สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนตุลาคม ๒๕๔๖
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

      ถาม:  อย่างผมบอกว่า อ้าว...อย่างนี้ไม่เกิด ไม่ได้หรือครับ ?
      ตอบ :  ไม่ได้ ต้องตัดสินใจเพราะปัญญาเห็นจริง ๆ เห็นทุกข์เห็นโทษจริง ๆ อย่างเรื่องของพระสีวลีนั่นน่ะ โอ้โฮ...ถ้าใครไม่โดนจับมัดอยู่ซะเจ็ดปี เจ็ดวัน ไม่รู้หรอกว่าปวดเมื่อยขนาดไหน ของท่านทนอยู่ในท้องตั้งเจ็ดปี เจ็ดวัน พอเขาถามเป็นอย่างไรอยู่ในท้องสบายไหม สบายกับผี อะไรลำบากตายชัก ทุกข์จะตายชัก ถ้าอย่างนั้นจะบวชไหม ก็บวชสิ ถ้าพ้นทุกข์ได้จะบวช ท่านกลายเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เจ็ดขวบกว่า ๆ เพราะว่าตัดสินใจเป็นปัญญา เห็นทุกข์แจ่มแจ้งดีแล้ว ของพวกเราฟังเข้าหูซ้ายทะลุขวา หลวงพ่อท่านถึงบอกว่า “สัญญากับปัญญาของคนทรามไปเรื่อย ๆ” ก่อนบวชอยู่ ๒ ปี มีอยู่วันหนึ่งพอเลิกกรรมฐานก็ถวายสังฆทานหลวงพ่อ ก่อนจะเดินทางกลับบ้านใครบ้านมันก็ ๒ ทุ่มแล้ว หลวงพ่อบอก “เออ...เมื่อครู่น่ะ พระท่านมาบอกว่าญาติโยมทั้งหมดที่มาทำกรรมฐานร่วมกันที่บ้านสายลมในวันนี้ มีอยู่ประมาณ ๗๐ คน ถ้าตั้งใจถือศีล ๘ จะถือทรงตัวได้เลย” อาตมาตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย กูคือหนึ่งในเจ็ดสิบนั้น กูเอาแล้ว ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมาศีลทรงอยู่ในใจเลยจ้ะ คราวนี้เหมือนกับลอง น้าโชคกับน้าอึ่งสองคนนั้นไปกราบหลวงพ่อเป็นประจำเหมือนกัน บ้านอยู่ใกล้กัน ของเราอยู่สวนหลวง บ้านของแกอยู่โน่นจำไม่ได้ ไม่ได้ไปหลายปี จะลึกไปทางประเวศ ผ่านทางเดียวกันแกก็เออ...ไปกับน้าก็แล้วกัน นั่งรถแกออกมาทางด้านสี่แยกอสมท. มาเพชรบุรี ออกไปคลองตันโน่น จะเข้าไปซอยอ่อนนุชพอถึงคลองตันปุ๊บเลี้ยวปั๊บร้านข้าวต้มหัวปลา “เฮ้ยเล็กกินกันก่อน” เราบอก “เชิญน้าตามสบายเถอะครับ ผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่กินข้าวเย็น น้าไม่ต้องห่วงครับ กินตามสบายเลย” ตรงนี้ห่างแค่ป้ายกว่าสองป้าย ผมเดินเอาได้ครับ
      ถาม :  ........................................
      ตอบ :  คนไม่เข้าใจหลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก คนว่าท่านเป็นหลวงปู่โลกเทพอุดร เพราะท่านมีตำแหน่งพระครูอุตรการบดี หลวงปู่โลกเทพอุดร คือพระอุตรเถระ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ส่งท่านมาเป็นสมณทูต มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ คราวนี้ตำแหน่งพระครูอุตรการบดีเป็นตำแหน่งประจำทิศ รักษาทิศทั้งสี่ของพระปฐมเจดีย์ สถานที่สำคัญอย่างเช่น พระปฐมเจดีย์ พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
              สมัยก่อนเขาจะแต่งตั้งพระที่มีความสามารถประจำทิศทั้งสี่เหมือนอย่างกับเป็นท้าวจตุโลกบาลพิทักษ์โลก ของนครปฐมก็จะมีพระครูปุริมานุรักษ์ คือทิศตะวันออก พระครูทักษิณานุกิจ ทิศใต้ พระครูปัจฉิมทิศบริหาร ทิศตะวันตก พระครูอุตรการบดี ทิศเหนือ มีปุริมานุรักษ์ ทักษิณานุกิจ ปัจฉิมทิศบริหาร อุตรการบดี คราวนี้หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ท่านเป็นพระครูอุตรการบดี คนก็คิดว่าท่านเป็นหลวงปู่ใหญ่โลกเทพอุดร ไม่ใช่หรอก คนละองค์กัน
      ถาม :  คนที่แต่งตั้งเป็นใครครับ ?
