ถาม :  (ถามเรื่องวิธีปฏิบัติ)
      ตอบ :  ตัวนี้แหละที่เขาเรียกว่า นิพพิทาญาณ มันน่าเบื่อจริง ๆ แล้ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องคิดย้อนกลับไปด้วย ในเมื่อยังอยู่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราก็ต้องเจอกับมันอยู่แล้ว ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา เนื่องจากเราทำมาก่อนในอดีต ในเมื่อเราเป็นคนทำมา เราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ก็สมควรอยู่ โบราณท่านว่า ปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ในเมื่อเราทำแต่ในสิ่งที่ไม่ค่อยดี ก็เจอแต่สิ่งที่ไม่ค่อยดีก็ยุติธรรมสมควรกันอยู่แล้ว เราทำเอง ทำไมเราจะรับมันไม่ได้ ถ้ากำลังใจเห็นธรรมดาว่า ในเมื่อเราทำมาเอง ถ้ามันเป็นอย่างนี้ก็เอา แต่ขึ้นชื่อว่าเรื่องอย่างนี้ก็ขอมีแค่ชาตินี้ชาติเดียว ชาติต่อไปไม่มีอีกแล้ว พยายามย้อนทวนย้ำไว้บ่อย ตอกหัวตะปูไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็มิดไปเอง
      ถาม :  หลวงพ่อบอกว่า ให้จิตมีอธิจิตคืออะไร ?
      ตอบอธิจิต คือการที่เราสร้างกำลังใจเราให้ตั้งมั่น อย่างน้อยต้องได้เป็น ฌาณ ๔ ถ้าหากว่าไม่ถึงตรงนั้นแล้ว โอกาสที่ต่อสู่กับกิเลสมันก็ยาก จริง ๆ แล้วเอาแค่ ปฐมฌาณ ก็พอ ปฐมฌานนี่ถ้าเราตั้งใจทำจริง ๆ เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามีได้ แต่ถ้าจะเอาอธิกันจริง ๆ ต่ำสุดต้องได้ฌาณ ๔ อธิจิต คือจิตที่ยิ่งกว่า อธิปัญญา คือปัญญาที่ยิ่งไปกว่า
      ถาม :  หนูว่าพวกนี้ถ้าอาศัยกำลังใจของเราไม่พอ ?
      ตอบ ตั้งใจเอาไว้ซิว่า สิ่งใดก็ตามที่เราทำเพื่อพระศาสนา เพื่อแบ่งเบาภาระหลวงพ่อ เพื่อมรรคผลนิพพานของเรา ให้เราทำสิ่งนั้นลุล่วงโดยง่ายดาย ขอให้เราเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ ก็อธิษฐานไป ไม่มีใครเขาว่านี่ งัดของเก่ามาใช้ บุญเก่าทำมาเยอะแล้ว ถึงเวลาก็อธิษฐานขอกำลังบุญเก่ามาช่วยมั่งซิ แต่อย่าเอาอย่าง หลวงตาวัชรชัย สมัยหนุ่ม ๆ คือบวชใหม่ ๆ หลวงตาท่านยังไม่แก่มากใช่ไหม ?
              สมัยหนุ่ม ๆ เวลาขัดใจ หลวงตาจุดธูปปักฉับ ชี้ฟ้าเลย พี่น้องข้างบนฟังให้ดีผมลำบากจะตายห่าอยู่แล้ว สมัยเมื่อก่อนก็ตกลงกันว่าจะช่วย ๆ แล้วตอนนี้ไม่ช่วยหมายความว่าไงว่ะ ? (หัวเราะ) อย่าไปทำอย่างนั้นนะ อย่างนั้น สำหรับคนที่เขาเกินร้อยจ้ะ ของเราเอาแค่แปดสิบเก้าสิบก็พอ จะลองดูบ้างไหมด่าทีได้ที สไตล์เดียวกับ พระแสงชัย พระแสงชัยด่าเทวดาที ฝนหยุดเลยไม่งั้นเดินธุดงค์ตั้งแต่ตีสามยันบ่ายสามโมงฝนตกตลอด หนาวจนตัวเขียวไปหมด โมโหขึ้นมา ชี้ฟ้าด่าเลย จะตกหาโคตรพ่อโครตแม่มึงหรือไง (หัวเราะ) ทางอิสานเขาร้อนจะตายโหงไม่ไปตก กูไม่ต้องการมันยังตกอยู่ได้ ด่าเสร็จฝนหยุดเดี๋ยวนั้น ฟ้าเปิดเลย แหม....น่าจะด่าตั้งแต่ตีสามนะ มิฉะนั้นก็ลำบากกันต่อ ประเภทเกินร้อยนี่เราอย่าไปเลียนแบบนะ มันไม่ดีหรอก กำลังใจเราสู้เขาไม่ได้ ฟัง ๆ แล้ว เรายังรู้สึกกลัวแทนถ้าเกิดมันเปลี่ยนจากฝนตกเป็นฟ้าฝ่าแล้วมันจะเป็นไงก็ไม่รู้ (หัวเราะ)
      ถาม :  ญาณธรรมของเราไม่สมบูรณ์หรือคะ มันถึงทำให้เรา...?
      ตอบ :  อย่าใช้คำยากจ๊ะ สติกับปัญญามันไม่สมบูรณ์พร้อม ถ้าสติปัญญาสมบูรณ์พร้อมเมื่อไร มันก็จะสามารถที่จะเห็นช่องทางที่ ลด ละ เลิก จนกระทั่งไม่ข้องแวะกับกิเลสได้อีก ถ้าหากว่าสติมากเกินไป มันก็จด ๆ จ่อ ๆ ไม่กล้าตัดสินใจ กลัวผิดกลัวพลาด ปัญญามากเกินไป เราก็บุ่มบ่ามโฉ่งฉ่าง สติกับปัญญาเราต้องไปพร้อม ๆ กัน
      ถาม :  หลวงพ่อคะ เวลาที่เราทำความดีแล้วแผ่จิตไปอย่างนี้แต่ไม่ได้ทำสมาธิ จะทำให้เราพร่องไหมคะ ?
      ตอบ :  ก็ได้ไม่เต็มที่ แรงส่งมันไม่ค่อยจะพอ ถึงเวลาเราทำความดีทุกอย่างเช่นว่า สวดมนต์ทำวัตร เจริญกรรมฐานอะไรอย่างนี้ ถึงเวลาก็รวบยอดไปด้วย ผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าถึงพระนิพพาน เราเอาหมดเลยไม่ได้เอาเฉพาะครั้งนี้ แล้วที่เหลือก็จะอธิษฐานยังไงต่อก็ว่าต่อไป ถ้ายังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอความข้องขัดใด ๆ อย่าได้มีในการดำรงชีวิตของข้าพเจ้าเลย ขอให้เป็นผู้มีความเป็นอยู่คล่องตัว มีความปรารถนาที่สมหวังทุกประการ ขอให้เข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ก็ว่าไปเลยจ๊ะ ประเภทที่ขอน้อยแล้วมันไม่ตรงกำลังใจ ก็ขอให้มาก ๆ เอาให้เหนี่อยลิ้นห้อยไปเลย
      ถาม :  ขอทุกวันเลย เป็นเพราะเราทำได้ไม่ดี ขอแต่ท่าน ?
      ตอบ :  ไม่ใช่จ๊ะ อันนี้เป็นการตอกย้ำตัวอธิษฐานบารมี คือความตั้งใจของเรา ยิ่งตอกย้ำมั่นคงเท่าไร ถึงเวลาผลของมันก็จะมั่นคงแค่นั้น
      ถาม :  (ถามเรื่องแยกจิต)
      ตอบ :  ดูว่าเราต้องการอันไหน ถ้าหากว่าเรารู้เรื่องได้ทั้งสองอันได้ก็ยิ่งดีเพราะว่า จิตของเรานี่ เราสามารถแยกมันทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ ตัวนอกอาจพูดอย่างนี้ แต่ตัวในอาจว่าอีกอย่างหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่า ถ้าหากว่ากลัวจะยุ่งก็เลือกเอาสักอันหนึ่งถ้ามันไม่ยุ่งก็ว่าไปพร้อมกันเลย คนอื่นเขาทำไม่ได้ เราทำได้ สนุกดี
      ถาม :  (ถามเรื่องการหน้าที่)
      ตอบ :  จริง ๆ การเกิดมาของเราก็คือ หนึ่งเพื่อพระศาสนา สองเพื่อแบ่งเบาภาระของหลวงพ่อท่าน สามเพื่อมรรคผลนิพพานของตัวเราเอง ถ้าหากว่าเราทำให้จบกิจเสีย ก็คือว่าเราทำเพื่อพระศาสนา เราทำให้จบกิจก็คือเราทำเพื่อหลวงพ่อท่าน มันก็เลยสำคัญที่สุดว่าทำตัวเราให้จบให้ได้เร็วที่สุด ไม่มีใครทำแทนกันได้ ต่างคนต่างทำ ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้
      ถาม :  (ถามเรื่องบนพระ)
      ตอบ การบนกรมหลวงชุมพร ถ้าใช้หัวหมูได้ก็ใช้ ถ้าใช้หัวหมูไม่ได้ ใช้หมูต้มชิ้นหนึ่ง ไม่ต่ำกว่าครึ่งกิโล ไก่ต้มตัวหนึ่ง ข้าวปากหม้อหนึ่งถ้วย คือข้าวที่เราหุงสุกแล้วตักขึ้นมาก่อนที่เราจะกิน ทองหยิบ ฝอยทอง แล้วก็ ขนมจีนน้ำพริก ของทั้งหมดนี้ วางบนผ้าขาวที่ปูกลางแจ้ง หาโต๊ะมาตั้งปูผ้าขาวแล้ววางลง จัดดอกไม้ธูปเทียนตามแต่เราชอบใจ เวลาบนบอกท่าน ถ้าหากว่าเป็น ตอนเช้า คือเวลา เจ็ดโมงเช้าห้าสิบนาที คือเตรียมของไว้ทุกอย่าง พอเจ็ดโมงห้าสิบก็จุดธูปบอกท่านเลย เวลาบ่าย ก็คือ บ่ายสองห้าสิบนาที วันหนึ่งได้สองเวลานี้เท่านั้น ถ้าพลาดไปแล้วท่านไม่ได้รับหรอก
              คราวนี้อธิษฐานให้ท่านช่วยตาม อัธยาศัย ถ้าสำเร็จแล้วจัดแบบนี้ถวายท่านอีกชุดหนึ่ง ถ้าใครมีลูก มีหลานหายหัวไปไหน ขอให้ท่านตามได้ เพราะท่านถนัดเรื่องตามคนมากเลย เรื่องการปกครองบริวาร อธิษฐานขอท่านหาที่เราปกครองได้ ไม่เอาประเภทที่มาเป็นเจ้านายเรา... เตรียมแจกันไปด้วยก็ได้ ท่านชอบ กุหลาบสีชมพูแต่ว่าท่านไม่ได้ขอนะ ก่อนหน้าที่จะมีประเภทสาโท แล้วก็ปลาหมึกปิ้ง แต่สมัยนี้ไม่ต้องใช้แล้วจ๊ะ เพราะว่านั่นเป็นสัญลักษณ์ของท่าน ขอไปขอมาเกิดพอท่านเลื่อนไปเป็นท้าวมหาราช ปัจจุบันท่านก็คือ ท้าววิรุฬหก ท้าวมหาราชท่านบอกว่าให้เลิกเรื่องนี้เสีย มิฉะนั้นคนจะตำหนิเอา เป็นเทวดาผู้ใหญ่แล้วยังจะกินเหล้าอีกเหรอ จริง ๆ ไม่ใช่หรอก มันเป็นแค่สัญลักษณ์บูชาท่านเท่านั้น
      ถาม :  สมมุติว่าเราไปบนไว้ พอถึงเวลาแล้วยังไม่ได้ทำ ?
      ตอบ เรื่องของบนนี่ มันสำคัญที่ต้องตรงไปตรงมาถึงเวลาแล้วมัวแต่ไปผลัดไปผ่อนอยู่บางทีวาระที่มันเหมาะสมมันเลยไปแล้ว เกิดโทษอะไรขึ้นกับเรา ก็กลายเป็นว่าไปโทษเขาอีก ให้พรรคพวกทางโน้นไหมล่ะ ถ้ามีก็โทรบอกเขา โอนเงินให้เขาไปถวายแทนได้แล้วก็จุดธูปอธิษฐานบอก อันนี้ได้ มันก็คือเราทำนั่นเองแหละ เพียงแต่ว่าอาศัยมือเขา ตัวเขาได้ประโยชน์ด้วย คือ เขาได้ เวยยาวัจจมัย คือได้ผลบุญตรงช่วยให้ผลกุศลของเราสำเร็จลง ขณะเดียวกันก็ได้ใน ปัตตานุโมทนามัย คือยินดีในผลบุญของเรา ถ้าไม่ยินดีเขาก็ไม่ทำให้อยู่แล้วเอาเลย รีบ ๆ เลย อย่าช้า เรื่องบนนี่น่ากลัวมาก ๆ จริง ๆ แล้วพระนี่ท่านไม่ได้มาให้โทษให้คุณอะไรเราหรอก เทวาดาหรือพรหมก็ไม่เอา แต่บริวารท่านมี อย่างเทวดาแต่ละองค์ บางทีพวกสัมภเวสี เปรต อสุรกาย ภายใต้ปกครองท่านเยอะ พวกนี้ทำงานแทนเจ้านายนี่ยุ่งเลย เจ้านายไม่ได้เอ่ยปาก หมั่นไส้ เล่นแทนเสียแล้ว
      ถาม :  ถ้าไม่ได้กำหนดว่าเมื่อไร แต่ว่าทำทุกปี ?
      ตอบ :  ได้ ไม่เป็นไร คือคำว่าทุกปีนี่ไม่กำหนดว่าเมื่อไร แต่ขอให้ในภายในปีนั้น ก็รีบ ๆ ว่าเสียแต่ต้นปีจะได้หมดเรื่องไป จะได้ไม่ต้องมากังวลอยู่ หลวงพ่อแช่ม ไปทำเล่นกับท่านไม่ได้เลย หลวงปู่ปาน ก็ได้ความรู้จากหลวงพ่อแช่มมาหลายอย่าง
      ถาม :  นี่แสดงว่าการบน ที่ให้โทษนี่ คือบริวารใช่ไหมคะ ?
      ตอบ ส่วนใหญ่ที่ให้โทษก็คือบริวาร แล้วอีกอย่างหนึ่ง เขาจะให้โทษได้ก็ตอนช่วงอกุศลกรรมของเรามันเข้าพอดี เหมือนกับเปิดประตูไว้แล้วโจรเข้ามา จังหวะนั้นโทษโจรไม่ได้ เพราะเราเผลอเอง ความดีของเรามันขาดช่วงลง
      ถาม :  แต่ถ้าเราทำสม่ำเสมอ ?
      ตอบ :  ทำสม่ำเสมอก็หนีมันไปเรื่อย ๆ
      ถาม :  เรื่องแก้บน มันจะมีวิธีอื่นอีกไหม ?
      ตอบ :  มีวิธีแก้บนรวมที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ มีหนังสือ สมบัติพ่อให้ ของทาง วัดท่าซุงเขาจะมีวิธีแก้บนรวมอยู่ในนั้น ลองไปเปิดดู อาตมาจำของไม่หมดว่าจะมีอะไรบ้าง แล้วต้องตั้งโต๊ะ ตั้งบายศรีกับเลยล่ะ หลวงพ่อท่านถึงได้เตือนบอกว่า ตอนที่บนก็ตั้งหน้าตั้งตาบน ต่อไปให้จดเอาไว้มั่ง ไม่ฉะนั้นเดี๋ยวจะลืม
      ถาม :  (เรื่องฟังเทปหลวงพ่อ)... ที่หลวงพ่อบอกว่า ฟัง ๆ แล้วหลับนี่แสดงว่าจิตเข้าฌานตลอด แล้วเป็นทุกคนไหมคะ ?
      ตอบ ถ้าหากว่าไม่ถึงปฐมฌานหยาบ จะไม่หลับ อย่างน้อยถึงตรงนั้น ถึงได้หลับ แล้วบางคนพอทำไป ๆ ทำไปคล่องตัวมากเลยเพิ่งจะได้ยินเสียง หลับไปแล้ว
      ถาม :  มันเป็นความพอใจด้วยค่ะ แล้วหลับสนิทเลย ?
      ตอบ :  อันนั้นดี ให้เราตั้งใจไว้แล้วกันว่า ตอนนี้เราฟังเสียงหลวงพ่ออยู่ เหมือนกับหลวงพ่อเทศน์อยู่บนนิพพาน สิ่งที่หลวงพ่อเทศน์มาก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง นึกถึงภาพของพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุด นึกให้เห็นเป็นภาพของดอกมะลิแก้ว ลอยจากพระพุทธรูปนั้นผ่านองค์หลวงพ่อ จากองค์หลวงพ่อก็มาที่ตัวเราให้มาในลักษณะนี้ คิดว่าถ้าเราตายตอนนี้ขอไปอยู่กับหลวงพ่อ ขอไปอยู่กับพระท่าน ถ้ามันหลับตายไปเลย มันไปจริง ๆ ถ้าทำอย่างนั้นเป็น ระดับพุทธานุสติ ธรรมนุสติ สังฆานุสติ
      ถาม :  อย่างหนูฟังอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดอะไร ?
      ตอบ :  อย่างนั้นเหลือเฟือแล้ว อย่าลืมว่างูเหลือมฟังธรรม ค้างคาวฟังธรรม นั่นเขาไม่รู้ว่าเป็นพระ แต่ฟังแล้วเขาชอบใจ แต่บังเอิญเขาฟังเสียงของพระ กำลังใจเขาเกาะเสียงแค่นั้นเอง พอเขาตายไปเป็นเทวดาเลย เสร็จแล้วมาเกิดชาติใหม่ก็กลายเป็นพระอรหันต์กันไปตาม ๆ กัน ค้างคาว ๕๐๐ นั้น มาเกิดชาติใหม่เป็นลูกชาวประมง กลายเป็นลูกศิษย์พระสารีบุตร เทศน์อภิธรรม กลายเป็นพระอรหันต์ไปหมด งูเหลือมนั้นเกิดชาติใหม่กลายเป็น อเจลก ได้ทิพจักขุญาณอย่างนี้ไปเจอพระอรหันต์เข้า กลายเป็นพระอรหันต์ไปเหมือนกัน
              อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยซิ เพราะว่าในเรื่องของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ท่านใช้คำว่า พุทธโธอัปปมาโณ ธัมโมอัปปมาโณ สังโฆอัปปมาโณ ขึ้นชื่อว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ย่อมไม่มีประมาณ อย่างพระจุลปันถก ชาติหนึ่งท่านเกิดเป็นพระราชา เสด็จเลียบพระนคร เหงื่อไหลก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ด ปรากฏว่าผ้าขาวมันสกปรก ก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาเองว่า ร่างกายของเรามันสกปรกขนาดนี้เลยหนอ แค่นี้เอง เกิดมาชาตินี้เป็นพระจุลปันถก พระพุทธเจ้าให้ผ้าขาวไป เอามือลูบผ้าขาวไปภาวนาไป ผ้าขาวสกปรกขึ้นมา ก็นึกขึ้นว่าร่างกายเราสกปรกขนาดนี้คนอื่นก็สกปรกเหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าร่างกายของคนและสัตว์มีสภาพเช่นนี้ทั้งหมด คิดไป ปลงไป กลายเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าความดีเพียงเล็กน้อยแม้ชั่วช้างกระดิกหูงูแลบลิ้น ก็เป็นปัจจัยส่งผลต่อไปภายหน้าให้เราได้ผลดีในการปฏิบัติ ทุกสิ่งที่ทุกอย่างที่เราทำอยู่ไม่ว่าจะใหญ่จะเล็กขนาดไหนก็ตาม ท้ายสุดมันให้ผลทั้งสิ้น
      ถาม :  (ถามเรื่องการรักษาศีล - การแต่งตัว)
      ตอบ การที่เราแต่งหน้าแต่งตานั้น ถ้าหากว่าศีลมันจะขาด ก็เพราะตั้งใจจะไปยั่วกิเลสเพศตรงข้าม ถ้าหากว่าเราแต่ประเภทที่ออกสังคม ก็ตามปกติแต่งไปเหอะ เราอย่าคิดว่าเราแต่งไปเพื่อให้สวยให้งาม แต่ให้คนอื่นเอาเห็น แต่เพื่อป้องกันกันเก้อเขิน เพื่อสังคมทำไปเถอะจ๊ะ ให้เรารู้สึกเอาเองแล้วกัน ว่าหน้าตาเราจริง ๆ มันเฮงซวยห่วยแตก ขนาดต้องมานั่งแต่งให้มันสวย ในเมื่อมันไม่ดีจริงก็ช่างหัวมัน ทำเพื่อการงานเพื่อสังคมทำได้จ๊ะ อย่าไปทำเพื่อยั่วคนอื่นเขาแล้วกัน