่อ ตายแล้วทั้งคู่ ไอ้ผีก็มาในลักษณะมนุษย์ แก่งั่กมาเลย เอ.. เราก็ว่าต้องเป็นพ่อยายคนนี้แน่ ๆ เลยถามเขาบอกว่าพ่อหน้าตาอย่างนี้ใช่ไหม ? อีกคนบอกไม่ใช่นั่นผัวหนู (หัวเราะ) ใครจะไปรู้ว่าผัวมันแก่ขนาดนั้น แสดงว่าชาติที่แล้วเขาทำบุญด้วยดอกไม้เหี่ยว ไม่ใช่นะคะนั่นผัวหนู.... ว่างี้ ผัวเขาแก่งั่กเลยนะ เราก็ต้องคิดว่าเป็นพ่อของอีกฝ่ายหนึ่งอยู่แล้ว มันมาแก่ขนาดนั้น ไอ้อย่างนั้นน่ะบอกได้เพราะเขามาเอง แต่ที่เดินมาถามดุ่ย ๆ เลย แล้วผีมันไม่โผล่มายืนยันเลยอันนี้บอกไม่ได้หรอก เพราะหลวงพ่อท่านห้ามไว้ ท่านบอกว่าการบอกว่าคนตายแล้วไปไหนมีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไรเลย เพราะบางคนทำดีมาตลอดชีวิต แต่ลงนรกเพราะจิตสุดท้ายไปเกาะความเลวเข้า คนทำชั่วมาตลอดชีวิตจิตสุดท้ายเกาะความดีได้ไปสวรรค์ ถ้าไอ้คนทำความดีมาตลอดชีวิตแล้วลงนรก นี่ลูกหลานมันจะมีอารมณ์ทำความดีไหมล่ะ ? ขาดทุนย่อยยับใช่ไหมถ้าบอกเขา ท่านก็เลยสั่งห้าม ท่านบอกถ้าใครถามบอกให้ไปฝึกเอง
              ออมสินสำนักงานใหญ่ คุณอัจฉรา ยะธิกุล สามี แหม... แก่เชียว ส่วนจริยา ทำบุญให้พ่อมันแต่งสีกากีมามีขีดด้วยนะ เอ๊ะ ! เราก็เอ๊ะมันชุดอะไรหน้าตาแปลก ๆ ไม่เคยรู้จักหรอกว่ามันชุดอะไร ก็ถามเขาพ่อเป็นข้าราชการด้วยเหรอ แต่งชุดแบบนี้มาเขาบอก....พ่อเขาเป็นสารวัตรกำนัน เออ...สารวัตรกำนันติดขีดด้วยเหมือนกันนะ ไม่เคยเห็นจริง ๆ นะ ของเรามันชินตากับชุดข้าราชการอำเภอหรือพวกครูอะไรอย่างนั้นใช่ไหม อยู่ ๆ ไปเจอในลักษณะนั้นมันแปลก ๆ ไม่เคยเห็นสารวัตรกำนันมันไม่น่าเชื่อว่าเขาจะให้แต่งเครื่องแบบด้วย เราก็นึกว่ากำนันอย่างเดียวให้แต่งเครื่องแบบ

      ถาม :  อย่างการที่เราจะอุทิศบุญกุศลให้เขาต้องเกี่ยวเนื่องกับเราหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าท่านมามันต้องเกี่ยวเนื่องกันอยู่แล้ว แล้วถ้าหาก ว่าถามใคร เรื่องอะไร หรือว่าขอการสงเคาระห์จากใคร ยึดองค์นั้นไว้เลย อย่าประเภทเปะปะมั่วไป ถ้ามั่วไปเมื่อไหร่โดยเฉพาะเรื่องการถามนี่เดี๋ยวโดน เพราะว่าโลกอื่นเขาไม่โกหกกัน เขาว่ากันตรงไปตรงมา ถ้าเราไปถามเปะปะ โดยเฉพาะปัญหาซ้ำซ้อนมันเท่ากับไม่เชื่อถือเขา เดี๋ยวเขาก็หลอกเอา ถามใครต้องถามองค์นั้นตลอด
      ถาม :  ......................
      ตอบ :  ถ้าสมาธิละเอียด ๆ นี้ ได้ยินเสียงตัวเองกรนนะ โดยเฉพาะตั้งแต่ปฐมฌานละเอียดขึ้นไปสติมันรู้อยู่ กรนก็ได้ยินเสียงตัวเองกรน
      ถาม :  หลวงพ่อหนูทำได้แล้ว
      ตอบ :  อือม์ ได้แล้วอย่าเพิ่งไปเชื่อมันนะ
      ถาม :  .......................
      ตอบ :  เพราะว่ากำลังใจของเรามันมีขึ้นมีลงเป็นปกติ ถ้าได้แล้วไปเชื่อว่ามันดีแล้วเดี๋ยวมันพังก็นั่งร้องไห้อีก ต้องระมัดระวังอยู่เสมอห้ามประมาท
      ถาม :  ปกติกำลังจะมีขึ้นมีลง ?
      ตอบ :  ถ้าขาดการทบทวนซ้อมไว้เสมอ ๆ ถ้ามันไม่ใช่อารมณ์ทรงตัวจริง ๆ มันจะเสื่อม
      ถาม :  ..............................
      ตอบถ้าหากว่าทำสมาธิสม่ำเสมอมันก็จะทรงตัวไป มันก็จะก้าวหน้าไป มันก็ไม่แน่ถ้าหากว่ากำลังใจยังเป็นโลกีย์อยู่ บางทีตัวอกุศลกรรมจะตัดมันก็พังเอาดื้อ ๆ ที่เขาเรียกสมาธิตก กำลังใจตก มันก็ฟุ้งซ่านไม่อยากจะทำความดี บางทีก็อยากจะชั่วให้มันสะใจ ทำนองนั้น ฟังว่าเขาทำได้แล้วเราก็โมทนานะ ถ้าเขาพังเมื่อไหร่เราก็คอยประคองไว้แล้วกัน
      ถาม :  .......( ไม่ได้ยิน)........ถ้าเกิดปัญญายอมรับกันมันก็จะไม่เสื่อม ?
      ตอบ :  ถ้าวิปัสสนาญาณนี้จะไม่เสื่อม สภาพจิตยอมรับแล้วมันรับเลย
      ถาม :  ถึงแม้บางครั้งยอมรับแล้วคือหมายถึงว่าเจอยังไง ?
      ตอบ :  มันจะไม่คัดค้าน มันจะไม่คัดค้านอีก บอกมันว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรานี่มันเชื่อเลย .....( ไม่ได้ยิน)...เป็นไงทิพย์มีอะไรไหม ? รอจนกว่าเขาจะมาใช่ไหม ? เอาเหอะ... รักยาวให้บั่นรักสั้นให้ต่อ ของพรรค์นี้ถ้าต่อเมื่อไหร่ อนาคตมันจู๋มันก็เลยสั้น ก็อย่างทิดฉัตรไง เขาก็คิดว่า เออ.. มันน่าจะทำได้แล้วไง... ท่านนั่งกลุ้มอยู่เรื่องเล็กเรื่องน้อยอะไรบางอย่างมันก็กระทบกระทั่งกันได้ จริง ๆ แล้วมันน่ากลัว คนมีครอบครัวแล้วโอกาสที่จะดีมันยิ่งกว่าแทงหวยหวังรางวัลที่หนึ่ง คู่ที่เรามันเหมาะสมกันแท้ ๆ เลยบางทีตัววาระกรรมมันเข้ามาก็ทำให้เข้าใจผิดกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะฉะนั้นการมีครอบครัวนี่สำหรับใครไม่ทราบ แต่สำหรับอาตมานี้รู้สึกว่ามันน่ากลัวมากเลย
      ถาม :  แล้วมันเป็นทุกคู่ ?
      ตอบ :  มันก็มี ใช่ไหม ? แต่ว่าโอกาสที่วาระกรรมมันเข้ามาสนอง เมื่อโอกาสที่จะทะเลาะกันบ้านแตกก็มีเยอะ เนื้อคู่ที่ศีลเสมอกัน ทางเสมอกันปัญญาเสมอกัน มันหายาก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าบุคคลที่จะครองสุขกันอยู่ต้อง ทานเสมอกัน ศีลเสมอกัน ปัญญาเสมอกัน แบบนี้ วันนี้คุณทรงยศ เขามาเขาปรารถว่า สมัยหลวงพ่ออยู่พาภรรยาไปนะ ภรรยาเขาประเภทที่เรียกว่าไม่ชอบเอาเลย ถึงขนาดคัดค้านกันเลย ก็ตัวเองเคารพหลวงพ่อภรรยาคัดค้านก็เลยทะเลาะกัน จนกระทั่งทุกวันนี้พอรู้ว่าไปวัดก็บ่น ๆ ด่า ๆ ไปเลย แบบนี้ศีลไม่เสมอกัน ปัญญาไม่เสมอกัน ลำบาก
      ถาม :  หลวงพ่อคะ ปัญญามีอยู่ทางเดียวเหรอคะ ?
      ตอบ :  ทางโลก ทางธรรม ก็ได้ ให้มันเสมอกันก็แล้วกัน ปัญญาทรงโลกมันก็น่าจะมีนะ รู้ว่าสามีเราชอบอย่างนั้นเราก็อย่าไปคัดค้านสิ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของครอบครัวก็คล้อย ๆ ตามไปบ้าง พอถึงเวลาเรื่องที่เราชอบเขาก็คล้อยตามมาได้นี่ มันไม่จำเป็นต้องปัญญาทางธรรมก็น่าจะมองเห็น
      ถาม :  แล้วอย่างนี้คนที่เขาแต่งงาน แล้วถ้าเขาต้องทำบุญกันเยอะ ๆ
      ตอบ :  ก็โอกาสดีขึ้นก็มี แต่อย่าเผลอนะ มันไม่ได้ทำบุญมาตลอดช่วงบาปมันมี ถ้าวาระบุญมันสะดุดลงด้วยเหตุใดก็ตาม โอกาสที่บาปมันแทรกมันมี ต้องทำสม่ำเสมอต่อเนื่องไปเรื่อยอย่าเผลอเปิดช่องให้เขา เปิดช่องเมื่อไหร่นี่เจ้าหนี้มาเพียบ มันรายเดียวยังพอจ่ายให้มัน มันมาเยอะเลย แต่สังเกตว่าบางคนพอถึงช่วงตกอะไร ๆ ที่มันไม่ดีมันนะรุมมะตุ้มกันมาเต็มไปหมด ก็คือเขารุมทวงกันทีเดียว มันหนีมานานแล้วไม่ได้เงินต้นเอาดอกก็ยังดี
      ถาม :  แล้วพวกที่เข้าวัดบ่อย ๆ ก็ยังมีอยู่ ?
      ตอบ :  มันไปทะเลาะกันหน้าหลวงพ่อก็มี อย่างคู่ที่ชัดที่สุดพี่สาวกับพี่เขย (ของคนถาม) นั่นนะเข้าวัดด้วยกันทั้งคู่ แล้วเสร็จแล้วดูสิว่าเขามีความสุขไหมตอนนี้
      ถาม :  ........................
      ตอบ :  มันไม่ตีกันต่อหน้าหลวงพ่อ แต่ว่ายังไงเขาก็ประเภทขัดคอกันอยู่เรื่อย ๆ เสร็จแล้วปรากฏว่าตัวพี่เขยของเจ๊หลิน เขาคนที่ทุ่มเทที่สุดตอนนี้ยังไม่ได้อะไร แต่คนที่พี่สาวที่เจ็บช้ำน้ำใจอยู่ตลอดเวลาจากการกระทำของพี่เขยไปนิพพานแล้วจ้ะ เห็นทุกข์มากกว่า (หัวเราะ)
      ถาม :  หลวงพ่อท่าน..........
      ตอบ :  จริง ๆ ก็คือพี่เขยเขามาก่อน เขาไม่อยากจะแต่งงาน แต่ทีนี้ลูกผู้ชาย... คนจีนด้วยไง เสียพ่อแม่บังคับไม่ได้ แต่งแล้วก็ว่าเจ๊เขาว่าเป็นมารมาขวางความดีเขา ไป ๆ มา ๆ มารกลับอยู่นิพพาน แต่พระยังไม่ได้ไปไหน ( หัวเราะ) ตอนเป็นฆราวาสหัวเราะซะไม่มี มันก็ไม่มีเรื่องอะไรนอกจากเรื่องของพี่เขยเขาอย่างเดียว
      ถาม :  แล้วเมื่อวานตัดสินใจกันไม่ถูกเหรอคะ ?
      ตอบ :  เขาวางกันไม่ถูก ของเขานั้นมันเกินแต่ของเจ๊ประภา เขาพอดี ระยะหลัง ๆ นี้ถ้าคุยกันถึงเรื่องนี้นึกถึงแกเมื่อไหร่แกนั่งหัวเราะอยู่ข้างบน อั๊วสบายแล้ว... ปล่อยมัน (หัวเราะ)