ถาม :  สัมภเวสี คืออะไรคะ ?
      ตอบ สัมภเวสี ก็คือ จิต หรือว่าใช้คำว่า วิญญาณ แล้วกันนะ ใช้คำว่า จิต พวกเราเข้าใจยาก เพราะพวกเราชินกับคำว่า วิญญาณก็คือวิญญาณที่ตายก่อนจะหมดอายุจริง ๆ อย่างสมมุติ เขาอายุ ๗๕ ปีแล้วมาตายตั้งแต่อายุ ๓๐ เรียกว่าตายก่อนหมดอายุ ต้องคอยเร่ร่อนเรื่อยไป เพราะว่ายังไปหาที่เกิดของตัวเองไม่ได้จนกว่ารอจนครบอายุก่อน อยากจะเห็นสัมภเวสีมั้ย ? ร่อนไปร่อนมา อย่างสมัยนี้พวกเด็กนักเรียนเป็นสัมภเวสีกันบ่อยมันใช้คำว่า สิง มันบอกว่ามันไปสิงที่หอ (หัวเราะ) เคยสิงหอมั้ย ? อาศัยเพื่อนนอน แหม... บางคนยัดเข้าไปได้ ๘ คน ๑๐ คน หัวก่ายท้ายเกยก็นอนกันเข้าไปได้
      ถาม :  อย่างทานบารมี หลวงพ่อบอกว่าทานบารมีตัวเดียวสามารถไปนิพพานได้ ต้องทำได้ถึงระดับไหน ?
      ตอบ :  ก็ประเภทที่ว่าให้จนกระทั่งไม่ติดทั้งดีทั้งชั่ว รู้ว่าดีก็ทำ ใครเขาอยากได้ก็ให้ ให้แล้วก็ไม่ไปตามคิดว่ามันเอาไปทำอะไร ? มันหลอกเราหรือเปล่า ? มันไปใช้สมกับคุณค่าที่เราให้หรือเปล่า ? จะไม่มี ตัวสุดท้ายก็คือ พยายามให้อภัย พยายามสร้างความดีให้ทรงอยู่ในใจ ใครทำผิดคิดร้ายกับเราก็ตามจะไม่ถือโทษโกรธเคืองทั้งสิ้น อะไรทำนองนั้น จิตใจอยู่กับการให้ตลอดเวลาพร้อมที่จะสละอยู่เสมอ เมื่อสร้างอารมณ์ใจมั่นคงเสร็จก็ภาวนาต่อไปเลย คิดอยู่ตลอดเวลาว่าที่เราให้นี้ เราทำเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จิตใจมุ่งตรงต่อพระนิพพานที่เดียว
      ถาม :  เขาบอกว่าไง....ถือศีลแปด ตกดึกเขาก็กินกะหรี่ปั๊บเลย ?
      ตอบ :  นั่นก็ถือได้ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว (หัวเราะ) ตายละหว่า ตกลงน้องเขาทำถูกหมดเลย พี่เองแหละทำผิด (หัวเราะ) ใช่มั้ย ? เราก็ถือได้ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว มันหิวมันก็กินนะซิ อย่าลืมว่าเทวดาคนใช้เขาถือได้แค่ครึ่งวันใช่มั้ย ?
              เรื่องของศีลแปดมีอานุภาพสูงกว่าศีลห้า เราถือเป็นเวลากี่นาที กี่วินาที กี่ชั่วโมงแล้วแต่เรา อานิสงส์มันได้ทั้งนั้น จะมากจะน้อยมันไม่ใช่ไม่ได้เลย น้องเขาทำถูกแท้ ๆ ไปว่าเขาได้ (อย่างนี้ได้พวกเลย) ไม่ต้องห่วงหรอก เด็ก ๆ มาที่นี่ไม่ว่าสักคำมีแต่ยุ จริง ๆ แล้วการมาหาพระก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดใช่ไหม ? ไม่อย่างนั้นมานั่งเครียด เอ๊ะ...จะนั่งท่าไหน่ ?
              บางคนใช้แทนตัวว่าอาตมาด้วย เล่นเอาพระพูดไม่ออก เล่นแย่งพูดหมดแล้ว ของเรามาใหม่ ๆ ที่ไม่ค่อยรู้ศัพท์บางคำมันยาก ถ้าหากว่าไม่รู้ถามความหมายบางทีก็ไม่เข้าใจ ไปอ่านหนังสือเจอก็ตีความไม่ออก (ไม่กล้าอ่านค่ะ) เป็นยังไงไม่กล้าอ่าน ? ก็นั่นแหละ เพราะเราไม่มีพื้นฐานตรงนี้ไงได้นั่นมันต้องดูพื้นฐานตรงนี้เอาไว้ก่อนว่า ของเราเองอันไหนไม่เข้าใจต้องศึกษาสอบถามก่อน พอถึงเวลาเข้าใจแล้วไปอ่านหนังสือมันก็จะรู้เรื่องแหละคราวนี้
      ถาม :  คำว่าบารมีเต็ม เป็นอย่างไร ?
