ถาม :  บุญสังฆทานนี่ ประเภทที่เรียกว่าเกิดใหม่หลายชาติก็ใช้ไม่หมด ถ้าเขาโมทนาได้นี่สบายมากเลย คนตายนี่ บางทีถ้าหากว่าคนหลังรู้จักทำบุญให้เป็นนี่โชคดีซะมากกว่า บางทีเรายังอิจฉาเขาเลย
              .....ท่องได้หรือยัง ? อ่านเที่ยวเดียว น่าจะจำได้แล้ว สัตถา ธะนุง อากัตถิตุง อะเทสะยิ แปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า ง้างได้ แต่ยิงไม่ได้ เพราะว่า อะไรล่ะ พรานกุกุตมิตร พรานกุกุตมิตร จะยิงพระพุทธเจ้า วันนั้นออกล่าสัตว์ทั้งวัน ล่าไม่ได้เลยซักตัว เดินไปเจอพระพุทธเจ้าเข้า อ๋อ ตัวกาลกิณีนี่แน่ ๆ เลย ยิงมันทิ้งซะเหอะ ก็ง้างธนูยิงไม่ได้ พระพุทธเจ้าอธิษฐานไว้ อธิษฐานบทนี้ บอกให้ง้างได้แต่ยิงไม่ออก
              คราวนี้ลูกชายเห็นพ่อหายไปนานก็ไปตาม ลูกตั้ง ๗ คนไปถึงเจอเข้าก็คิดแบบเดียวกันนี่ศัตรูของพ่อแน่เลย พ่อทำท่าจะยิง ก็จะไปยิงบ้าง พระพุทธเจ้าก็อธิษฐานแบบเนี่ย ยืนเป็นตอไม้ไป ๘ คน จนกระทั่งภรรยาพราหมณ์กุกุตมิตรตอนเย็นสงสัยว่าสามีและลูกหายไปไหนหมด ก็ไปตาม เจอกำลังทำท่าจะรุมยิ่งพระพุทธเจ้าอยู่ พระพุทธเจ้าท่านนั่งเฉย ๆ พวกนั้นก็ยืนง้างคาอย่างนั้นแหละ ก็ตกใจ บอกว่า อย่าทำพ่อฉัน บอกลูก ๆ บอกว่าตาของเรานะ เด็กก็คิดว่า เออ น่าจะใช่ กำลังใจก็คลายตัวจากการเป็นศัตรู พระพุทธเจ้าท่านก็อธิษฐานคลายฤทธิ์ ปล่อยให้เขาเป็นปกติได้ ก็นั่งกราบกัน ภรรยาพราหมณ์กุกุตมิตร ท่านเป็นพระโสดาบัน พระอริยเจ้าถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นพ่อทั้งนั้น พระพุทธเจ้าท่านก็เลยเทศน์โปรดพรหมณ์กุกุตมิตรกับลูกชาย กลายเป็นพระอริยเจ้าไปด้วยกัน เลิกล่าสัตว์ได้แล้ว
      ถาม :  ที่บ้านยังมีอยู่หนึ่งเลยค่ะ คนโตค่ะ ยังไม่ยอมเลิกเลยเจ้าค่ะ ?
      ตอบ :  ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวถึงวาระ ถึงเวลา เขาก็เลิกของเขาเอง ของพรรค์นี้ถ้าหากว่ามันไม่ถึงเวลาเราเตือนเท่าไหร่เขาไม่ฟังหรอก ตัวอย่างอาตมาเอง ไป ทองผาภูมิ ใหม่ ๆ นี่ อาจารย์เขาพาลูกศิษย์มาฝึกลูกเสือ ๓๐๐- ๔๐๐ คน เขากินเหล้าไปคุยกับพระไป กินไปกินมาทนไม่ไหว เขาก็ถามว่า อาจารย์จะไม่ห้ามผมจริง ๆ เหรอ ก็บอก เงินของมึง ตัวของมึงก็กินไปสิ เราเสียเงินกับเขาเสียเมื่อไหร่ สุขภาพเราก็ไม่ได้เสีย อยากกินให้มันกินไป เขาก็แปลกใจ เขาบอกว่า ปกติขอเพียงพระรู้ว่าผมกินเหล้าเขาก็ห้ามแล้วครับ แล้วนี่อาจารย์นั่งดูผมกิน
      ถาม :  ....................
