ถาม : ที่ทิเบตเขาบอกอากาศไม่ค่อยดีนะครับ
ตอบ : ที่ทิเบตอากาศมันบางเพราะพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ ๗ กิโลเมตร แล้วจะเอาอะไรหายใจ ไปที่โน่นจะป่วยเป็นโรคขาดอากาศ เดินเร็วไม่ได้ ทำอะไรรุนแรงไม่ได้ ต้องเป็นคนเรียบร้อยค่อย ๆ ทำ ตอนนี้อากาศหนาวมาก ออกจากรถบัสหรือเครื่องบินก็ตัวแข็ง
ถาม : เวลาเราคิดถึงใคร คนนั้นเขาจะรู้ได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : การที่เราตั้งใจคิดถึงใคร ถ้าบุคคลนั้นได้เจโตปริยญาณ เขารู้แน่นอน เพียงแต่ว่าจะให้ความสนใจในสิ่งนั้นไหม จำไว้ให้ขึ้นใจว่า เรื่องของอภิญญา เรื่องของสมาบัติ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาแสดงเพื่อเรียกร้องความสนใจของใคร การทำงาน วาระและเวลาต่าง ๆ ของท่าน จะใช้ไปเฉพาะหน้าตลอดเวลา อาจะต้องสงเคราะห์ใครบางคนอยู่ขณะที่เราคิดถึงท่าน แล้วท่านจะไม่มีเวลามาสนใจกับเราหรอก เอาเวลาไปสงเคราะห์คนที่เข้าถึงธรรมดีกว่าไอ้ที่จะมาอวดว่า เฮ้ย... ข้ารู้นะเว้ยว่าเอ็งคิดอะไร มันเสียเวลาเปล่า
ประคับประคองมันเอาไว้โดยเฉพาะการอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าตราบใดที่สติมันยังอยู่กับลมหายใจเข้าออก สมาธิมันคลายตัวอารมณ์นั้นก็จะทรงตัวอยู่ เมื่อใดที่เราเผลอสติหลุดจากลมหายใจเข้าออก เมื่อไหร่มันก็สลายไป ยกเว้นว่าเรามีความคล่องตัวในการทรงฌาน ถึงขนาดที่เรียกว่า จะเข้าฌานระดับใดก็ได้เมื่อใดก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็พอที่จะอาศัยได้ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้อยู่ดี เพราะเราประมาทเมื่อไหร่บางทีอารมณ์ฝ่ายไม่ดี มันแทรกเข้ามาเราอาจจะตีคืนไม่ได้ก็ได้ ปกติถ้ามันทรงตัวไม่ภาวนามันก็รู้ของมัน แต่ว่า...เอากำไรหน่อยสิ
ถาม : ต้องเริ่มใหม่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องทำใหม่หรอก ย้อนเก่าก็ได้ การพิสูจน์น่ะ พระพุทธเจ้าท่านสอนวิธีการให้แล้ว เพียงแต่ว่า ความสามารถของเราไม่พอ หรือว่าขาดความมั่นใจเท่านั้นเอง ใช่มั้ยล่ะ ? ฝึกทิพจักขุญาณไม่เห็นจะยากตรงไหน ? ฮึ หรือไม่ก็ไม่ดู ลักษณะการหมุนเวียนโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ของอะไรน่ะ ลักษณะเดียวกัน มีขึ้นมีตก แต่ว่าอันนี้มันไม่ใช่ของแปลกสำหรับเรา แต่ว่าการเวียนตายเวียนเกิดนี่ จะต้องใช้ความเป็นทิพย์ในการพิสูจน์
