ถาม :  พระองค์ที่ ๑๑ พอได้ไปแล้ว มีลาภอยู่เรื่อย ๆ
      ตอบ :  เรื่องสมเด็จองค์ปฐม ตอนแรกคาดว่า น่าจะเป็นเรื่องของอำนาจ วาสนา ความสำเร็จในหน้าที่การงานทุกอย่าง ความที่ว่าของท่านเองเป็นผู้สำเร็จเป็นองค์แรก คาดผิด หลวงพ่อสมเด็จ (สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ) ทำยังไงไม่รู้ กลายเป็นลาภมหาศาลเลย เมื่อวานนั่งอยู่นี่รับไปล้านสองกว่า ไม่เคยได้เยอะขนาดนี้เลย ปกติแล้วรายรับเดือน ๆ ยัง ๆ ก็ไม่ถึงล้าน เมื่อวานนี้นั่ง สิบโมงเช้าถึงบ่ายสอง บอกไม่ต้องทำงานไปครึ่งปีก็ได้ (หัวเราะ) มันประดังขึ้นมาจริง ๆ เมื่อวานนี่มันอาจเป็นเพราะว่าของเราอั้นไว้ ทำเสร็จแล้วยังไม่แจก...กลายเป็นอยากได้กัน
              เรื่องของสมเด็จคำข้าว – สมเด็จหางหมาก เป็นเรื่องของลาภโดยตรง แต่ท่านมาลักษณะลาภไม่ขาดสาย แต่ว่าเรื่องของ สมเด็จองค์ปฐมกลายเป็นลาภฉับพลัน คนที่เอาไว้ส่วนใหญ่ ได้เงินกันทุกคนเลย บางคนมาเล่าให้ฟังว่า ถูกหวยเท่านั้น เท่านี้ อาตมาไม่รับรู้ (หัวเราะ) ปกติของเราถ้าพก สมเด็จองค์ปฐม ติดตัวไปไหนก็ไม่กลัวใครแล้ว งานนี้กลายเป็นเรื่องลาภไปได้ กลายเป็นลาภประเภทฉับพลันทันทีเสียด้วยแปลกใจมากเลย ก็แล้วแต่ท่านจะเมตตาแล้วกัน
              คุณสุดเฉลียว มาขอขมาพระ คือเขาเองน่ะ...อยู่ ๆ มีพระมาบิณฑบาตรที่หน้าบ้าน แล้วตัวเองก็กินข้าวไปแล้ว กับข้าวก็ไม่มี เหลือปลาทูที่กินไปครึ่งนึง เลยไม่กล้าใส่บาตรเพราะว่าของตัวเองกินแล้ว ก็ไปบอกพระว่าหนูเป็นคริสต์ค่ะ (หัวเราะ) พระท่านก็ไม่ว่าอะไร ท่านก็หันกลับ ปรากฏว่าพอหันกลับ คุณสุดเฉลียวนึกขึ้นมาได้ว่า อาหารถึงมันจะกินแล้วก็ยังถวายได้ ออกไปดูก็ไม่มี ถามใคร ๆ ก็ไม่มีใครเห็น ท่านสูงมากสูงชนิดหัวชนเพดานแน่ะ ! ไม่ได้สังเกต คือตอนนั้นไม่ได้เฉลียวใจ ออกไปไม่มีใครรู้ แล้วตัวเองอยู่ห้องแถวห้องที่สามหัวแถว – ท้ายแถว อีกแปดห้องไม่มีใครเห็นสักคนหนึ่ง แต่ว่าตอนที่คนมาเรียกตรงหน้าบ้านคนอื่นเห็น คนนั้นคนเดียว ไม่เห็นพระกว่าจะเฉลียวใจก็ไม่ทันซะแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทำอะไรมันก็ติดมันก็ขัดจนหมดนี่ ก็เลยตั้งใจมาขอขมา
              ท่านขาดเฉลียวใจไปนิดนึง อันดับแรกพระมาบิณฑบาตรตั้งเกือบเที่ยงแล้ว ก็น่าสงสัยอยู่แล้ว แล้วบิณฑบาตรลักษณะนั้นส่วนใหญ่เขาจะเอาสตางค์กัน แต่รายนี้ขออาหารจริง ๆ นะ ประการที่สองความสูงระดับนั้น หาไม่ได้ง่าย ๆ นะ ต้องคนโบราณจริง ๆ ใช่มั๊ย ! ประเภทหัวสูงเกือบจะค้ำฝ้า บุญมี แต่บังเอิญบุญใหญ่กว่านั้นบังเอาไว้ก็ไม่รู้จะว่ายังไง เขาก็เลยบอกว่ายิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน ขอขมาพระดีกว่าว่างั้น คนประเภทนี้เราต้องเต็มใจสงเคราะห์ช่วยเหลือ เพราะว่าเขาเองไม่มีที่พึ่งจริง ๆ บางคนจะไปด่าว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ คิดอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด
      ถาม :  อย่างกรณีที่มีคนเห็นพวกนักรบนี่ครับ นักรบพม่า นักรบไทย มาโบกไม้โบกมือตอนที่เรากลับกัน ที่กาญจนบุรีเราเห็นได้ยังไงครับ ?