      ตอบ โยเร คล้าย ๆ กับ พลังจักรวาล มันเป็นการสั่งพลังที่ได้รับการฝึกมาดีแล้ว จากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง ซึ่งถ้าหากว่า คน ๆ นั้นเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยการขาด เขาจะเติมให้เต็ม อาการป่วยนั้นจะหายได้ แต่ว่าเรื่องของพลังจักรวาลหรือโยเรนี้ คนที่เป็นผู้รักษา หรือผู้ทำให้นี่ จำเป็นที่จะต้องตั้งอยู่ในศีลในธรรม ตั้งอยู่ในความบริสุทธิ์อยู่พอสมควร เพราะว่าการส่งผ่านลักษณะนั้นมันจะมีสิ่งที่พึงปรารถนาอยู่ อย่างหนึ่งว่า ถ้าหากว่าเราไม่ใช่ผู้มีกิเลส ในส่วน รักโลภ โกรธ หลง ที่ไม่ดีของเรา จะไปเพิ่มเติมให้กับคนอื่นเขาได้ เพราะฉะนั้นบางคนอาจไปรักษาโรค แต่ได้กิเลสเพิ่มมา มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็มีส่วนเหมือนกัน เพราะว่า เราจะสังเกตว่าบุคคลที่ตั้งเป็นหมอรักษาโรคเพื่อสงเคราะห์คนอื่นก็ดี อะไรก็ดี บางทีเขาก็จะไม่เรียกผลประโยชน์จากใคร พยายามตั้งอยู่ในศีลในธรรมให้มากที่สุด เพราะเขารู้ว่ามันมีสิ่งบกพร่องอยู่ตรงจุดนี้ ก็พยามยามหาที่หาที่แน่นอนหน่อยก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นแล้วจะได้ของแถมมาด้วย
      ถาม :  แล้วทำไมเขาต้องมีพระ ที่ต้องท่องด้วยคะ ?
      ตอบ :  อันนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเขา
      ถาม :  แล้วไม่มีผลอะไรใช่ไหมคะ ?
      ตอบ :  มีจ๊ะ อย่างน้อยได้พระเพิ่มมาองค์หนึ่ง ความจริงมันอยู่ที่เราจะตัดสินใจ เพราะว่าทำแล้วมันดีแก่เรา ก็ทำต่อไป ถ้าทำแล้วไม่ดีก็หยุดได้จ๊ะ
      ถาม :  แล้วมันจะเปลี่ยน....(ไม่ชัด).......?
      ตอบ :  มันจะทำให้เราเปลี่ยนได้อย่างไร ถ้าเรายังยืดมั่นในพระรัตนตรัยอยู่ เขาอยากทำอะไร เราก็ไปสนุกร่วมกับเขาด้วย ได้เปิดหู เปิดตา เห็นอะไรมากขึ้นอีกต่างหาก ไปแถวไหนจ๊ะ ถ้าสำนักงานใหญ่เขาอยู่ใกล้ ๆ นี้ แถวซอยอารีย์นี่เอง แรก ๆ ที่เขาตั้งโน้น ตั้งแต่สมัยอาตมาเด็ก ๆ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว ในฐานะที่เรายังเป็นวัยสะรุ่นอยู่ มันชอบลอง สำนักไหนเขามีอะไรดี ชอบไปดูให้ได้ คือของเขา เขาอยากได้สมาชิกก็พยายามช่วยเรา เพื่อให้เราเป็นสมาชิกของเขา จะว่าไปแล้วเจตนาเขาก็ดีนะ เป็นการเผยแพร่ลัทธิของเขาอย่างหนึ่ง แต่ว่าลัทธิบางลัทธิมันมีข้อผูกมัดอะไรเยอะ อย่างเช่นว่าพอเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ต้องทำบุญประจำเดือนละเท่านั้นเท่านี้ ถ้าหากว่าเรารู้สึกว่ามันพอเสียทีเราก็เลิกได้ คือถ้าเราไม่ไปเขาก็เอาโซ่มาลากเราไม่ได้หรอก ของพรรค์นี้มันอยู่ที่เรา สติสัมปชัญญะเรามี ปัญญาก็มี เราก็ดูอยู่แล้ว อะไรที่เรารู้สึกว่ามันมันมากเกินไปเราก็เลิกจะลา มันก็อยู่ที่เรา เป็นการทดสสอบกำลังใจอย่างหนึ่งว่า เราใจถึงจริงหรือเปล่า
      ถาม :  โดนเขาหลอกหรือเปล่า ?
      ตอบ :  เราเต็มใจจะให้เขาเองไม่ใช่หรือ ? โยมไปพูดอย่างนั้นเดี๋ยวเขาแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทนะ หลวงปู่ธรรมชัย ท่านบอกไว้ว่า โรคบางอย่างต้องรักษาถึงหาย ถ้าไม่รักษาจะตาย โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า เราไปเจอประเภทสุดท้าย รักษาหรือไม่รักษาก็ตายเขามาช่วยกันโยเรกันหมดสำนักก็ไม่เหลือหรอก
      ถาม :  แล้วอย่างที่เขาตายก่อนอายุขัยนี่ ....?
      ตอบ :  อย่างนี้โชคดีจ๊ะ จริง ๆ เราอาจเห็นว่าเขาตายไม่ดี ความจริงไม่ใช่ คนที่ตายก่อนหมดอายุขัยนี่ ถ้าหากว่าเราทำความดีไปเท่าไรเขารับได้หมด สบายเขามากกว่า
      ถาม :  คือญาติผมเพิ่งตายจะทำบุญอะไรให้เขาครับ ?
      ตอบ :  อะไรก็ได้ สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ผีเอาทั้งนั้นแหละ เจอผีไม่กี่รายหรอกที่ทำให้แล้วไม่เอา มีรายหนึ่งหลวงพ่อท่านบอกขอให้บวชเณร บอกจะบวชพระอยู่แล้ว ให้โมทนาบุญไปเขาไม่เอา จะเอาบุญบวชเณร เอากับมันซิ เขาบอกบุญบวชพระเขาได้แล้ว จะเอาบุญบวชเณร อีกรายหนึ่งไปเจอกลางป่า รายนี้เรียกว่านางฟ้าหน้าหงิก คือเดินธุดงค์จนค่ำแล้วไปพักตรงตะเคียนยอดด้วน อยู่ตรงทางห้วยสามแพร่งพอดี เราเห็นว่าใต้ต้นเขามันน่านอน ปลายห้วยมันเป็นทรายสะอาดแล้วอยู่ไต้ต้นไม้ด้วยกันน้ำค้างได้ พอมุดเข้าไปใต้ต้น แม่เจ้าพระคุณร่วงลงมา คือเขาอยู่สูงกว่าพระไม่ได้ พอเห็นอย่างนั้นก็ดูวิมานเขา วิมานเขาประเภทเอียงกระเท่เร่ ลักษณะที่จะหมดบุญอยู่แล้ว ก็บอกเขาว่า ผลบุญที่เราทำมา ขอให้เขาโมทนา เขาบอกว่าท่านไม่ต้องยุ่ง คือพูดง่าย ๆ รีบไปให้พ้นยิ่งดี ยังดีที่เขาไม่ได้พูดอย่างนั้น ให้มันก็ไม่เอานั่งหน้าหงิกอยู่ครึ่งค่อนคืน เพราะฉะนั้นว่า ความดีความชั่วมันประมาทกันไม่ได้ ขนาดอยู่ในภพภูมิที่ดีอย่างนั้น ยังเป็นมิจฉาทิฐิได้
      ถาม :  เคยเจอกลิ่นธูปนี้แรงมากเลยคะ ?
      ตอบ :  อย่างนั้นสบาย แสดงว่ากำลังใจเขาทรงญาน ลักษณะของกลิ่นธูป กลิ่นกำยาน ดีไม่ดีเป็นพรหม ถ้าหากว่าเทวดากลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ แต่เป็นดอกไม้ที่หาไม่ได้ กลิ่นหอมแปลก ๆ ชนิดที่โบราณเขาเรียกหอมจนลืมตายเลย มันก็มีบางทีเหมือนกับวิธีพิเศษเราเองก็ไม่มั่นใจความรู้ตัวเอง มีผีตัวหนึ่ง อันนี้ต้องเป็นผีที่วิเศษมากเลย เขาตายแล้ว เขาบอกว่าเขาไปนิพพานแล้ว เราก็เออ...มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ได้ล่ะ ก็เอานี้แล้วกัน ก่อนนอนถ้าได้เงินร้อยหนึ่ง จะถือว่าไปนิพพานจริง
              เวลาเจริญกรรมฐานภาคค่ำ ทุ่มครึ่งแล้ว ปรากฏว่าพอเสียงกริ่ง กริ๊ก ๆ หมดเวลา ลืมตาขึ้นมา มีโยมคนหนึ่งเอาเงินมายัดใส่กระเป๋าให้ร้อยหนึ่ง เออจริง... แสดงว่าต้องไปนิพพานแน่ ๆ เลย (หัวเราะ) ขอน้อยไปหน่อย รู้งี้เอาเยอะกว่านี้หน่อย ของเราเองบางทีนึกอะไรไม่ออก ก็คือมันแบบนี้แหละ ประเภทนั่งนับเงินอยู่ จุดมุ่งหมายมันก็อยู่กับเงิน ลืมเรื่องอื่นไป งกมากไปหน่อย โยมคนนั้นก็เหลือเกินไม่ได้รู้จัมมักจี่กันมาก่อน อันนี้ยังดีนะ พวกร่วมบุญกันโดยอัตโนมัตินี่เดือนก่อนไปไหว้พระแก้ว เพราะมากรุงเทพต้องไปไหวพระแก้วทุกเดือน เราก็กราบไหว้ อธิษฐานของเราสบายใจ ก็คงนานน่าดูแหละ พอลืมตาลุกปุ๊บ หันมามีเสียงนิมนต์คะ เราก็ว่าอะไรวะ ถวายอาหารมา แล้วจะทำยังไง ก็หิ้วไปทั้งข้าวทั้งกับนั่นแหละ คนก็มองกันตาเดียว เออ..พระองค์นี้คงงกน่าดู ขนาดไปไหนยังเตรียมอาหารไปด้วย เขาถวายไม่รับก็ไม่ได้ กลางโบสถ์เลย คนไม่ได้ดูตาม้าตาเรือนี่เยอะเหมือนกันนะ
              แล้วก็อีกทีหนึ่งตอนนั้นอยู่ที่ วัดเทพศิรินทร์ ปกติอยู่วัดนี้เดินบิณฑบาตประมาณสองเสาไฟฟ้าอาหารก็ล้นบาตรแล้ว วันนั้นก็คิดแผลง ๆ ขึ้นมาตั้งใจอธิษฐานว่า วันนี้ใครที่ใส่บาตรก็ตาม ขอให้เป็นคนที่ร่วมบุญกันมาแต่อดีตเท่านั้น ปัจจุบันนี้เราไม่เอา ตั้งใจว่าจะกินของเก่าแล้ว ปรากฏว่าวันนั้นมีใส่แค่สองคน เดินทั่ว ตลาดโบ้เบ้ แล้ว (หัวเราะ) น่าอดตายนะ โยมที่เคยใส่บาตรเคยนิมนต์ยืนเฉยกันหมด ก็ต้องเดินเลยไป คราวหน้าอย่าไปลองนะ ที่ซึ่งเราไม่มั่นใจจะอดตายเอา เรื่องประเภทนอกทุ่งนอกท่าของพระนี้เยอะ แต่ละคนนี่ซนทั้งนั้น หลวงพ่อท่านบอกว่าเวลาได้ใหม่นี่ ซนทุกราย สมัยที่ท่านอยู่ก็ หลวงพ่อลิงขาว กับ หลวงพ่อลิงเล็ก ซนเสียไม่มี แกล้งโยมบ้างอะไรบ้าง จน หลวงปู่ปาน ท่านให้เข้าป่าไป ของเราก็มีเชื้อสายอยู่หน่อย ๆ ถึงเวลาก็อดไม่ได้ บางทีการปฏิบัติธรรมนี้ต้องรื่นเริงในธรรม จะเครียดไม่ได้ จำไว้นะ ถ้า เครียดเมื่อไรก็เสียผลเมื่อนั้นเลย ต้องรื่นเริงในธรรม ได้แค่ไหนก็พอใจแค่นั้น
      ถาม :  แล้วการตั้งเป้าหมายการปฏิบัติล่ะคะ ?
