ถาม :  ประวัติศาสตร์จีนอย่าง บูเช็กเทียนนี่ เขาครองราชย์ความสามารถในการครองประเทศเป็นยังไงบ้าง ?
      ตอบ :  มหาเสนาบดีเก่ง
      ถาม :  เป็นเพราะว่ามีคนดีหรือว่าไม่ใช่ความสามารถส่วนตัว
      ตอบ :  ก็ต้องใช้คำว่านายกรัฐมนตรีดี ก็คือว่า เต๊กยิ่นเกี๊ยดนี่ เขาจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ซื่อสัตย์แล้วตรงไปตรงมา ขนาดจักรพรรดิณีท่านเกรงใจ จนกระทั่งมีอยู่ช่วงหนึ่ง อย่างของเต๊กยิ่นเกี๊ยดนี่มันจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
              เรื่องเกี่ยวกับอธิษฐานบารมี เต๊กยิ่นเกี๊ยด เขาจะโดนประหารชีวิต ก็อธิษฐานว่าถ้าเขาไม่ผิด ขอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก มันจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ มันจะเกิดเป็น มิราจภาพลวงตา หรือบังเอิญมันจะมีฝนอะไรตกทางด้านนู้นแล้วมันจะสะท้อนเงาพระอาทิตย์ อะไรก็ตามก็ไม่รู้แต่พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก เขาก็เลยต้องปล่อยขนาดธรรมชาติช่วยขนาดนั้นน่ะ เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องอธิษฐานบารมีนี่ล้อเล่นไม่ได้นะ บุคคลที่กำลังบารมีเขาถึงนี่ เขาทำได้จริง ๆ
      ถาม :  ขออะไรก็จะได้ ?
      ตอบขออะไรก็เป็นไปตามนั้น แต่ว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องของผิดศีลผิดธรรม เขาซื่อสัตย์มาตลอด ไม่เคยทำผิดเลย จนกระทั่งตอนหลังได้แต่งตั้งเป็นมหาเสนาบดี บูเช็กเทียน นี่เขาเป็นคนที่ใช้คนเป็น นอกจากท่านจะมีความสามารถ ในการปกครองแล้วยังใช้คนเป็น คนไปตำหนิท่านว่าผัวเยอะ แต่ว่าไม่เข้าใจความคิดของท่าน ท่านเห็นว่าฮ่องเต้ยังมีนางสนมตั้ง ๓,๐๐๐ น่ะ ท่านเอง ก็เท่ากับว่าเป็นฮ่องเต้ผู้หญิง มันก็ต้องมีบ้าง ท่านก็เลยคัดผู้ชายไปเป็นสนมเหมือนกัน
              คนสมัยใหม่นี่มันเล่นเอาศีลธรรมจรรยาของสมัยนี้ไปวัดเขา มันจะไปอะไรได้ล่ะ ของเขา เขาก็แสดงออกถึงพระราชอำนาจ ซึ่งความยิ่งใหญ่ของท่านใช่ไหม ? ท่านก็ทำเป็นปกติ อย่าลืมว่าแผ่นดินสมัยบูเช็กเทียนนี่ จีนนี่เจริญรุ่งเรืองมากเลยนะ ขนาดต่างประเทศยอมรับ เขาไม่เก่งจริงเขาคงทำไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างนี่มหาเสนาบดีดีด้วย ซื่อสัตย์มาก ตรงไปตรงมาทุกอย่าง เชื้อพระวงศ์ทำผิดยังโดนลงโทษเท่ากับคนสามัญนะ แล้วโดยเฉพาะมันมีอยู่รายหนึ่ง เป็นนักบวชแล้วก็เป็นชู้ลับ ๆ กับบรรดาผู้มีอำนาจ แล้วไม่สามารถที่จะไปปิดบังความชั่วของตัวเองได้ก็แอบจับผู้หญิงที่ไปทำบุญไหว้พระที่วัดของตัวเองไปขังห้องใต้ดินไปข่มขืน