      ตอบพวกบรรดาสิ่งที่ผ่านมาแล้วนะ ถ้าหากว่าเรามีความเป็นทิพย์ที่เรียกว่าทิพจักขุญาณ ใช้ย้อนอดีตไปดู ก็สามารถรู้ได้ ที่เขาเรียกว่าอตีตังสญาณอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งคือว่า เขาเหล่านั้นเคยมีกรรมบางอย่างเนื่องกับเรามา เราอาจเป็นพวก อาจเป็นพ้อง หรือเคยร่วมสมรภูมินั้นมา เขาจะไม่รอให้เราใช้ทิพจักขุญาณ แต่จะเป็นฝ่ายปรับมาหาเราเอง เรากับเขาอยู่กันคนละมิติกัน เรียกอย่างนั้นดีกว่า มันฟังง่ายดี เขาต้องปรับคลื่นเพื่อให้ตรงกับคลื่นของเรา ถ้าเราใช้เอเอ็มอยู่ เขาก็ต้องปรับมาเอเอ็มกับเราน่ะ
      ถาม :  ทหารพวกนั้นยังไม่เกิดใช่มั๊ย ?
      ตอบ :  เวลาของเขามันแค่นิดเดียว ๕๐ ปีของเราเท่ากับของเขาแค่วันเดียว
      ถาม :  ๕๐ ปี ของเรา เท่ากับเขาวันเดียว ?
      ตอบ :  อือ ก็คิดดูว่ากี่วัน ไปเจอที่ไหนล่ะ ?
      ถาม :  เห็นกันทั้งคันเลยครับ จะมืดอยู่แล้ว
      ตอบ :  ที่ไหน ?
      ถาม :  กาญจนบุรี
      ตอบ :  กาญจนบุรีตอนอาตมาอยู่ที่นั่นก็เจอวันดีคืนดีก็จะมีประเภทกองทัพประจัญบาน เสียงโห่ เสียงแห่ เสียงช้างม้า อาวุธกระทบกัน สนั่นหวั่นไหวไปหมดเลย แต่ได้ยินแต่เสียง ไม่เห็นตัว แล้วบางทีทหารที่เข้าเวรก็วิ่งตาเหลือกตาปลิ้นเข้ามาเลย บอกว่ามีคนแต่งตัวนักรบโบราณสะพายดาบ เขาเองน่ะหลับยาม พวกกระโดดจากหลังคา พาอาวุธมาฟันซะจมเลย ประเภทหวดทีเดียวดาบจมทั้งอันเลย เขาเองก็คิดว่ากูตายแน่ตกใจก็วิ่งเลย ความจริงเขามาปลุกไม่ให้หลับเวร ยังมีสภาพนั้นอยู่บ่อย ๆ เพราะว่าพื้นที่ของกองพลที่ ๙ ค่ายสุรสีห์ ตอนนั้นเค้าใช้ชื่อค่ายกาญจนบุรี มันเป็นพื้นที่รบเก่าอยู่ สมัยสงครามเก้าทัพลงตรงนั้นห้าทัพ
      ถาม :  พระนเรศวรนี่เสียชีวิตแล้ว ตอนนี้มาเกิดแล้วใช่มั๊ยครับ ?
      ตอบ :  ก็ต้องเรียกว่า เกิดจนจะตายอยู่แล้ว (หัวเราะ)
      ถาม :  ประชาชนที่มาสักการะพระรูปพระนเรศวรนี่ ?
      ตอบยังมีผลอยู่ บุคคลสำคัญเป็นที่เคารพนับถือของคน ถ้าหากว่าท่านไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้วจะมีเทวดา หรือว่าพรหมที่มีอานุภาพใกล้เคียงกันรับหน้าที่นั้นแทน ท่านจะรับหน้าที่แทน แต่ว่าจริง ๆ แล้วท่านเป็นองค์แทนไม่ใช่องค์จริง ถ้าหากว่าองค์จริงกลับไปสู่ลักษณะนั้นอีกที ก็รับงานตัวเองคืนไป
      ถาม :  หมายความว่า อย่างสมเด็จเตี่ย มีรูปทั้งหมดหลายแห่ง ก็แสดงว่าต้องมีเทวดา ?
      ตอบ :  ไม่ใช่องค์เดียว ถ้าหากว่าสมเด็จเตี่ยนี่ท่านยังอยู่ ท่านก็รับภาระหน้าที่ของท่าน แต่ว่าเสด็จพ่อ ร.๕ ก่อนหน้านี้ก็ ท่านท้าวสัจจพรหมรับ เทวดาหรือพรหมท่านมีความเป็นทิพย์ ท่านสามารถแยกเป็นพัน ๆ แห่งได้ในพริบตาเดียว
      ถาม :  อ้อ ! แบ่งร่าง
      ตอบ :  สามารถแบ่งร่างไปได้แบ่งความเป็นทิพย์ไปได้ สามารถที่จะสงเคราะห์ได้ทุกที่พร้อม ๆ กัน

      ถาม :  เคยนั่งสมาธิแล้วมีความรู้สึกว่ามีเงาดำผ่านไปด้านซ้ายแล้วมาจดที่จมูกแล้วเราก็ตกใจสะดุ้งนิดหนึ่ง มันคืออะไรครับ ?
      ตอบ :  กลัวดี
      ถาม :  อะไรนะครับ ?
      ตอบ :  กลัวดี (หัวเราะ) ตอนที่กำลังใจของเราเริ่มเข้าสู่อุปจารสมาธิ มันสามารถรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ คราวนี้ของเราไปตกใจ ต่อไปถ้าหากว่าเกิดอาการอย่างนั้นอีก สักแต่ว่าให้รับรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปให้ความสนใจ หรืออย่าไปกลัวนะ แล้วถึงเวลาถ้าหากว่ายังไม่หายไปไหน ยังอยู่จริง ๆ กำหนดใจถามไปเลยว่าเป็นใคร ต้องการอะไร แล้วจะได้รับคำตอบ
      ถาม :  ผมเคยถามพระอีกองค์หนึ่ง บอกว่า คือ ตัวผมเอง
      ตอบ :  ตอบดีมากเลย ในระหว่างที่ใจเป็นทิพย์ มันสามารถรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ ถ้าตัวเรามันต้องอยู่ข้างใน ยกเว้นเรากำหนดให้ออกไปข้างนอก
      ถาม :  แต่มีความรู้สึกว่า ตัวผมนั่งดูเงาดำนั่น ไม่ใช่เงาดำนั่นดูตัวผม ไม่ใช่
      ตอบ :  มันใช่ของท่าน ไม่ใช่ของอาตมา คือถ้าท่านนั้นบอกว่า ตัวของเรา ก็ใช่ของท่าน แต่ไม่ใช่ของเรา (หัวเราะ) ฟังยากมั๊ย ! คือท่านว่าใช่ก็เรื่องของท่านเหอะ แต่เรารู้ว่าไม่ใช่ก็แล้วกันไป ต่อไปกำหนดใจให้รับรู้ไว้เฉย ๆ ว่าเขามา ถ้าหากว่ายังไม่หายไป ก็กำหนดใจถามว่าต้องการอะไร หรือเป็นใคร มาจากไหนจะได้รับคำตอบเอง
      ถาม :  ตอนนี้ไม่มาแล้ว
      ตอบ :  เขามาเฉพาะตอนนั่งนี่ บางทีเราอาจะอยู่ในบริเวณเขตของเขา พอถึงเวลาอาจติดต่อได้ ก็เลยโผล่มา ถ้าเราพ้นเขตเขาไป ก็ไม่ยุ่งด้วยแล้ว
      ถาม :  คำว่าพ้นเขตนี่ไม่ได้หมายความว่า
      ตอบ :  คือไม่ได้อยู่ในบริเวณที่เป็นพื้นที่ของเขาน่ะ
      ถาม :  ปกติก็นั่งอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว
      ตอบ :  ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูใหม่ ถ้ากำลังใจมันตกตรงจุดนั้นมันก็ได้อีก ให้ระวังไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าเราต้องการจะรู้จะเห็น จะทำให้รู้เห็นลำบากเพราะว่าตัวอยากมันบังหน้า ให้เรากำหนดใจว่าต้องการรู้เห็นเรื่องอะไรแล้วลืิมความต้องการนั้นไปเลย มีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาอย่างเดียว จะเห็นหรือไม่เห็น เรื่องของมัน อย่างนี้จะเห็นได้เร็ว แต่ว่าถ้าหากว่าเราไปตั้งใจว่า จะเห็น จะเห็นมันไม่ค่อยได้เห็นหรอก
      ถาม :  คือตั้งจิตว่าอยากจะเห็นอะไร ก่อนที่นั่ง ใช่มั๊ยครับ ?