      ตอบ :  ตั้งเอาไว้ แล้วก็ไปช้า ๆ แต่ชัวร์ เราตั้งเป้าหมายสูงสุดอยู่แล้วนี่ อย่างนี้คือสมาร์ทบอมม์ ยิงแล้วก็ล็อคเป้าเอาไว้
      ถาม :  (ถามเรื่องวิธีพิจารณา)
      ตอบ :  ทุกอย่างมันเกี่ยวกัน พอพิจารณาไป มันจะเกิดเป็นตัวนิพพิทาญาณ จะเห็นว่ามันน่าเบื่อหน่าย ไม่ว่าตัวเราตัวเขาตลอดโลกนี้ไม่มีอะไรน่ายินดีน่ารักใคร่เลย เสร็จแล้วก็ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ มันยังต้องอาศัยอยู่กับมัน ถ้าหากว่าเราตายครั้งนี้แล้วเราไปนิพพาน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด การดำรงชีวิตอยู่ของเราก็เท่ากับแป๊บเดียวเท่านั้น ทำไมเราจะอยู่กับมันไม่ได้ มันก็จะกลายเป็น สังขารุเปกขาญาณ เห็นปกติธรรมดาของโลกได้ ในเมื่อธรรมดาของมันเป็นอย่างนั้นก็ทนอยู่กันมัน พ้นจากมันเมื่อไร เราก็สบาย... ทำแล้ว ทำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก จนกระทั่งเราบอกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา แล้วมันไม่เถียงเรา ถ้ามันยังเถียงอยู่ก็ดูต่อไป ซ้อมบ่อย ๆ ทำไปเรื่อย แรก ๆ มันเหมือนกับว่าตีอวนจะเอาปลาทั้งทะเล แต่พอพิจารณาไป ๆ รวบเข้ามา มันจะเหลือแค่นิดเดียว พอบอกว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา มันไม่เถียงก็ใช้ได้ แต่ถ้ามันเถียงก็แยกธาตุแยกชิ้นส่วนมันต่อไป
      ถาม :  (เรื่องตัดห่วงในครอบครัว )
      ตอบ ให้เรายึดว่าท่านเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูกตามปกติก็ได้ เราทำหน้าที่ของเราไปให้ดีที่สุด เห็นว่าปกติธรรมดาของการมีครอบครัว เรามีหน้าที่อะไรเราทำหน้าที่นั้น เราเป็นลูกเราทำหน้าที่ต่อพ่อแม่ให้ดีที่สุด เราเป็นภรรยาเราทำหน้าที่ต่อสามีให้ดีที่สุด เราเป็นพ่อแม่ เราทำหน้าที่ต่อลูกให้ดีที่สุด เพียงแต่ว่าถ้าถึงวาระถึงเวลาที่ต้องตาย เราไม่ต้องไปกังวลตรงนั้น เพราะว่าเราทำหน้าที่ของเราดีอยู่แล้ว เราปลดจิตของเราออกมาตรงจุดนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องไปพิจารณาอย่างนั้น เพราะว่าลูกเรา เราก็รัก จะไปคิดว่าให้เขาเน่าอย่างไร มันนึกไม่ออก ใช้วิธีนี้ก็ได้ เราก็กอดเขาอยู่แค่นี้แหละ เดี๋ยวพอจากกันไปก็ต่างคนต่างไปแล้ว