      ตอบ :  สมัยก่อนพระเจ้าอยู่หัวตั้ง สมัยก่อนแต่ละองค์กว่าจะเป็นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าตำแหน่งอีกสามตำแหน่งอยู่วัดไหนบ้าง แต่ตำแหน่งพระครูปุริมานุรักษ์ คือหลวงพ่อพูน วัดไผ่ล้อม รีบ ๆ ไปหาซะ เก้าสิบกว่าแล้ว
              สมัยหลวงปู่ปาน ตำแหน่งพระครูนี่ใหญ่คับบ้านคับเมืองเลย สมัยนี้เจ้าคุณจะเดินคับเมือง สมัยนี้เจ้าคุณจะเดินชนกันตาย คือถ้าไม่เก่งจริงเขาไม่ให้ตำแหน่งพระครูสมัยก่อนนี่ พัดด้ามงา สมัยนี้ด้ามพลาสติกยังไม่ค่อยจะได้กันเลย
      ถาม :  พระเจ้าอยู่หัวท่านเอาอะไรเป็นเกณฑ์ครับ ?
      ตอบ :  ทำคุณความดีให้กับพระศาสนาเป็นที่ประจักษ์ชัดในสายตาของปวงชน คราวนี้กฎเกณฑ์ของมหาเถรสมาคมรุ่นหลัง เขาออกกฎมากลายเป็นถ้าหากว่าสร้างสิ่งถาวรวัตถุไว้เป็นจำนวนเงินเท่านั้นเท่านี้จะขอชั้นยศนี้ได้ ถ้าเป็นอาตมาขอป่านนี้ไปยันไหนแล้วไม่รู้ต่างจังหวัด สองแสนห้าขึ้นไปขอได้เลย แล้วคุณว่าผมทำไปกี่ล้าน...!
      ถาม :  เดี๋ยวเป็นตัวเงินติดยศได้เลย ?
      ตอบ :  เป็นตัวเงินติดยศได้เลยแล้ว หลวงตาจันทร์สิ หลวงพี่เจ้าคุณของอาตมา พระคุณท่านห้าปีสี่ชั้นยศ เล่นเอาเขาร้องกันอ๊วกเลย จนกระทั่งเขาเรียกเสี่ยเว ท่านฉายา คเวสโก เขาเลยเรียกเสี่ยเว เงินท่านถึง ท่านหาได้นี่ ถึงเวลาถวายในหลวงไปสามสิบล้านโดยเสด็จพระราชกุศลเข้ามูลนิธิชัยพัฒนา เงินถึงแจ้งเขาไป เขาต้องให้ตามปกติอยู่แล้ว จะไปโทษท่านได้อย่างไร คนอื่นทำไม่ได้ ตั้งกติกาขึ้นมาตัวเองทำไม่ได้เพราะอิจฉาคนทำได้ พระต้องพระอย่างหลวงตาจันทร์ ท่านไม่ยึดติดในเรื่องยศในเรื่องตำแหน่ง รู้ตัวเองหมดบุญอยู่ไม่ได้ผ้าเหลืองร้อนแล้ว ลาออกสึกเลย ลาออกจากตำแหน่ง ถ้าเป็นคนอื่น โอ้ย...กูเป็นเจ้าคุณเทพแล้ว วันสองวันกูจะเป็นเจ้าคุณธรรมจะขึ้นรองสมเด็จพระราชาคณะแล้ว จ้างก็ไม่ลาออก จ้างก็ไม่สึก อยู่ระยำตายคาผ้าเหลืองไป การทำดีทำชั่วในผ้าเหลืองโทษมหาศาล บุญก็มหาศาล ทำชั่วโทษก็คูณด้วยแสน ทำดีบุญก็คูณด้วยแสน ท่านรู้ว่าจะพลาด ท่านไม่ยอมขาดทุน สึกดีกว่า ทันทีที่สึกดีกว่า ทันทีที่ส่งข่าวมาถึง เราเองก็ เออ...อย่างน้อย ๆ หลวงพี่ก็ไม่เสียทีโว้ย ถ้าเป็นเรารู้ว่าอยู่ไม่ได้ก็สึก ของท่าน ๆ ก็สึก แต่ว่าโทรไปท่านไม่รับ ปิดมือถือ ไม่อย่างนั้นจะถามว่า “รู้สึกอย่างไร ไม่ไหวจริง ๆ หรือ ?” แกล้งท่านไว้เยอะจริง ๆ ต้องขอขมาท่านก่อน เพราะหลวงตาท่านตายปุ๊บก็เกิดปั๊บ ความรู้สึกของตัวเองคือพระแก่อายุแปดสิบเก้าสิบแล้ว คราวนี้ร่างใหม่หนุ่ม เผลอ ๆ หลังค่อม เราก็จับดัดหลัง หลวงตาชาตินี้หนุ่ม ท่านรู้ตัวก็ยืดขึ้นมาหน่อย แกล้งท่านน่ะ
      ถาม :  ท่านจะบวชใหม่ไหมครับ ?
      ตอบ :  ยังเป็นฆราวาสอยู่ อย่างหลวงตาจันทร์จะเป็นทิดหรือว่าเป็นพระก็ตาม ท่านปฏิบัติตามปกติของท่านอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเวลาหมดบุญเนกขัมมะ อย่างไรก็อยู่ไม่ได้ ช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ หลวงพ่อท่านเคยเล่าประวัติท่านเจ้าคุณอะไรก็ไม่รู้ สึกแล้ว เสร็จแล้วก็มารักษาศีลนุ่งขาวห่มขาวอยู่กับบ้าน แต่งงานมีลูกมีเมียเสร็จเรียบร้อย ทำตัวเหมือนกับตาปะขาวต่อไป หลวงพ่อถาม “แล้วตอนนั้นทำไมถึงได้สึก ?” บอกว่า “อยากกินข้าวเย็นแค่นั้นเอง” สมัยนี้กินกันให้เช็ดเลย แล้วไปนั่งปลงอาบัติเอา ถือว่าอาบัติปลงได้ อาบัติปลงแล้วตก ตกนรก
      ถาม :  (ฟังไม่ชัด)
      ตอบ :  อันนั้นของเขาโลกไม่ติเตียน ทางด้านโน้นเขาถือว่า ถวายในสิ่งที่พระต้องการมากก็จะได้บุญมาก ตอนเย็นอยากกินข้าวเย็นมากก็ได้บุญมาก คราวนี้อยู่ที่พระว่าจะรักษาพระธรรมวินัยหรือตามใจโยม มันอยากกินอยู่แล้ว...!
      ถาม :  …………………………..
      ตอบ :  หลวงพ่อ “เออ...ได้ ที่แน่ ๆ คือการที่เราถวายข้าวพระ อย่างพระของเราว่า “อิมัง สูปะพยัญชนะ สัมปันนัง สาลีนัง โภชนานัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมะ” อย่างนี้ คือความรู้สึกจริง ๆ ให้ข้าพเจ้าขอถวายข้าวกับน้ำขนมนี้ เป็นเครื่องบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัพุทธเจ้า หลวงพ่อบอกว่า “เป็นรูปแบบที่คนโบราณเขากำหนดไว้เพื่อให้ใจของเรายึดในพุทธานุสติ” ท่านบอกว่า “ก่อนกินให้นึกถึงพระก่อน ก่อนนอนให้นึกถึงพระก่อนเป็นปกติ”
              เพราะฉะนั้น...คุณทำอย่างไรก็ได้ ถ้าเรายกใจของเราขึ้นนิพพานตอนช่วงนั้นได้ และการที่ใจสามารถเกาะนิพพานได้บุญมหาศาลมากเลย โดยเฉพาะจะวินาทีสองวินาทีก็ใช้ได้ อย่าว่าแต่คุณตั้งใจถวายข้าวพระ บางครั้งก็นาทีสองนาทีใช่ไหม ผลบุญมากมหาศาล เพราะเราได้อุปสมานุสติเพิ่มอีกตัวหนึ่ง ถ้าจิตเกาะตรงนั้นจนชินไปนิพพานได้ง่าย
      ถาม :  อย่างเราถวายพระพุทธรูปกับหลวงพี่อย่างนี้ สมมติว่าเราเนรมิตพระไปถวายข้างบน เราได้ผลบุญเหมือนกันไหมครับ ?
      ตอบ :  อันล่างได้ตัวพุทธานุสติที่แท้ เพราะเราถวายพระพุทธรูป ส่วนอันบนได้ตรงพุทธานุสติ บวกกับอุปสมานุสติอีกตัวหนึ่ง อันล่างจะเป็นผลบุญลักษณะของกามาวจร คือเกิดใหม่จะมีคนมีเดชมีอำนาจมาก เพราะได้ทำพุทธานุสติลักษณะถวาย คือสร้างพระพุทธรูปถวายไว้ในพระพุทธศาสนา แต่ตัวบนจะเป็นพุทธานุสติในลักษณะที่ทำให้เข้านิพพานได้ง่าย เป็นคนละส่วนกัน ส่วนหนึ่งเป็นส่วนของกามาวจร ส่วนหนึ่งเป็นส่วนของโลกุตตระ ทำทั้งสองอย่างได้แหละดี เผื่อเหนียวไว้คืออันหนึ่ง เออ...กูเกิดมาใหม่ กูเอาใหญ่กว่าเขาอยู่แล้ว อีกอันหนึ่งไม่เกิดใหม่เข้านิพพานได้ง่ายก็เอาด้วยเหมือนกัน
      ถาม :  อย่างที่วัดเอาชื่อพระพุทธชินสีห์ไปตั้ง ?
      ตอบ :  เออ...ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ใครให้ผมตั้งชื่อพระพุทธรูปผมไม่กล้าตั้งหรอก ความดีผมไม่พอที่จะไปตั้งชื่อให้ท่าน สยดสยองอย่างไรไม่รู้
      ถาม :  จะดูว่ามีผิดบ้างไหม ?
      ตอบ :  เห็นหัวใจเศรษฐีไหม เขาอบกว่า “อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย” เพราะฉะนั้น...เหรียญนี่แหละดีนักแล อาตมาเจอนับตั้งแต่บ่ายสี่โมงยันตีสอง ทั้ง ๆ ที่เครื่องนับนั้นแหละ ต่างคนต่างแย่งเครื่องกันอยู่ ของเราเองมัวแต่ไปรอก็รุ่งขึ้น นับให้เสร็จซะก่อน ตอนนั้นไปปรับปรุงศาลาหลวงพ่อสี่องค์ ตามคำสั่งหลวงพ่อ ยุบตู้บริจาคที่มีอยู่ประมาณ ๕๐ ตู้ ลงมาเหลือแค่ ๑๒ ตู้เท่านั้น เอาแค่ตู้หลัก ๆ ไม่อย่างนั้นเยอะเกินไป แล้วเราแยกแยะไม่ไหว อีกอย่างหนึ่งถ้าเยอะเกินไป อะไรก็ตามที่ใส่ลงไป หลวงพ่อท่านต้องลงไปทำ เดี๋ยวจะเจออย่างผม โต๊ะหมู่มุก ๘๘,๐๐๐ บาทใส่มาร้อยหนึ่งให้สร้าง และที่เหลือใครจ่ายละครับ นั่นแหละ ผมเลยยุบเหลือแค่ ๑๒ ตู้ เสร็จแล้วแจ้งธนาคารให้ส่งเหรียญมาให้เจ็ดหมื่นเหรียญ ขอแลกเขา เขาไปเบิกคลังจังหวัด เบิกไปก็บ่นไป แต่ผมคืนไปล้านกว่า ตั้งแต่นั้นมาเลิกบ่นเลย เจ็ดหมื่นของเรา เราคำนวนว่าเขาใช้หมุนเวียนแลกเป็นแบงค์ได้ ปรากฏว่าเขาแบกเหรียญจากบ้านมาเยอะกว่าเราหลายเท่า มาถึงหยอดเหรียญดังโครมคราม
              คราวนี้เครื่องแยกเหรียญมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่ว่า เหรียญต้องเป็นประเภทเดียวกัน ผิดประเภทหลงเข้าไปแม้แต่เหรียญเดียว มันหยุดทำงานทันทีเลย คุณต้องไปนั่งเทเหรียญออกมา แล้วกวาดมันเข้าไปใหม่ โอ้โฮ...ผมนับเองเร็วกว่าหรือจะชั่งเป็นน้ำหนักก็ได้ แต่ไม่แน่นอน เรื่องของพระเราราคาบาทเดียว อย่างไรทนนับเอาหน่อย เวลานับเหรียญจะมีความสุขมากเลย
      ถาม :  การใส่บาตรวิระทะโย จำนวนเงินมูลค่าเงินสำคัญไหมครับ ?
      ตอบ :  ทำได้ประจำสม่ำเสมอก็ดี จำนวนเงินเรียกว่าไม่สำคัญก็ได้ สำคัญได้ทำทุกวันหรือเปล่า สำคัญตรงทำสม่ำเสมอ
      ถาม :  .......................................
      ตอบ :  วันจันทร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู วันพระใหญ่ เช้ามืดพบหัวหน้าชาวเมืองลับแล เห็นท่านมาปุ๊บปั๊บแบบสำเร็จด้วยใจ อาตมาจึงขอประลองความเร็วด้วย ท่านบอกว่า “ลองกันเฉย ๆ ประโยชน์น้อย อย่างนั้นมาเดิมพันกันดีกว่า ท่านเอาเหรียญเงินแท้มีพระบรมสาทิสลักาณ์ สมเด็จพระราชินีอังกฤษเป็นเดิมพัน ถ้าอาตมาชนะจะได้เงินทั้งหมดไป ถ้าท่านชนะอาตมากับพระอื่นรวมห้าองค์ต้องไปเมืองลับแล ให้คนของท่านได้ทำบุญ ๑ วัน พออาตมาได้ยินว่าต้องไป ๑ วัน ก็ไม่เดิมพันด้วย ไม่ว่าท่านอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ใจอ่อนเด็ดขาด เพราะได้ยินว่าเวลาของเขา ๑ วัน เท่ากับของเรา ๑ ปี ท่านก็จากไปด้วยความผิดหวัง ทั้งที่เปิดทางเข้าให้ดูแล้ว ทางเข้าเมืองลับแลอยู่ทางสันเขาตะวันออกของวัดตองไว วัดทางพม่า เมืองลับแลทั่ว ๆ ไป นี่อยู่ในเขตนั้น คือวันพระเขาจะย่องมาดูว่าใครทำบุญอะไรบ้าง จะได้โมทนาบุญด้วย คราวนี้ดันย่องมาปะกับเราเข้าพอดี มาผิดจังหวะ อยากมาปุ๊ตรงหน้าเราพอดีเลย ผิดตรงที่เราเห็น ถ้าคนอื่นเขาจะไม่เห็น
      ถาม :  เวลา ๑ วันของเขา เท่ากับของเรา ๑ ปี จริง ๆ หรือคะ ?
      ตอบ :  จริง ๆ จ้ะ
      ถาม :  ถ้าคนได้เข้าไปจริง ๆ ล่ะคะ ?
      ตอบ :  เข้าไปสัก ๑๐ วัน พอออกมาทางด้านนี้ ลูกก็โตเป็นสาวแล้ว
      ถาม :  เราจะแก่ไหมครับ ?
      ตอบ :  ของเราเท่าเดิม แต่คนที่อยู่ข้างนอกของเราแก่ไปตามเวลาปกติ อยู่นั่นสัก ๕ ปี ๑๐ ออกมาเยี่ยมโยมครั้ง แล้วกลับเข้าไปใหม่ สัญญานี้ท่านยังบอกเอาไว้นะ ถ้าเราพร้อมเมื่อไหร่ไปได้ทุกเวลา...!
      ถาม :  ไม่ลองแวะเข้าไปสักครึ่งวัน ?
      ตอบ :  ไม่กล้าแข่งกับท่าน เพราะของท่านเป็นฤทธิ์โดยวิบากกรรม ฤทธิ์โดยวิบากกรรมจะชำนาญกว่าเราเยอะ ของเราฤทธิ์เกิดจากกรรมฐานการฝึกหัด คนหัดมากับคนเป็นโดยธรรมชาติ สังเกตไหมมวยไทยเตะฝรั่งชนะทุกครั้ง คนไทยเป็นโดยธรรมชาติ แต่ฝรั่งต้องหัดเอา กลัวแพ้ท่าน เสียฟอร์มหมด
      ถาม :  ..............................
      ตอบ :  โฮ้โฮ...สิบปีพอดี ทิดจิตพาแม่ชีชื่น กรรมการวัดมาขอปรึกษาเรื่องงานยกฉัตรเจดีย์ ๘๐ พรรรษา สมเด็จพระสังฆราช ปีนี้ ๙๐ แล้ว ผมไปพม่าตั้งแต่ปี ๓๖ อ่าน ๆ ยังขำตัวเองเลย กะว่าจะเก็บไว้ก่อน แก่ ๆ เดี๋ยวเล่าให้พวกเราฟังไม่ไหว จะพิมพ์ออกมาขายได้สตางค์อีกรอบ ตอนนี้ตุนต้นฉบับเอาไว้เยอะ แต่เล่มนี้ให้ปัทม์กับพรรคพวกไปช่วยกันทำ ตอนแรกจะทำเป็นรูปแบบนี้เก็บเอาไว้ก่อน ปรากฏว่านานไป ๆ ต้นฉบับที่ตุนเอาไว้ช่วงระยะเวลานั้นเรารีบเขี่ย ๆ เอาไว้ พอกลับเมืองไทยงานเยอะขึ้น ๆ ไม่มีเวลาเขียนให้เป็นระบบเป็นระเบียบขึ้นมา ความคิดที่จะทำเป็นแบบนี้ต้องระงับไปก่อน ถ้าเป็นคุณกำลังนั่งอยู่บนรถก็เขี่ยไปเรื่อยนึกอะไรได้ก็ว่าไปเรื่อย เอาไหมล่ะมันดี ชาวบ้านรุมดูเต็มไปหมด ข้ามหัวข้ามหู พวกนี้มารยาทดีจริง ๆ เลย เราทำอะไรมันให้ความสนใจไปหมด ข้าวของเราวางไว้รื้อหมด กล้องเกิ้งมันแงะให้อุตลุดไปหมด อยากรู้ว่าใช้อย่างไร จะพังช่างมันไม่ใช่ของมัน
      ถาม :  .................................
      ตอบ :  อาตมาตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีหลวงพ่อฤๅษีลิงดำเป็นที่สุด กลับปรากฏเห็นหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มาลักษณะหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเลยทีเดียว กราบเรียนท่านว่า “หลวงปู่มาทำไมครับ ?” “อ้าว...บ้านข้านี่หว่า” เกือบไล่เจ้าของบ้านซะแล้วไหมล่ะ “หลวงปู่เกิดที่นี่ด้วยหรือครับ ?” “เกิดนับไม่ถ้วนเชียวลูก” พระโพธิสัตว์ต้องขยันเกิดเป็นธรรมดา ประเทศพม่าเป็นเขตพุทธศาสนายิ่งต้องเกิดมากใหญ่
      ถาม :  ................................
      ตอบ :  เวลาไปไหนมา กลับมามักจะมาเขียนเป็นหนังสือ การเขียนหนังสือนี่หลวงพ่อท่านเคยบอกอยู่เสมอว่า “นักปฏิบัติที่ดี กระดาษกับปากกาอย่าให้ห่างมือ” เวลาผี พรหม เทวดา หรือพระท่านบอกอะไรจะได้จดทัน เพราะถ้าทิ้งไว้นานปุ๊บจะลืม แล้วลืมสนิทจริง ๆ ลืมชนิดนึกไม่ออก แคะไม่เจอเลย คราวนี้เคยชินประเภทไปไหนก็โน้ตไปเรื่อย คราวนี้พอกลับมา เราต้องทบทวนดูว่าเราไปไหน เราทำอะไร เป็นการซ้อมอดีตังสญาณด้วย จะได้ความคล่องตัวเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีก
      ถาม :  ตอนนี้หลวงปู่ปานท่านรออยู่ที่ชั้นดุสิต ไม่ต้องลงมาอีกแล้วใช่ไหมครับ ?
      ตอบ :  พระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว ไม่มีใครเขาขี้เกียจหรอก แหม...นั่งรอแป๊บเดียว ถ้ารู้สึกว่าเวลาชั้นดุสิตมากก็ขึ้นไปรอบนพรหม เวลาของพรหมแป๊บเดียวโลกมนุษย์ผ่านไปเป็นล้านปี คราวนี้แบ่งภาคทางด้านอินเดียก็ดี หรือมหายานก็ดี เขาเชื่อกันอย่างนั้น แต่ไม่ใช่ ความเป็นจริงคือว่า บุคคลที่ได้อภิญญาใหญ่อย่างนี้ สามารถแยกร่างได้เป็นพัน ๆ คน ทำงานเป็นพัน ๆ อย่างในเวลาเดียวกันทำได้ แต่ถ้าคิดจะแบ่งภาคแล้วไปเกิดเป็นคนอื่นเกิดไม่ได้ เพราะจิตเดียวกัน ตัวที่แบ่ง ๆ ไม่ได้หรอกถ้าเกิดคือว่าต้องทิ้งร่างนี้แล้วไปเลย มีใครจะแบ่งไหม เดี๋ยวจะช่วยแบ่งให้ เห็นฆ่าหั่นศพกันบ่อย
      ถาม :  ได้อภิญญาใหญ่ ถ้าเป็นพระส่วนมากจะปฏิสัมภิทาญาณ ?
      ตอบ :  อภิญญาใหญ่ไม่จำเป็นต้องปฏิสัมภิทาญาณก็ได้ แค่อภิญญาห้าก็ทำได้แล้ว ไม่ต้องถึงอภิญญาหก แต่มีพิเศษอยู่ท่านหนึ่งคือ พระจักขุบาล ท่านพระจักขุบานได้มโนมยิทธิ แต่ว่ามโนมยิทธิของพระจักขุบาล ความสามารถท่านเหนือกว่าพระอภิญญาใหญ่อีก เพราะว่าท่านสามารถแบ่งร่างเป็นพันร่างได้พร้อม ๆ กัน ทำงานได้พร้อม ๆ กัน ร่างหนึ่งกวาดลานวัด ร่างหนึ่งถูกุฏิ ร่างหนึ่งตักน้ำ ร่างหนึ่งซักผ้า ร่างหนึ่งเดินจงกรม ว่ากันให้เต็มลานวัดหมด ถาม “พระจักขุบาลองค์ไหน ?” ทั้งหมดตอบพร้อมกัน “อาตมาเอง” อย่างนี้แหละพระจักขุบาล องค์นี้ท่านได้เอตทัคคะ คือความเลิศกว่าสาวกอื่นในด้านมโนมยิทธิ ที่ลูกศิษย์หลวงพ่อเจอหลวงพ่อไปหา บอกว่าไปด้วยกายเนื้อ ความจริงคือกายในของมโนมยิทธิ เพียงแต่ความสามารถของหลวงพ่อกับเราห่างกัน ๘๔,๐๐๐ ลี้ได้
              เพราะฉะนั้น...ท่านไปเห็นชัด ๆ จับต้องได้ เลยไปคิดว่าเป็นกายเนื้อของพวกเรานี่ ขนาดเต็มกำลังของพวกเราว่าชัดเจนเหมือนกับตัวท่านไปเอง คนอื่นยังไม่เห็นเลย แต่เดินผ่านหมาเห่าเหมือนกัน ตามันดีกว่า ใครทำได้ใหม ๆ ระแวงไปหมด คิดว่าเอาตัวนี้ไปจริง ๆ ในเมื่อคิดว่าตัวนี้ไปจริง ๆ ข้ามถนนก็มองรถซะแทบแย่ คนเดินมาก็ต้องหลบวูบ ไม่ชนหรอก
      ถาม :  หลวงพ่อท่านมีฤๅษีทัศนาจร ?
      ตอบ :  อ๋อ...ตอนนี้เวลาที่จะหายใจยังไม่ค่อยจะมีเลย ไม่นึกว่างานจะมาเร็วขนาดนี้ ยังคิดว่าเออ...ถ้ามีเวลามากทำอะไรที่เป็นการส่วนตัวไปอีกระยะหนึ่ง สร้างความเข้มแข็งให้กับกายวาจาใจให้มากกว่านี้ไปสักระยะหนึ่ง ของเราลักษณะมะม่วงดิบ ยังไม่ทันสุกเลยแย่งกันกินแล้ว แล้วดันไปบอกคนอื่นว่าอร่อย คนเคยกินมะม่วงสุกเต็มที่จริง ๆ จะบอกว่าทุเรศ แต่คราวนี้จะไปว่าอะไรได้ ให้มะม่วงสุกจริง ๆ แหม..อยู่บนยอดซะลิบ หรือไม่ก็อยู่ในกิ่งที่บังซะด้วย ก็มาไล่แทะมะม่วงดิบอย่างอาตมานี่แหละ
      ถาม :  ............................
      ตอบ :  เอ้า...เอาไปคนละอัน ยันต์เกราะเพชร อาราธนาเป็นอุดประตูได้ขำตอนที่ไทยไปได้ตำแหน่งที่ ๔ ของเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศจีน ชัยยง ขำเปี่ยม ถ้าชัยยงยังเอาธงหลวงพ่อแปะประตูอยู่นะ อาจจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่คราวนี้คนอื่นไม่เชื่อ จะเห็นว่าคราวนั้นจีนใช้ความพยายามเป็นอย่างสูงมากในการยิงประตู มีปัญญาก็ยิงไปเถอะ ถามหลวงพ่อ “ทำไมยิงไม่เข้าสักทีครั้ง ยิงเยอะขนาดนั้น ?” หลวงพ่อบอก “มึงดูสิว่า ใครยืนกันอยู่ ท้าวมหาชมพู” ข้าพระเจ้าประคุณข้างเดียวใหญ่กว่าโกลหลายสิบเท่า แล้วจะไปยิงเข้าได้อย่างไร เจ้เตี้ยมพูดภาษาสเปนเก่ง เขาเอาไปเป็นล่ามให้คุณคาร์ลอส ตอนนี้กลับมาใหม่แล้ว อือ...คงต้องอาศัยเจ้เตี้ยมแกอยู่ดี คราวนี้เจ้เตี้ยมว่าง ก็พาคาร์ลอสกับลูกทีมไปกราบหลวงพ่อ แล้วจากนั้นเขาถามหลวงพ่อ “มีอะไรดี ?” หลวงพ่อบอก “เอาธงแดงไว้เอาไปติดประตู” ชัยยงเขาเชื่อเหมือนกัน แต่คราวนี้เสียอยู่อย่างเดียว คือเขาไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงพ่อโดยตรง เขาขาดความมั่นใจ พอถึงเวลาเปลี่ยนข้างใช่ไหม ดึงออกแล้วไม่ได้ไปแปะใหม่อีก ถ้าเป็นพวกเราตูจะใส่เกราะไปเลย เอาให้รอบตัวเลย แต่ก็ยังดี ยังอุตส่าห์ได้ตำแหน่งที่ ๔ ของไทยเราไม่เคยเข้ารอบลึกขนาดนั้นมาก่อนเลย
      ถาม :  อีก ๑๒ ปี ประเทศเราจะเป็นประเทศพัฒนา ?
      ตอบ :  ถ้าเศรษฐกิจรุดหน้าในระดับนี้เป็นไปได้ กลัวอยู่อย่างเดียวประเทศพัฒนาส่วนดี ๆ ของเขา ส่วนใหญ่เราไม่เลียนแบบ เราไปเลียนแบบส่วนที่ไม่ดีของเขา รัก โลภ โกรธ หลง แหม...อย่างไรล่ะ ยิ่งเงินเยอะยิ่งเข้าถึงง่าย ต่อไปอะไร ๆ จะอยู่ยากมากขึ้น โดยเฉพาะกำลังใจของคน จะใจร้อนใจเร็วมากขึ้น ยุคอภิญญาจริง ๆ เสร็จแล้วสารพัดเรื่องจะเกิดง่ายขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ไม่ว่าจะดีหรือชั่วไม่ได้หายไปไหน ผลของการกระทำนั้นยังคงอยู่ รอให้ผลแก่คนทำอยู่ตลอดเวลา
              คราวนี้อย่างในกรุงเทพฯ คนทำชั่วมากกว่าคนทำดีเพราะฉะนั้น...ในเมืองใหญ่ ๆ อย่างกรุงเทพฯ กระแสที่จะดึงเราให้รัก โลภ โกรธ หลง ก็มีมาก สังเกตว่าถ้าเราเป็นนักปฏิบัติแล้วไปอยู่ต่างจังหวัด อารมณ์ใจจะทรงตัวได้ง่าย แต่พอทรงตัวแล้ว ถ้าไม่มีการทำให้ต่อเนื่องเข้ามากรุงเพทฯ แป๊บเดียวแหละเบียดเป๋ ร่วงไม่เป็นท่าเลย พอร่วงแล้วก็เป็นว่าไหลตามเขาได้ง่ายมาก คราวนี้นักปฏิบัติเองยังไหลตามเขาได้ง่าย ๆ แล้วพวกที่ไม่ได้ปฏิบัติเลยจะเหลือหรือ ทางนี้ของเรา ถ้าเราได้ทิพยจักขุญาณจริง เราดูขึ้นไปจะเห็นพลังงานของฝ่ายไม่ดีดำทะมึนอย่างกับพายุตั้งเค้า พวกดีเปรสชั่นจะมา ในเมื่อกำลังสูงขนาดนั้นทำให้คนโดนดึงให้คล้อยตามไปง่ายที่สุด ถ้าเป็นคนทั่ว ๆ ไปไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเป็นคนที่กำชะตากรรมของคนจำนวนหนึ่ง หรือคนทั้งประเทศเอาไว้อยู่ในมือ แล้วโดนกระแสกรรมที่เกิดจากการกระทำของคนทั้งหลายในด้านไม่ดีรวมกันชักนำไปจะเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวอาจจะกดปุ่มนิวเคลียร์ไปถล่มใครสักประเทศหนึ่ง
      ถาม :  แล้วผลคู่ขนาน ?
      ตอบ :  พร้อมกันคู่กัน ทำไมจะไม่คู่ มันเจริญไปพร้อมกัน เพียงแต่ว่าถ้าหกสิบล้าน ห้าสิบเก้าล้านไปทางโน้น ล้านหนึ่งมาทางนี้ คานกันได้เหมือนกันนะ เพราะว่ากำลังของความดีสูงกว่าเยอะ ในเมื่อสูงกว่าเยอะคานกันได้ แต่ว่าท่านทั้งหลายที่ทำความดี ถึงเวลาคนเราฟุ้งซ่านหาทางไปไม่ได้ คงมะรุมระตุ้มอย่างนี้ ถึงเวลานั้นจะตายเร็วกว่าเดิมเยอะเลย มันไม่รู้ว่าทำไมมันอยู่ใกล้แล้วสบายใจ มันก็มาอยู่เรื่อย กูอยากสบายใจ อาตมานั่งเช้ายันค่ำทุกวัน