      ตอบ :  ใช่ เสร็จแล้วลืมความต้องการนั้นซะ แล้วก็นั่งภาวนาของเราไป
      ถามภาวนาพุทโธอะไรก็ได้ใช่มั๊ยครับ ?
      ตอบแล้วแต่ที่คุณถนัด คราวที่แล้วทำยังไงแล้วเห็น คราวนี้ก็ว่ายังงั้น
      ถาม :  ที่ทำอยู่ก็คือ หายใจเข้า หายใจออก ในกรณีที่เรานั่งแล้ว รู้สึกว่าเราวิ่งฝ่าพายุ ตรงนี้มีอะไร ?
      ตอบ เป็นอาการปกติ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ มันเกิดขึ้นมาเสมอ ๆ สำหรับนักปฏิบัติ เรารับรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปสนใจ โดยเฉพาะอย่าไปกลัวมัน จำไว้เลยว่า ความกลัวทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดจากเรากลัวตาย อาตมาเคยถามใจตัวเองมาเยอะต่อเยอะแล้ว กลัวงูมันกัด กัดแล้วเป็นยังไง ตาย ! กลัวเสือมันกัด กัดแล้วเป็นไงตาย ! กลัวผีหลอก ผีมันหักคอ หักคอแล้วเป็นไง ตาย ! สรุปแล้วมันกลัวตายทั้งหมด นักปฏิบัติที่ดี ถ้ายังกลัวตาย คือว่ายังยึด ร่างกายอยู่เอาเอาดีได้ยาก เพราะฉะนั้นเราสักแต่ว่ารับรู้ไว้เฉย ๆ ว่า อาการอย่างนั้นมันเกิดขึ้น
      ถาม :  เวลาที่ไปไหว้พระขอบารมีก็อย่าได้เที่ยวซี้ซั้วไปขอเหรอครับ ?
      ตอบเรื่องที่ท่านจะช่วยเราได้มันต้องไม่มากเกินไป เราขาดแค่นี้ท่านช่วยได้ แต่ถ้าเราขาดแค่นี้ (ทำท่าให้ดู) ท่านก็ช่วยไม่ได้ต้องวางเฉยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราไม่มีเหตุเพียงพอ ผลนั้นก็ไม่เกิดแก่เรา เราต้องสร้างต้นเหตุของเราให้ดีพอด้วย ขาดนิดหน่อยพอช่วยได้ ขาดมากเกินไปใครจะช่วยไหวเล่า เป็นคุณจะควักช่วยเขาสัก ๕๐ ล้านไหมล่ะ ?
              สมัยนั้น หลวงพ่อท่านบอกว่าแกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้เยอะ เศษกรรมของปาณาติบาตจะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ให้ไปปล่อยปลาที่เขาขายเพื่อเอาไปฆ่า อย่างน้อยเดือนละตัว จะได้บรรเทาไปได้ก็กราบเรียนท่านว่าการปล่อยปลามันเป็นการต่ออายุไม่ใช่หรือครับ ? ผมไม่อยากอายุยืน แล้วจะไปปล่อยทำไม
              ท่านบอกว่า แกเข้าใจผิดแล้ว การปล่อยปลาจะอายุยืนหรือต่ออายุได้ก็ตอนที่มีอุปฆาตกรรมเข้ามาถึง ถ้าอุปฆาตกรรมเข้ามาถึงตอนนั้นล่ะ ปล่อยปลาจะเป็นการต่ออายุ แต่ถ้าไม่ใช่อุปฆาตกรรมมา เราปล่อยให้เขามีชีวิตรอด ให้ไปเป็นอยู่อย่างสะดวกอย่างสบายต่อไปเราทำอะไรก็สะดวกคล่องตัวไปหมด แล้วมันจะตัดกรรมปาณาติบาตเก่าที่ตามมาทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยน้อยลงได้ด้วย นี่ขนาดลดแล้วนะ ถ้าเต็ม ๆ ของมันยังไม่รู้เลยว่าเท่าไหร่