              พอท่านสอบสวนไปถึง สั่งประหารเลยไม่เกรงใจ เป็นเราสมัยนี้กล้าแตะมั้ยล่ะ ? พอบอกสมบัติบิ๊กจ๊อดนี่ไม่มีใครกล้าหือ .....(หัวเราะ) ของเขาตรงไปตรงมาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมาก
              ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดต้องอ่านในเรื่องบูเช็กเทียน หรือไม่ก็อ่านประวัติศาสตร์จีนทีละช่วงก็ได้ อย่าง น่ำซ้อง ปักซ้อง ตังฮั่น ไซฮั่นหรือว่า ซ้องกั๋ง อะไรพวกนั้น ซ้องกั๋งนี่มันเกี่ยวกับ ๑๐๘ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน ต้นราชวงศ์ซ้อง ก็ยังแบ่งออกเป็นราชวงศ์ซ้องฝ่ายเหนือ ราชวงศ์ซ้องฝ่ายใต้มีการย้ายราชธานี ตั๋งฮั่น ไซฮั่น ก็ประเภทตะวันออกตะวันตกของคนจีนเขาสืบทอดมาหลาย ๆ พันปี
      ถาม :  แล้วจะกลับไปสู่ระบบจักรพรรดิอีกทีรึเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ก็ต้องลองดู ถ้าอยู่ถึง อย่างสมัยของเหมาเจ๋อตุง หรือว่าเติ่งเสี่ยวผิง เขาลักษณะเป็นจักรพรรดิกลาย ๆ อยู่ดี บัญชาการได้หมด
      ถาม :  มิน่าพระมหากษัตริย์จีน เขาถึงเรียกว่าจักรพรรดิ เพราะมันใหญ่ดี
      ตอบ :  น่าจะให้เขา จักรพรรดิจีนนี่ถือว่ามีความสามารถมากที่สุด
      ถาม :  แล้วอย่างไซซีกับหย่างกุ้ยเฟยล่ะครับ ?
      ตอบ :  ทำไม ? หยางกุ้ยเฟย ไซซีอันนี้มีตัวจริง จริง ๆ แล้วสมัยนั้นผู้หญิงไม่สามารถที่จะต่อรองอะไรได้เลย ต้องพึ่งพิงผู้ชายโดยตลอด ก็เลยเหมือนกับสมบัติชิ้นหนึ่งจะยกให้ใครก็ได้ โดยเฉพาะผู้ชายที่เป็นเจ้าของจะยกให้ใครก็ต้องตามเขาไป ดู ๆ แล้วน่าสงสารหยางกุ้ยเฟยนี่อยู่ในลักษณะที่เรียกว่า เป็นพระสนมท่านใช้เสน่ห์ความงามของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ก็เลยสามารถผูกมัดใจฮ่องเต้ได้ แต่ว่าฮ่องเต้เองก็ขาดสติไปลุ่มหลงมัวเมาอยู่จนกระทั่งไม่ได้ว่าราชการ เรื่องมันก็เลยปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมด ก็เขาบรรยายความงามของไซซีว่า นกบินอยู่ถ้าเห็นก็ตกเลยปลาว่ายน้ำอยู่ก็จมป๋องไปเลย
      ถาม :  แล้วมาสิ้นสุดที่ราชวงศ์ถัง ?
      ตอบราชวงศ์ถัง พระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้ สมัยนั้นทั้งทางโลก ทางธรรมเจริญมาก แผ่นดินจีนกว้างใหญ่ที่สุด กว้างกว่าปัจจุบันนี้เยอะ
      ถาม :  สมัยของมองโกล ที่เจงกิสข่านตีไปถึงยุโรป แล้วไม่ใหญ่กว่าหรือครับ ?
