โปรดเวไนยสัตว์ (๑)

              เช้าวันหนึ่ง ขณะที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ เวฬุวันวิหาร ทรงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ทอดพระเนตรเห็น สิงคาลกบุตร กำลังนอบน้อมทิศทั้งหลายอยู่ พระพุทธองค์ทรงดำริว่าวันนี้เราจักกล่าวธรรมอันเป็นวินัยของคฤหัสถ์ แก่สิงคาลกบุตร ถ้อยคำนั้นจักมีผลแก่มหาชนจึงเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ทอดพระเนตรเห็นสิงคาลกบุตรตรัสถามว่า เธอทำอะไรหนอ
              ในอรรถกถา กล่าวว่าบิดาและมารดาของสิงคาลกบุตรเป็นอุบาสก และอุบาสิกาผู้โสดาบัน มีความเชื่อมันในพระผู้มีพระภาคเจ้ามาก พยายามให้บุตรผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใสได้เข้าไปเฝ้าและฟังธรรมเทศนาจากพระศาสดา แต่ก็ไม่สำเร็จ
              สิงคาลกบุตรกล่าวว่า การเข้าไปหาสมณะทั้งหลายย่อมไม่มีแก่น เพราะการเข้าไปหาสมณะก็ต้องไหว้ เมื่อก้มลงไหว้หลังก็เจ็บ เข่าก็ด้าน จำเป็นต้องนั่งบนพื้นดิน เมื่อนั่งบนพื้นดินผ้าก็จะเปื้อน จำเดิม แต่เวลานั่งใกล้ย่อมมีการสนทนา เมื่อมีการสนทนาย่อมบังเกิดความคุ้นเคย จากนั้นย่อมต้องนิมนต์ แล้วถวายจีวร และบิณฑบาต เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนั้นประโยชน์ย่อมเสื่อม
              บิดามารดาแม้จะสอนจนตลอดชีวิต ก็ไม่สามารถจะทำให้บุตร เข้าใกล้พระศาสนาได้ ก่อนจะสิ้นชีวิต บิดาให้โอวาทบุตรว่าลูกควรจะลุกแต่เช้าตรู่ แล้วจงนอบน้อมทิศทั้งหลาย ทั้งนี้บิดาประสงค์ว่า หากพระพุทธองค์ หรือพระสาวกทั้งหลายเข้าไปบิณฑบาต ได้เห็นการกะทำเช่นนั้นแล้ว จักได้ชี้แจงให้บุตรเกิดความเข้าใจ ความหมายของการไหว้ทิศในทางที่ถูกที่ควร สิงคาลกบุตรจักได้บังเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
              สิงคาลกบุตรไม่เข้าใจ และไม่ทราบจุดมุ่งหมายของบิดา หลังจากบิดาสิ้นชีวิตแล้ว เขาออกไปประคองอัญชลีมีผ้าเปียก มีผมเปียก นอบน้อมทิศทั้งหลายอยู่ทุกเช้าตามคำสั่งของบิดามาตลอด
              พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกมาบิณฑบาตตรัสถามความเป็นมาของการกระทำเช่นนั้น สิงคาลกบุตรจึงทูลถึงคำสั่งของบิดาให้ทรงทราบพระพุทธองค์ทรงแนะนำสิงคาลกบุตร จึงกราบทูลขอประทานโอกาสให้พระองค์ทรงแสดงการนอมน้อมทิศทั้งหลาย ในวินัยของพระอริยะ
              พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงการละกรรมกิเลส ๔ ประการ คือ ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร และมุสาวาท
              ไม่เสพความเสื่อมแห่งโภคะ ๖ คือ อบายมุขทั้ง ๖ ได้แก่ เป็นนักเลงสุราชอบเที่ยวกลางคืน ชอบเที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตรและเกียจคร้านในการงาน แล้วทรงตรัสการนอบน้อมทิศทั้งหลายว่า
              มารดาบิดาเป็นทิศเบื้องหน้า       คือทิศตะวันออก
              อาจารย์เป็นทิศเบื้องขวา       คือทิศใต้
              บุตรภรรยาเป็นทิศเบื้องหลัง       คือทิศตะวันตก
              มิตรอำมาตย์เป็นทิศเบื้องซ้าย       คือทิศเหนือ
              ทาสกรรมกร       เป็นทิศเบื้องต่ำ
              สมณพราหมณ์       เป็นทิศเบื้องบน

              นี้คือทิศทั้งหลายในวินัยของพระอริยเจ้าที่ควรนอบน้อมคฤหัสถ์ในตระกูลผู้ไม่ประมาท ควรนอบน้อมทิศเหล่านี้จักมีแต่ความเจริญ ไม่มีความเสื่อม
              พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดังนี้แล้ว สิงคาลกบุตรขอแสดงตนเป็นอุบาสก ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต จากนั้น พระพุทธองค์จึงเสด็จเข้าไปในกรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต