ถาม :  เราตั้งใจมากเกินไป ?
      ตอบตัวตั้งใจมากเกินไปมันเป็นตัวอุทธัจจะ มันฟุ้งซ่าน ตัวทรงฌานนี่ลำบาก ถ้าหากว่าเราไม่สามารถทรงฌานได้คล่องตัวชนิดเข้าฌานไหนก็ได้เมื่อนั้นนะ มันก็จะเป็นตัวถ่วงทิพจักขุญาณ เพราะทิพจักขุญาณจะเกิดเมื่อ
              ๑. อยู่ในอุปจารสมาธิ อีกอันก็คือฌาน ๔ เต็มกำลัง คราวนี้อยากจะเปรียบว่ามันเหมือนกับห้อง ๒ ห้องชั้นล่างกับชั้นบน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกันหมดแล้วมีบันไดอยู่ระหว่างกลางจากชั้นล่างไปชั้นบน ถ้าเราอยู่อุปจารสมาธิ คือ อยู่ชั้นล่าง ถ้าฌาน ๔ อยู่ชั้นบนเห็นได้เหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด ถ้าหากเราอยู่ระหว่างฌาน ๑ ๒ ๓ เจ๊ง ถึงอยู่ ฌาน ๔ ถ้าเป็นฌาน ๔ หยาบก็ยังไม่ถึงจุดของมัน
              เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเรามีพื้นฐานการภาวนามาก่อนแล้ว ลดกำลังใจมาอุปจารสมาธิไม่เป็นหรือส่งกำลังใจขึ้นฌาน ๔ ละเอียดไม่เป็น ทำทิพจักขุญาณไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่าบุคคลผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสารตั้งใจปฏิบัติภาวนาทรงสมาธิได้ สร้างฌานสมาบัติให้เกิด บุคคลเป็นแสนคนจะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก บุคคลผู้ทรงฌานเป็นแสนคนจะทรงฌาน ๔ ได้สักคนก็แสนยาก บุึคคลผู้ทรงฌาน ๔ เป็นแสนคนจะได้ทิพจักขุญาณสักคนก็แสนยาก ล่อไปกี่แสนแล้วล่ะ
              เพราะฉะนั้นเรื่องที่เราทำไม่ได้บางทีมันเป็นที่ว่าครูฝึกใช้คำพูดไม่ถูกต้องก็มี ขณะเดียวกันบางทีเราเองก็วางกำลังใจสูงเกินไป ลดกำลังใจต่ำเกินไปไม่ตรงช่องของมันก็มี ถ้ามันตรงของมันทีเดียวมันจะจำได้ลำบากครั้งแรกครั้งเดียว
              อาตมาเองตอนฝึกใหม่ ๆ ครูฝึกเขาถามเห็นอะไรมั๊ย ? ไม่เห็นครับ สว่างมั้ย ? มืดครับ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะครูฝึกเขาใช้คำพูดผิด ไปได้อีกทีตอนที่ครูฝึกเขาหมดอารมณ์ไปนอนตีพุงที่ไหนไม่รู้ เราก็ดื้อภาวนาของเราต่อ ปรากฏว่าครูฝึกข้างหลังเขาถามลูกศิษย์ของเขาว่า สามารถนึกถึงพระพุทธรูปได้มั้ย องค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด โอ๊ย...หวานหมูเลย ก็จับภาพพระเป็นกสิณได้ ๓ ปีเต็ม ๆ อธิบายได้ทุกเส้นขนก็ว่าได้ ก็อธิบายไปครูฝึกข้างหลังเขาก็ดี เขาเห็นว่าเราบอกได้ก็ดึงเราเข้าร่วมวงไป ก็ว่าไปเรื่อย แค่ใช้คำพูดผิดนิดเดียวเราก็ไม่สามารถจะทำได้
              ส่วนอีกทีหนึ่งพาโยมแม่ไปฝึก เรื่องของคนครอบครัวเดียวกันนี่โดยเฉพาะผู้อาวุโสกว่านี่ มันจะเป็นเวรเป็นกรรมอยู่อย่างหนึ่งว่าเราสอนเขายาก เครดิตไม่พอ เป็นแม่ก็เป็นแม่เราใช่มั้ย ? เลี้้ยงเรามากับมือ เราจะเอาอะไรไปสอนท่านก็ต้องไปให้คนอื่นเขาสอน ก็ไปให้ครูสอนพอหายเข้าไปในห้องสักครึ่งชั่วโมง ครูก็เดินหัวเราะออกมา บอกท่านเล็กสอนแม่อย่างไร ถามว่าเกิดมาทุกข์มั้ย แม่บอกว่าไม่ทุึกข์ บอกว่าครูถามผิด กลับไปถามแม่ใหม่ว่า เกิดมาลำบากมั้ย รับรอง ๓ ชั่วโมงแกอธิบายไม่หมดหรอกว่าลำบากอย่างไรนั่นน่ะ ครูฝึกใช้คำพูดผิดนิดเดียว ทำให้เกิดผลเสียกับลูกศิษย์ขนาดนั้น
              เพราะฉะนั้นมันก็หลายอย่างรวมกัน อาจจะเป็นได้เพราะครูฝึกไม่ชำนาญพอ และเราเองก็ทำกำลังใจไม่ตรงร่อง ใช้ความพยายามต่อไป อาตมาเองตอนที่พยายามทรงฌาน ปล้ำปฐมฌานอย่างเดียวใช้เวลา ๓ ปีเต็ม ๆ คิดว่ามีไอ้บ้าที่ไหนมันอึดขนาดนี้หรอก มันทำไม่ได้ผล ของเรา ๓ เดือนมันก็ทิ้งกันหมดแล้วเชื่อเถอะ ภาวนาไปก็ไปไล่ขั้นตอน ตอนนี้วิตกนะ เราก็นึกอยู่นะว่าจะภาวนา ตอนนี้วิจารณ์นะ ลมหายใจยาว-สั้น เข้าออกแรง-เบา คำภาวนาอย่างไรรู้อยู่ ตอนนี้ปีตินะ ขนมันชักจะลุกซ่า ๆ แล้ว มันก็หายจ้อยไปหมด เราตามจี้อาการมันมากจนเกินไป
              เรื่องของกรรมฐานมันเหมือนกับคนขี้อาย ไปจี้จดจ่อกับมันมากเกินไป มันเป็นตัวอารมณ์อุทธัจจะ คือฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นมันจะทรงเป็นฌานไม่ได้ เดือนก็แล้ว ปีก็แล้วไล่ไปเรื่อย ๆ มันก็ไม่ก้าวหน้าสักที มันก็ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งถึงวาระถึงเวลามันแล้วล่ะ มันเบื่อเต็มทีแล้ว ข้าจะภาวนาแล้วล่ะ วันนี้มันจะเป็นฌานหรือไม่เป็นฌานก็ช่างหัวมันเถอะ ป๊อกเดียวได้เลย คือกำลังใจมันปล่อยวางแล้ว ตรงจุดนี้ล่ะ ถ้าเราอยากเกินไปมันจะไม่ได้ แล้วมาถามอีกทีว่าไม่อยากแล้วมันจะไปปฏิบัติทำไม คือให้ตั้งกำลังใจเราไว้ว่า เราปฏิบัติครั้งนี้เราต้องการอะไร แล้วถึงเวลาภาวนาให้ลืมความตั้งใจนั้นเสียให้ใจจดจ่ออยู่กับการภาวนาอย่างเดียว
              พอครูฝึกบอกอย่างไรให้ทำอย่างนั้น พอเขาบอกว่าคลายอารมณ์ออกมานะ ทำตัวสบาย ๆ เหมือนกับเรานั่งคุยกันหลับตาเบา ๆ สบาย ๆ เขาบอกอย่างไรทำอย่างนั้น เขาถามอย่างไรตอบไปตามความรู้สึกนั้นจะได้ง่าย ถ้าหากว่าเราเองกำลังเสียดาย กำลังภาวนาอารมณ์ทรงตัวเลย เขาถามไ่ม่ตอบคือว่าไม่ลดกำลังใจลงมา เราเสียผลเอง อันนี้เราโทษครูฝึกไม่ได้
      ถาม :  แล้วจากพรหมตัดเข้านิพพานเลยหรือครับ ?
      ตอบ :  จากพรหมตัดเข้านิพพานไปเลย ส่วนใหญ่สุทธาวาสพรหม ๕ ชั้นของท่านนี่จะเป็นพระอนาคามีขึ้นไป จะเริ่มตั้งแต่อันตราปรินิพพายีขึ้นไปจนถึงอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี แต่ละขั้นตอนจะดำรงอยู่เป็นเวลาระยะเท่าไหร่ ๆ ท่านจะบอกรายละเอียดไว้หมด ขออนุญาตไม่อธิบายนะ เพราะว่ามันจะฟุ้งซ่านเกินไป เคยได้ยินมั้ย อัตราปรินิพพายี สสังขารปรินิพพายี อสังขารปรินิพพายี ไล่ขึ้นไปเรื่อย พวกนี้ปล่อยให้คนแม่ตำราปล่อยเขาว่าไปเถอะ เราไม่จำเป็นต้องไปสอนใคร กองเอาไว้ตรงนั้นแหละ อุปปหัจจปรินิพพายี อัตราปรินิพพายี สสังขารปรินิพพายี อสังตารปรินิพพายี อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี เขาเรียกสุทธาวาสพรหม ๕ ชั้น
      ถาม :  .................................
      ตอบ :  แป้งเสน่ห์ถ้าเราไม่ได้ใช้มันก็ไม่มีผลใช่มั้ย ก็ทำเสน่ห์เอาดีกว่า หลวงพ่อท่านสอนวิธีทำเสน่ห์มา ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้า้ท่านสอนมาอีกทีหนึ่ง ท่านบอกว่าถ้าใครทำตามมีเสน่ห์ทุกคน ท่านบอกว่า
              ๑. ต้องมีทาน คือการให้ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
              ๒. ปิยวาจา พูดดี ๆ กับเขา
              ๓. อัตถจริยา ทำประโยชน์ให้กับเขา ช่วยงานเขา
              ๔. สมานัตตตา ทำตัวเสมอต้น เสมอปลาย ท่านบอกว่าถ้าทำได้ ๔ ข้อนี้รับรองรองได้ติดหนับทุกคนน่ะ พระพุทธเจ้าสอนทำเสน่ห์ (หัวเราะ) คนได้ยินตอนแรกช็อคตาตั้งเลย หลวงพ่อขอคาถาท่านทุกบทให้หมด บอกขอคาถาทำให้ผู้หญิงรัก ท่านบอกข้าไม่มี ถามว่าทำไม ท่านบอกว่าสมัยก่อนเจอที่ไหนขยำทิ้งที่นั่น ท่านบอกว่าถ้าหากว่าเราตั้งใจทำดีกับเขา ๆ รักเอง แล้วจะเสียเวลาไปใช้คาถง คาถา ตื๊อเท่านั้นที่ครองโรค สมัยนี้โรคเอดส์มันเยอะ
      ถาม :  ท่านเคยบอกผมว่า คนที่ได้อภิญญานี่ .....(ไม่ชัด).....?