      ตอบ :  อันนั้นมันการศึกการสงคราม ไม่ได้หมายความว่าศาสนาจะรุ่งเรือง สมัยพระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้นี่สมัยที่พระถังซำจั๋งไปอาราธนาพระไตรปิฎกจากอินเดียไง ศาสนารุ่งเรืองมาก สร้างวัดซะจนเป็นพัน ๆ วัดเลยล่ะ โดยเฉพาะวัดม้าขาว ที่สร้างถวายบูชาโดยเฉพาะ สร้างถวายพระถังซำจั๋ง เป็นวัดใหญ่ที่สุดในนครลกเอี๋ยงน่ะ สมัยนั้นลกเอี๋ยงนี่ภาษาจีนกลางเขาเรียกว่า “ลั่วหยาง”
      ถาม :  พระถังซำจั๋งนี่มีตัวจริงหรือคะ ?
      ตอบ :  มีจริง ๆ พระถังซำจั๋งนี่แหละมั้งที่เขียนถึง ใช่รึเปล่า ที่เขียนถึงเกี่ยวกับเรื่องไชยา อาณาจักรศรีวิชัยของไทยเรามีอยู่ในบันทึกการเดินทางของท่านด้วย
      ถาม :  แต่ว่าไซอิ๋วจริง ๆ แล้วเนี่ยเขาเอาประมาณการโม้ต่อ
      ตอบ :  มันก็ลักษณะเดียวกับสามก๊กไง สามก๊ก มันก็มีแต่แต่งเติมไปอะไรเข้าไป
      ถาม :  แสดงว่าไม่มีขงเบ้ง ?
      ตอบ :  มีแต่ขณะเดียวกันก็เป็นพวกเรา ก็ประเภทที่ว่าขงเบ้งเป็นพระเอกไง ลองนึกดูว่า ถ้าเราเป็นโจโฉล่ะ ยกพวกไป ๗๕ หมื่นเหลือกลับมา ๓๐ เนี้ย ๗๕ หมื่น ๗๕๐,๐๐๐ คน มันตายไป ๗๔๐,๐๐๐ กว่าเหลือมา ๓๐ เป็นเราไหวมั้ยล่ะ ตายกันทีขนาดนั้น เราก็ต้องว่าขงเบ้งนี่โหดสุด ๆ เลยใช่ไหม ?
      ถาม :  ข้าศึกจำนวนเท่าไหร่คะ เหลือกลับไปแค่นั้น
      ตอบ :  ข้าศึกจำนวนเท่าไหร่ ประมาณ ๓๐,๐๐๐ ขงเบ่งเขาใช้ภูมิประเทศ ใช้ดิน ใช้น้ำ ใช้ลม ใช้ไฟช่วย โดยเฉพาะไฟเผาสังหารข้าศึก
      ถาม :  ผมสังเกตว่าหลวงพี่ก็อ่าน ...(ฟังไม่ชัด) ... หลวงปู่มั่น ท่านทำ.....(ฟังไม่ชัด)...จริง ๆ มั้ยครับ ?
      ตอบ :  ทางสายอิสานที่ต้องปฎิบัติลำบากเราต้องดูด้วยนะลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะการทำมาหากินของทางสายอิสานนี่จะลำบากมาก ยิ่งสมัยก่อนที่การชลประทานยังไม่เหมือนสมัยนี้ มันแห้งแล้งจริง ๆ การต่อสู้ดิ้นรนเขาต้องมากกว่าปกติ กำลังใจเขานี่จะเข้มแข็งมาก ถ้าไม่ได้เจอทรมานมาก ๆ นี่จะเอาไม่ลง
              ดังนั้นสายหลวงปู่มั่นถึงได้ถนัดเกี่ยวกับธุดงควัตร บางคนบอกว่าธุดงควัตร ๑๓ ข้อของพระพุทธเจ้าเป็นอัตกิลมถานุโยค คือ ทรมานตัวจนเกินไป อันนี้ไม่ใช่ ธุดงค์ แปลว่าการแผดเผา เผากิเลส จะเหมาะสำหรับท่านที่กำลังใจเข้มแข็ง กลายเป็นพอดีของท่านไม่ใช่การทรมานตน