ขนาดปู่ย่าตาทวดของเราลงมาถึงเรายังมีอยู่แล้ว ก็ลูกหลานเหลนโหลนของเราก็มีอยู่ ถ้าหากว่าไม่ใช่คนขี้สงสัยจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปัญญามากมายอะไร ก็เห็นอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าขี้สงสัยจริง ๆ ต้องเอาให้ได้อย่างน้อยวิชชาสองนะ ถ้าหากอย่างกลางก็อภิญญาห้า หนัก ๆ หน่อยก็เล่นปฏิสัมภิทาญาณไปเลย ปฏิสัมภิทาญาณทำง่ายกว่าอภิญญา เพราะว่าใช้พื้นฐานของกสิน ๙ กอง แต่ปฏิสัมภิทาญาณได้ยากกว่าอภิญญามหาศาลเลย เพราะว่าปฏิสัมภิทาญาณกำลังคลุมได้ทั้งอภิญญาหก ทั้งวิชชาสาม ทั้งสุกขวิปัสสะโก เมื่อความสามารถสูงขนาดนั้นต้องระมัดระวังในการใช้เป็นพิเศษ
ดังนั้น ผู้ที่ได้ปฏิสัมภิทาญาณ จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อกำลังใจเข้าถึงพระอนาคามีแล้วเท่านั้น เพราะว่าเข้าถึงพระอนาคามีนี่ตัวโลภ ตัวโกรธ ตัวรักหมดแน่ ๆ หลงน่ะยังหลงอยู่นิดเดียวคือคิดว่าความเป็นพระอนาคามีแค่นี้ก็พอแล้ว นอนพักมั่งก็ได้ อะไรอย่างนั้น ใช่มั้ย ? แต่ความจริงถ้าท่านทำต่ออีกก็หน่อยเดียวเท่านั้นเอง
ดังนั้น ปฏิสัมภิทาญาณจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อกำลังใจเข้าถึงความเป็นพระอนาคามี ไม่อย่างนั้นแล้วจะฝืนกฎของกรรม โดยเฉพาะนิสัยอย่างพวกเราเห็นคนลำบาก เดี๋ยวก็ไปช่วยเขาเห็นมันเดินมาประเภทขาลีบ มือหงิก แค่เราคิดให้หาย มันหายเลยนะ เพราะความคล่องตัวในตัวกสิณ ตัวอภิญญาแค่ตั้งใจให้ธาตุสี่ประสานเสมอกัน อาการเจ็บป่วยของเขาจะหายหมด แต่เราไม่ได้ดูไปว่าเขาเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะในอดีตทำกรรมอะไรมา เราเป็นผู้ฝืนกฎของกรรม ทำให้ระเบียบของโลกของจักรวาลบรรลัยหมด ภพภูมิไหน ๆ เราก็ไม่สนใจ ความสามารถมันถึงใช่มั้ย ? ก็เลยจำกัดเอาไว้ว่า ถ้าหากว่าจะทำ จะใช้ความสามารถปฏิสัมภิทาญาณได้ ต่อเมื่อเป็นพระอนาคามีขึ้น
แล้วอีกข้อหนึ่ง อย่างอภิญญาหก ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทั่วไป ถ้าเป็นอภิญญาหกจริง ๆ ท่านรู้ว่าสมควรจะใช้อย่างไร ? เพราะว่าจะเป็นอภิญญาหกได้ ต่อเมื่อเป็นพระโสดาบันขึ้นไป คือตัวสุดท้ายอาสวักขยญาน ทำกิเลสให้สิ้นไปได้ ถ้าไม่ใช่พระโสดาบันขึ้นไปนี่ไม่สามารถทำกิเลสให้สิ้นไปได้ ถ้าเป็นพระโสดาบันขึ้นไปก็สิ้นได้ส่วนหนึ่ง สกิทาคามีได้อีกส่วนหนึ่ง อนาคามีได้อีกส่วนหนึ่ง อรหันต์นี่สิ้นกิเลสได้ทั้งหมด
คราวนี้ก็ได้แค่อภิญญาห้า กำลังอภิญญาห้า ถ้าหากว่าคุณฝืนกฎของกรรม หรือว่าทำผิดศีล ผิดธรรมอภิญญาจะเสื่อมเลย ต้องไปตั้งหน้าตั้งตา รวบรวมกำลังใจกันอีกขนานใหญ่กว่าจะฟื้น กลับมาใหม่ได้ ถ้าผิดอีกก็เสื่อมอีก ดังนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะใช้กันได้ง่าย ๆ สำคัญตรงที่ว่าถ้าหากเราอยากรู้ เราอยากพิสูจน์ เราต้องทุ่มเทฝึกไปเลย
ถาม : แล้วอย่างเดวิด คอปเปอร์ฟิลล์ อย่างไร ?