      ตอบ :  พระได้เยอะกว่า แต่ว่าของหลวงพ่อท่านมาเน้นที่ฆราวาส อยู่ในลักษณะที่ว่าพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองขึ้นพุทธบริษัท ๔ จะต้องมาก คราวนี้ว่าถ้าเรื่องของการปฏิบัตินี่ อุึบาสก อุบาสิกาที่ว่ามาเน้นที่คนคลุกอยู่กับโลก คือเป็นโลกียะอยู่ ถ้าหากว่าจะมาเน้นการปฏิบัติให้ได้ผลจริง ๆ มันยาก
              เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาพุทธศาสนารุ่งเรืองขึ้นมา พุทธบริษัท ๔ มันจะต้องครบ แต่ของเราตอนนี้ภิกษุณีไม่มี ดีเสียว่าแม่ชี พอจะเป็นตัวแทนได้ เพราะฉะนั้นต้องมาเน้นที่อุบาสก อุบาสิกา หลวงพ่อท่านก็สร้างพื้นฐานมาอยู่ในจำนวนมากพอเป็นที่น่าพอใจหลายต่อหลายท่านสิ้นชีวิตไป ร่างกายก็ไม่เน่าไม่เปื่อยทั้ง ๆ ที่เป็นฆราวาส ใจเป็นพระไปนานแล้ว
      ถาม :  ตระกูลคอมันตร์ เจอที่อเมริกานี่ เจ็บป่วยทีไรก็.....?
      ตอบ :  ตระกูลคอมันตร์นี่ สงเคราะห์หลวงพ่อตั้งแต่แรก ๆ แล้วตั้งแต่สมัยยุค ดร.เดือน คุณหญิงเยาว์มาลย์ มายุคหลังนี่ก็พี่ต้อยเดือนฉาย คุณม่ำรัชดา ไล่มาเรื่อย ๆ เขาเหนียวแน่นดี เพราะว่าพระประธานในโบสถ์ สมเด็จพระพุทธพรมงคลที่วัดท่าซุงนี่ครอบครัวบุนนาคสร้างถวาย แล้วก็กระดูกของคุณหญิงเยาว์มาลย์กับดร.ก็อยู่ที่ฐานพระ
              ขำอะไรไม่ขำ ขำพี่ต้อย พี่ต้อยไปวัด พระใหม่ ๆ ไม่รู้จัก ท่านก็ไปยืนรี ๆ รอ ๆ อยู่หน้าโบสถ์ พระท่านก็ถาม จะทำอะไรจ๊ะโยม ? พี่ก็บอกว่าขออนุญาตเข้าไปในโบสถ์หน่อยได้มั้ย ? พระก็บอกว่าปกตินี่โบสถ์นี่เขาจะไม่เปิดให้โยมเข้า ท่านก็บอกว่า โยมแค่อยากเข้าไปไหว้กระดูกพ่อแม่ที่ฐานพระเท่านั้น พระท่านได้ยินก็รีบเปิดให้ ขำตรงที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านไม่ไปเบ่งกับเด็ก ขณะเดียวกันเด็กก็ไม่รู้เรื่องจริง ๆ มันก็ทำตามระเบียบ กว่าจะรู้ว่าเป็นขาใหญ่วัดท่าซุงก็ประเภทหน้าแตกไปแล้ว
      ถาม :  พูดถึงหลวงพ่อดำนี่ ท่านขึ้นไปทำหลังคาบนยอดโบสถ์หลวงพ่อวัดท่าซุงโทรศัพท์ไป ท่านรู้ปีนลงมาเลย ท่านบอกคนที่ถวายตัว คนใหม่คนเก่าไม่รู้ แล้วหลวงอาเวกวัดดาวดึงส์นี่....?
      ตอบ :  อันนั้นน้องชายหลวงพ่อ หลวงอาเวกเป็นน้องชาย น้องแท้ ๆ เลย พระครูพิศาลวุฒิธรรม ก็ของท่าน ๆ เอาทางเรียน หลวงพ่อเองพอท่านเรียนจบเปรียญ ๔ เสร็จท่านก็ไม่รู้จะเรียนต่อทำไม ยิ่งเรียนมันก็ยิ่งไกล ไอ้ยิ่งไกลก็คือ ไกลจากเป้าหมายที่ต้องการ ท่านก็เลิก แต่ว่าหลวงอาท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย แต่ว่าหลวงอาท่านไปอยู่วัดเล็ก วัดดาวดึงส์ วัดมันเล็ก พอวัดมันเล็ก ยศตำแหน่งมันก็ไม่ไปเสียที ได้พระครูชั้นเอกมานี่ถือว่าดีมากแล้ว เขาถึงได้พยายามวิ่งเต้นไปวัดใหญ่ ๆ กันเพราะว่า ยศตำแหน่งมันไปได้ง่าย ๆ ตอนที่จบนักธรรมเอกหลวงพ่อท่านถามว่าแกจะเรียนต่อมั้ย ถ้าแกจะเรียนต่อข้าจะส่งมากรุงเทพฯ ให้พรรคพวกเส้นสายใหญ่ ๆ มันยังพอมีอยู่ บอกไม่ไหวแล้วครับพ่อ ถ้าห่างพ่อผมเลวแหง ๆ เดี๋ยวก็ไปแย่งยศแย่งตำแหน่งกับเขา ท่านบอกเออก็ตามใจแก
      ถาม :  (ถามเกี่ยวกับการเดินทางไปอเมริกา)
      ตอบ :  ท่านพระครูปลัด ท่านก็ยังไปปกตินี่ ของอาตมาเองเกรงใจโยมเขา เพราะว่าระยะหลังนี่ทางกรมศาสนาโดยเฉพาะมหาเถรสมาคมออกกฎมาว่า บุคคลที่จะไปจะต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง มันมีกฎอยู่ข้อหนึ่งคือว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดญาติโยมทางฝ่ายโน้นต้องจ่าย คือช่วงเศรษฐกิจตก ท่านไม่อยากให้เอาเงินไปถมเมืองนอก ถ้ามันอยากได้จริง ๆ ให้มันจ่าย อาตมาก็เลยเกรงใจโยมว่า ถ้าหากว่าไปแต่ละที่นี่ไม่คุ้มค่าเครื่องบินเขา โยมลองนึกดูว่า ๑,๐๐๐ ดอลล์ของเขาน่ะ มันเป็นเงินเรามันล่อไปตั้งครึ่งแสนแล้ว ของเขามันแค่พันเดียว แล้วมันจะไม่คุ้มค่าเครื่องบินเขา
      ถาม :  แต่หลวงพ่อบอกว่าคณะหมอนั่นดีมาก ?
      ตอบคณะหมอสุภรณ์ที่ชิคาโก คุณหมอสบสันต์ก็มาบวชแล้ว หมอสบสันต์บวชอยู่วัดท่าซุง ก็คงเห็นว่าเป็นเวลาที่สมควรแล้ว คนเก่า ๆ ล้มหายตายจากไปก็มี ประเภทเรียกว่าเบื่อโลก เก็บตัวปฏิบัติภาวนาไปเฉย ๆ ก็มี คนใหม่ ๆ ก็ขึ้นมาแทนมาเรื่อย ๆ บางทีไม่รู้จักหน้าไม่รู้จักตาหรอก แต่ถ้าหากว่าคนเก่าสมัยหลวงพ่อยังอยู่นี่รู้จัก เห็นหน้ายังรู้จักอย่างน้อย ๆ จำหน้าได้
      ถาม :  รู้จัก วัดหลวงปู่อินทรอยู่แถวบุรีรัมย์ ที่ท่านบอกว่าเคยเห็นหลวงพ่อลิงเล็กบ้าง หลวงพ่อลิงขาวบ้าง ....(ไม่ชัด)....ผมอยากจะถามว่ายังมีหลวงปู่อินทร์นี่อายุ ๑๑๖ ปี ?
      ตอบ :  อันนี้ไม่รู้จัก ระยะหลัง ๆ ครูบาอาจารย์โดนขุดกรุออกมาเยอะ สงสารจังเลยแต่ละองค์ออกมาเป็นร้อยปีทั้งนั้น อีกองค์หนึ่งก็หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ดู่นี่พูดชัดเลยไปถึงเห็นท่านหมอบ ฟุบหลับอยู่กับพื้น หลับอยู่หน้าประตู ไปถึงก็กราบ ๆ ท่านลืมตามาถึงหลวงปู่ยังไหวมั้ย ? หลวงปู่ลืมตาบอกเออให้มันตายอยู่ตรงนี้ล่ะ ตอนหนุ่ม ๆ มันอยากดังนัก อีตอนนี้มันดังแล้วนี่ให้มันดังซะให้เข็ด หลวงพ่อท่านก็เหมือนกัน หลวงพ่อท่านบอก อีตอนเราหนุ่ม ๆ ยังพอมีเรี่ยวมีแรงมันไม่ใช้ อีตอนแก่ ๆ นี่มันใช้จังเลย เรื่องอย่างนี้ มันเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกนะ ยิ่งแก่ยิ่งมันก็ยิ่งขลังนะ ในสายตาญาติโยม ยิ่งแก่มันก็ยิ่งขลัง
      ถาม :  มีหลวงพี่ที่วัดสะแก ที่โดนระเบิดลงหัวน่ะ ?
      ตอบพี่สุทินนะ เก็บตกชีวิตมาได้จริง ๆ เพราะว่าตอนที่แกออกรบนั่น ปืนใหญ่มันลงแล้วตัวเองโดนปืนใหญ่ ก็อย่างที่ว่าน่ะ ไหล่ก็โดน หัวก็โดน เลือดเต็มเลย พวกก็นึกว่าตาย ทิ้งเลยล่ะ ชนิดว่าเน่าหนอนขึ้น แล้วแกสลบไป ๒ วัน ฟื้นขึ้นมากลับไปค่ายไปเรียก พวกตกใจนึกว่าผีหลอก ก็คนที่คิดว่าตาย มันเดิืนเลือดท่วมผ้าขาดกระุ่รุ่งกระริ่ง ใครมันก็นึกว่าผีหลอกใช่มั้ย ? กว่าจะอธิบายกันรู้เรื่องพวกแทบจะวิ่งหนีกันค่ายถล่ม แล้วจะทำยังไงได้ เขาจำหน่ายตายไปแล้ว ก็เลยตกลงว่าทางองค์การทหารผ่านศึกเลื่อนยศให้เป็นพันตรี แล้วก็ไปรับบำนาญ จริง ๆ แล้ว ท่านยศจ่าสิบเอก ไปรับบำนาญเพราะจะทำยังไงได้ จ่าสิบเอกสุทินตายไปแล้ว เหลือแต่พันตรีสุทินไปรับบำนาญอยู่
              ท่านก็เลยไปบวชอยู่กับหลวงปู่ดู่ กลายเป็นพระสุทิน อายุวัฒฑโก แหมอายุวัฒฑโกจริง ๆ ไม่อย่างนั้นตายไปนานแล้ว ถ้าหากว่าสายหลวงปู่ดู่จะเอาดีได้ก็องค์นั้นแหละ เพราะว่าท่านไปหาหลวงพ่อเป็นประจำ
      ถาม :  หลวงพ่อสุทินท่านแจกคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีตลอดเวลา .....(ไม่ชัด)....?
      ตอบหลวงปู่วัดพลับ ยังอยู่ใช่มั้ย ? โอ้โห...ดีจังเลยป่านนี้ไม่ปาเข้าไป ๙๐ แล้วหรือ พระครูวิจิตร นั่นก็ของแท้อยู่มีโอกาสไปได้เลย อาตมาเองไม่ได้ติดต่อตั้งแต่ออกจากวัดมา ๑๐ กว่าปีแล้วก็เลยนึกว่าท่านมรณภาพไปแล้ว
      ถาม :  ........................
      ตอบ :  วิสาขะ เป็นวันที่อาตมาต้องแจกทุนนักเรียนทุกปีไปไหนไม่ได้ ยังนึกถึงท่านเลย หลับตาลงเมื่อไหร่เห็นอ้วน ๆ ขาว ๆ ยิ้มดีจริง ๆ รู้สึกว่าท่านรับสงเคราะห์ฺคนด้วยนะ ถ้าหากว่าร่างกายไหวใครให้ท่านดูหมอ ท่านรับดูหมด ท่านสงเคราะห์ให้ ดีใจว่าองค์นั้นของแท้แน่นอน ก็ดีใจจริง ๆ ที่ได้ข่าวว่าท่านยังอยู่นึกว่าไปแล้ว ก็ไม่นึกว่าท่านจะอายุยืนได้ขนาดนี้
      ถาม :  ปกติหลวงปู่ท่านเมตตาครับ ท่านอายุมากแล้วแต่ความจำยังดีครับ หลวงปู่วัดประยูรท่าน ?
      ตอบ :  ไปวัดท่าซุงทีไร พวกเราวิ่งตีนพลิก ท่านชอบจอดรถไว้ไกล ๆ แล้วเดินปนมากับคน โอ้โห...เราเหลือบไปเห็นวิ่งแทบตายทุกทีเลย พระผู้ใหญ่ขนาดนั้นท่านไม่ถือเนื้อถือตัวอะไรเลย ปกติของคนอื่นเขาจะขับรถลุยเข้ามาที่ ๑๒ ไร่เลย ของท่านให้คนขับรถไปทิ้งไว้ที่ไหนไม่รู้แล้วท่านเดินปนเข้ามากับคนเลย
              แล้วก็สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์วัดสุวรรณารามอีกองค์หนึ่ง นั่นแหละลักษณะนั้นงานหลวงพ่อเมื่อไหร่ก็มา ถ้าเกิดวันงานติดก็จะไปก่อนวันงานวันหนึ่ง เป็นอย่างไรก็ต้องไปเพราะรักนับถือหลวงพ่อมากตั้งแต่สมัยเทศน์คู่กันมา
      ถาม :  .........................
      ตอบ :  พระผู้ใหญ่ที่ไม่ถือตัวนี่น่ากลัวมาก เพราะว่าการไม่ถือตัวถือตน การไม่มีมานะนี่มันน่าคิด หลวงพ่อวัดสุวรรณารามก็ร่วม ๑๐๐ แล้วซิปีนี้ ๙๗ หรือ ๙๘ ก็ไม่รู้ ถ้าว่างแล้วจะไป แต่ถ้าอยู่ที่นี่แล้วไปไม่ได้เพราะประกาศแล้วว่าจะอยู่ ถ้าญาติโยมเขามาแล้วไม่เจอเขาจะเสียกำลังใจ
      ถาม :  หลวงพ่อสพฤกษ์ท่านจะเททองหล่อสมเด็จองค์ปฐม ท่านให้นิมนต์หลวงพี่ไปด้วย ?
      ตอบ :  ถ้างานมันไม่กระชั้นกันจริง ๆ เต็มใจไปให้ เพราะว่างานใหญ่ โดยเฉพาะงานที่หล่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ ถ้าไปได้อยากจะไปทุกงาน
      ถาม :  หลวงพ่อสิงห์ ท่านอยากจะมาแต่ว่าท่านติดงาน ?
      ตอบหลวงพ่อสิงห์ ปีนี้ก็ ๖๓-๖๔ แล้วนั่นน่ะ พี่คนแรกที่ออกจากวัดเลย ลูก ๆ พ่ออกไปเยอะเหมือนกันนะ รุ่นแรก ๆ อย่างหลวงพี่สิงห์ หลวงพี่ประดิษฐ์ ตอนนี้อยู่เกาะสีชังมั้ง ? หลวงพี่มานะ อยู่โน่น วัดทุ่งจันทร์ดำ อำเภอมะขาม จันทบุรี ถามหลวงพ่อสพฤกษ์ท่านรู้จักดี พี่มานะนี่ออกจากวัดไปนานเต็มทีแล้ว
              อีกองค์ก็หลวงพี่วิชา นี่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน ช่วงคอมมิวนิสต์นี่หลวองพี่วิชาจะดังมาก มีคาถาอยู่บทหนึ่ง หยิบอะไรขึ้นมาเสกก็ยิ่งไม่ออกหมด ท่านเคยบอกเอาไว้ว่า อยากจะได้ให้ทำบายศรีไป ก็ไม่ได้ทำซะที ล่าสุดท่านไปอยู่วัดป่าหิมพานต์ที่ลานสัก แล้วก็โยกย้ายไปก็ไม่ได้ติดตามไม่ทราบว่าไปถึงไหน