ตอบ : อันนั้นอภิญญาไม่ใช่มายากล อันนั้นอภิญญาจริง ๆ เขาเองเขาก็บอกตามประวัติเขาไปฝึกกับพระแต่เป็นพระจีน ทางนิกายมหายาน คราวนี้พื้นฐานเก่าเขามีเยอะ พอฝึกสมาธิใจสงบ อภิญญามันคืนมา แรก ๆ แกก็แปลกใจ แต่พอใช้ไปใช้มา ความเคยชินอดีตเคยใช้ได้ ปัจุบันนึกอย่างไงเป็นอย่างนั้น แป๊บเดียวมันก็คล่องแล้ว เปิดหลังทีวีหิ้วตัวละครออกมาดูเล่นข้างนอกได้ คนทั่ว ๆ ไปทำได้มั้ยเล่ามายากล ประเทศไหนมันทำได้ ? ประเภทตำรวจไล่ยิงผู้ร้ายอยู่ในจอ มันเปิดหลังทีวีหิ้วผู้ร้ายออกมา ตำรวจยืนงง ในจอมันหายไปแล้วนี่ (หัวเราะ) สนุกดี เครื่องบินโบอิ้งทั้งคัน เขาสามารถทำให้หายได้ใช่ไหม เอาผ้าคลุมอยู่สองฝั่งของกำแพงเมืองจีน เดินมุดผ้าคลุมไปหายไปทะลุอีกฝั่งหนึ่ง นั่นจริง ๆ ก็คือ กำลังของกสิณ อธิษฐานให้มันมีช่องว่าง แล้วก็เดินผ่านไปแค่นั้น
อาตมาเองไม่ได้อย่างเขายังเดินทะลุประตูฝั่งพม่า มาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่นี่นา มันเปิดตีสี่ครึ่ง แต่เราไปตั้งแต่ตีสี่ เรื่องอะไรจะยืนให้ยุงกิน ก็เข้าไปสวดมนต์ข้างใน ที่หลวงพ่อพระมหามุนีที่เขาทำพิธีสรงพระพักตร์ล้างหน้ากันนั่นแหละ เราก็เข้าไปสวดมนต์ข้างในก่อน ก็เล่นอิติปิโส ๓ ห้อง ล่อไป ๗ จบ พอตีสี่ครึ่งเขาก็เปิดประตู ทั้งพระทั้งโยมก็กรูกันเข้ามา ครูบาน้อยเขาตามหลังมา เขาถามหลวงพี่เข้ามาอย่างไรครับ ? บอกวิธีเดิม รายนั้นเขาเห็นบ่อยเขาไม่แปลกใจหรอก คนอื่นไปแล้วมันติดกุญแจ เราไปนี่กุญแจมันไม่ติด เราก็เข้าไปเรื่อยนะ
ถาม : เคยไปวัดอนาลโย ที่แท้ยังไง ?
ตอบ : (หัวเราะ) วัดอนาลโยนั่นไม่เจตนา ท่านเจ้าคุณ ท่านอนุญาตแล้ว ไปถึงตีห้าพอดี ท่านเจ้าคุณกำลังสะพายบาตร นั่งรอรถเบนซ์อยู่ ไปถึงก็กราบ ๆ อ้าว คุณมาตอนนี้เหรอ ? ขออภัยนะผมกำลังจะไปฉันเช้าที่เชียงใหม่ (วัดอนาลโยอยู่พะเยา) ผมยกวัดให้คุณเลย ไปจัดการเอาเองก็แล้วกัน อยากจะดูตรงไหน
จุดที่เราอยากที่สุดก็คือ เข้าไปกราบพระแก้วในหอ ในหอพระแก้วเขาจะมีพระแก้วที่แกะสลักมาจากมรกต องค์ประมาณหัวแม่มือ แล้วก็จะมีพระแกะสลักจากบุษราคัมองค์เล็ก ๆ แต่ราคาแพงมาก น่ารักมาก เราก็แหม ไปถึงก็ต้องกราบตรงนั้น เขาเปิดต้องสองโมงครึ่ง ไปถึงตีห้า ไปนั่งรอ สามชั่วโมงครึ่งใช่มั้ย เราไปถึงเขายกให้เป็นบ้านเราแล้วนี่ ก็เปิดมันทั่วเลย เปิดประตู เปิดหน้าต่าง เปิดไฟ พวกทหารที่มันไปตั้งกองรักษาอยู่มันคว้าเอ็มสิบหก วิ่งกันตุบตับ ๆ มาเต็มไปหมดเลย มาถึงมันยืนงง ๆ พระเปิดได้อย่างไง ยังไม่ถึงเวลา เราก็เลยบอกหลวงพ่อท่านอนุญาตแล้ว เขาคิดว่าหลวงพ่อท่านให้กุญแจเรามาใช่มั้ย (หัวเราะ) ตัวใครตัวมัน
ถาม : คนละเรื่องเดียวกันเลยครับ
ตอบ : (หัวเราะ) คนละเรื่องกัน คือเขาเข้าใจอย่างงั้น เราต้องปล่อยให้เขาเข้าใจอย่างงั้น ว่าไม่ได้ใช่มั้ย ก็เราบอกเมื่อกี้เจอหลวงพ่อตรงนั้นนะ หลวงพ่ออนุญาตแล้ว เขาก็คิดว่าหลวงพ่อให้กุญแจมา ขนาดตู้กระจกที่บรรจุพระนั้นเขาใช้กระจกกันกระสุนนะ ของเขาราคามหาศาล พระแกะจากมรกต พระแกะจากบุษราคัม มีพระทองคำฝังเพชร มีช้างม้าทองคำ ต้นไม้ทองคำที่ฝังอัญมณี ราคาเท่าไหร่ ? ขนาดทหารต้องไปตั้งกองรักษาการณ์อยู่ใกล้ ๆ สามคนสี่คนวิ่งมาเหนื่อยเปล่า พระเปิดซะเกลี้ยง ทุกซอกทุกมุมเลย
แล้วไปอีกที่หนึ่งก็วัดหลวงปู่ครูบาวงศ์ ไปถึงเขาฉันเพลกันพอดี ไม่มีพระเจ้าหน้าที่อยู่เลยสักองค์ หลวงปู่ก็ไม่อยู่ แล้วต้องการวัตถุมงคลหลวงปู่ จะทำยังไง เปิดตู้ขายเองเลย ราคาติดไว้แล้วนี่ ก็ขายให้ตัวเองนี่แหละ รับเงินแล้ว ก็กอง ๆ ไว้ในตู้ ปิดตู้ให้เขาเสร็จก็กลับ (หัวเราะ) เจ้าหน้าที่เขามาคงงง ๆ ว่า เงินมันโผล่มาจากไหน กอง ๆ อยู่นั่นน่ะ น่าสนุกมั้ย (หัวเราะ) ลองทำดู เป็นลูกขุนแผน ไอ้วิชาขโมยมันต้องทำได้
ถาม : คาถาอะไรฮะ ?
ตอบ : คาถา นะ มะ พะ ทะ ถอยหลังเป็น ทะ พะ มะ นะ ตัวคาถาน่ะ ไม่สำคัญ สำคัญตรงทำใจ ตัวตรงทำใจก็คือ ความรู้สึกของเรา ต้องคิดว่ามันไม่ติดกุญแจอยู่ โยมลองจับประตูที่ไม่ได้ล็อกนะ แล้วบิดประตูลูกบิดน่ะ ใจเราสบายอย่างไร บิดไปเฉย ๆ อย่างไง ต้องทำอย่างงั้นนะ คือ ให้ใจมันอยู่ลักษณะเดียวกัน ถ้าทำอย่างนั้นนะ หลุดแชะทุกดอกเลย
คราวนี้ ปีนั้นก็คิดว่า เคี่ยวเข็ญพระเขาหน่อย ทั้งกาแฟ ทั้งโอวัลติน ทั้งคอฟฟี่เมตอะไร ยัดเข้าห้องหมด ล็อกกุญแจ อยากกินไปเปิดเอาเอง ห้ามใช้กุญแจ และห้ามงัดแงะด้วย อดหัวโตเลย (หัวเราะ) ถ้าหากว่าไม่เคี่ยวเข็ญขนาดนั้น ก็ไม่ค่อยเอาดีกัน น่าสนุกมั๊ย ?
ไปฝึกที่โน้นนะจริง ๆ แล้วมันเหมือนกับไม่ทำอะไร เพราะว่าปล่อยให้รับผิดชอบกันเอง ไปภาวนาเอา ไปทำเอา มีเทปมีหนังสืออ่านเอา ฟังเอา ถ้าตรงไหนตีความไม่ถูกหรือทำต่อไม่ได้ มาถามจะบอกให้ เพราะหลวงพ่อสอนเรามาแบบนี้ สอนแบบสอนผู้ใหญ่ ในเมื่อท่านสอนแบบสอนผู้ใหญ่ ให้รับผิดชอบเอาเอง เรามันถนัดแบบนี้ ถึงเวลา ลูกศิษย์ก็ต้องอย่างงั้น ถึงเวลา คุณก็ต้องไปอ่านตำราเอา ไปฟังเทปเอา ทำตรงไหนได้ก็ทำไป เอาหน่อยมั้ย ทะ พะ มะ นะ ถอยหลัง
แต่ว่าจริง ๆ แล้ว ตัวคาถามันทำให้ใจเป็นสมาธิเท่านั้น กำลังใจของเราต้องใช้ความรู้สึกว่ามันไม่ได้ล็อกอยู่ เปิดประตูแบบเดียวกับเรามั่นใจว่า ประตูนี้ไม่ได้ล็อกแน่ แล้วเราเปิดประตูเข้าไป ใจมันสบายมันปล่อยว่างอย่างไง ก็ปล่อยว่างอย่างงั้นแหละ แบบเดียวกันเลย ถ้าเราทำอย่างนั้นได้ แค่เอื้อมมือแตะ มันก็หลุดเลย
ยังดีนะวันนั้นไปกันเป็นสิบใช่มั้ย สิบสามคนใช่มั้ย หมอเพชรด้วย จัดแจงเปิดเลย ก็ท่านบอกแล้วว่า ท่านยกวัดให้เราเลยนะ เราเป็นเจ้าของ เราก็เปิดได้ ฮึ ๆๆ เล่นเอาทหารวิ่งตับแล็บ เพราะมันเปิดได้ยังไง คราวนี้พอเราบอกว่าเมื่อกี้เจอหลวงพ่อ หลวงพ่ออนุญาตแล้ว เขาก็เลยพลอยคิดว่า หลวงพ่อให้กุญแจมา สบาย
ถาม : วัดอะไรฮะ (คนมาใหม่)
ตอบ : วัดอนาลโย วัดใหญ่ที่สุดของพะเยา อยู่ริมกว๊านพะเยา หลวงพ่อไพบูลย์ ท่านเป็นพระธรรมยุต แต่ว่าท่านคบหาพระมหานิกายเยอะมาก เพราะว่าของท่านเอง ท่านก็ติดมาทางฤทธิ์ ทางอภิญญา อะไรเหมือนกัน พวกออกมาทางฤทธิ์ ทางอภิญญา นิสัยมัน ถ้าหากว่าพูดภาษาชาวบ้าน นิสัยนักเลงหน่อย คบหากันง่ายดี ก็คิดดูพึ่งไปถึง ท่านบอกยกวัดให้คุณเลย ไปจัดการเอาเองก็แล้วกัน (หัวเราะ) ตอนนี้เป็นอะไร เจ้าคุณรัตนากรวิสุทธิมั้ง
ท่านไปสร้างตรงนั้นเพราะว่าโดนลองดี เจ้าที่ท่านมาในร่างของมังกร อาละวาดจะไม่ให้ท่านอยู่ ท่านบอกว่า ก็ให้มันรู้ไปว่า จะมีอะไรเกินกว่าคุณพระได้ คุณพระรัตนตรัยถือว่าใหญ่ที่สุด ในเมื่อคุณพระรัตนตรัยใหญ่ที่สุด จะยอมแค่ให้เจ้าที่อาละวาดแล้วเราหนีมัน อายเขาก็ไปฟัดกันที่นั่นจนกระทั่งเขายอม แต่ว่าถึงยอมก็ต้องตั้งศาลให้นะ ไม่งั้นเขาแกล้งคนอื่น ไม่งั้นลูกศิษย์ ลูกหาไปนี่ พ่อแกล้งกระจายเลยต้องตั้งศาลให้เขา ทุกวันนี้ถ้าขึ้นไปจะเจอศาลเจ้าพ่อมังกรเขียว บางคนก็แปลกใจ หลวงพ่อเป็นพระไทยแท้ ๆ ทำไมมีศาลจีน ศาลเจ้าอยู่ในวัดด้วย ไม่ตั้งให้ก็ไม่ได้เขาบังคับ
|