      ตอบบารมีเต็ม แปลว่า ทำจนถึงที่สุดของกำลังใจแล้ว บารมีก็คือกำลังใจ มีอยู่ ๓ ระดับ ๙ ขั้น
              ๑. สามัญบารมี กำลังใจขั้นต้น ประกอบไปด้วยหยาบ กลาง ละเอียด
              ๒. อุปบารมี กำลังใจขั้นกลาง ประกอบไปด้วย หยาบ กลาง ละเอียด
              ๓. ปรมัตถบารมี กำลังใจขั้นสูงสุด ประกอบไปด้วย หยาบ กลาง ละเอียด เหมือนกัน
              ถ้าหากว่าถึงปรมัตถบารมีขั้นละเอียดก็แปลว่ากำลังใจเต็ม พร้อมที่จะเข้าพระนิพพานได้ คราวนี้จะวัดจากตรงไหนได้ สามัญบารมี ให้ทานได้บอกให้รักษาศีลก็จะไม่ไหว อุปบารมีให้ทานได้รักษาศีลได้ บอกให้ภาวนาไม่ไหว ถ้าหากว่ากำลังใจพร้อมทั้งทานศีลภาวนา ตั้งมั่นว่าจะทำเพื่อพระนิพพาน อันนี้ถือเป็นปรมัตถบารมีเต็มแล้ว พร้อมจะไปแล้ว
      ถาม :  ถ้าในชาตินี้เราให้ทานประจำ รักษาศีลก็ได้ ภาวนาได้ ?
      ตอบแสดงว่ากำลังใจของเราอยู่ระดับปรมัตถ์แล้ว เพียงแต่มันจะหยาบ จะกลาง จะละเอียดเท่านั้น ถ้าถึงปรามัตถบารมีนี้มีสิทธิ์ไปนิพพานได้แล้ว อย่างแย่ ๆ ก็เป็นดอกบัวกลางน้ำ พร้อมที่จะโผล่พ้นน้ำในวันต่อไป
      ถาม :  หมายความว่า บุญเก่า บุญใหม่ มาผสมกันเมื่อไหร่จะเป็นพระอรหันต์ ซึ่งตรงนี้ต้องรอวาระ ต้องทำที่ไหนคะ ถึงจะมาบรรจบกันได้ ?
      ตอบ :  ใครเป็นคนบอกล่ะจ๊ะ ?
      ถาม :  อ่านในหนังสือ ?
      ตอบ :  (หัวเราะ) ถือว่าของทุกอย่างมันมีวาระเวลาของมัน บุญเก่า คือสิ่งที่ทำมาดั้งเดิม ในชาติก่อน ๆ ภาษาพระเรียกบุปเพกตปัญญตา แต่ส่วนบุญใหม่ ก็คือที่เราสร้างเสริมขึ้นมาในชาตินี้ เราใช้กำลังของเก่าสร้างเสริมของใหม่ของเราให้เข้มแข็ง พอถึงที่สุดถึงวาระของมัน มันก็จะหลุดพ้นเข้านิพพานไปได้เอง เหมือนลักษณะว่าของเราบุญเก่าเราก็ทำ ทาน ศีล ภาวนา มาในอดีตแล้ว
              เมื่อมาถึงปัจจุบันนี้บุญใหม่คือของเราก็คือ พยายามสร้างเสริมทาน ศีล ภาวนานั้นให้เข้มข้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนถึงวาระสุดท้ายจิตสามารถตัดกิเลสเป็นสมุทเฉทปหาน เข้าสู่นิพพาน ก็คือ จังหวะนั้นแหละที่เก่ากับใหม่มันผสมเต็มที่พอดี
      ถาม :  แสดงว่าเขามีการกำหนดมาแล้วใช่ไหมคะ ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ อยู่ที่ความขยันหรือขี้เกียจของเรา ถ้าหากว่าประเภทบุญเก่าเยอะ ก็จะเหมือนกับยายหนุ่ยเมื่อกี้ อีกกี่ชาติไม่รู้กว่าจะได้ไป เอะอะเขาก็บอกว่าหนูขี้เกียจค่ะ อย่างนั้นยังอีกนานจ้ะ
      ถาม :  แล้วที่บอกว่าการนึกถึงผลกรรมไม่ดี เราทำมา จะทำให้มีโอกาสที่จะตกนรก เคยได้ยินมาว่าคนนั้นสมมุติในชีวิตทำดีมา ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ?
      ตอบ :  ๙๙.๙๙ % ก็ลงได้จ้ะ
      ถาม :  ลงไปแค่สำนักพญายม หรือลงไปเลย ?
      ตอบ :  ลงนรกไปเลยก็มี น่ากลัวไหม ? ในมหากัมมวิภังคสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลผู้ตั้งใจภาวนาสามารถทรงฌานทรงสมาบัติได้สร้างทิพยจักขุญานให้เกิดสามารถรู้เห็นนรกสวรรค์ได้ มากล่าวว่าบุคคลที่ทำดีแล้วไปสวรรค์ บุคคลที่ทำชั่วแล้วไปนรก ตถาคตกล่าวว่าไม่ใช่
              เหตุที่ไม่ใช่เพราะสำคัญต้องอารมณ์สุดท้าย ทำดีมาตลอดชีวิต อย่างพระนางมัลลิกาเทวี ก่อนตายจิตใจไปว้าวุ่นว่าตัวเองล่วงเกินพระสวามีเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่โทษก็ไม่มี ก็เลยต้องแช่อยู่ในนรกเสีย ๗ วัน ถึงจะเป็นเท้าข้างเดียวก็เถอะ อย่างเราเท้าข้างเดียวโดนไฟเผาไม่ร้อนรึ ?
      ถาม :  ............................................
      ตอบ :  ใช้ได้จ้ะ เรื่องของคาถาพระยายม เราจะว่าเป่าให้คนอื่นก็ได้ เป่าให้ตัวเองก็ได้ ถ้าจะเป่าให้ตัวเองก็นึกถึงภาพกายในของเราไปยืนข้างหัว ตั้งใจขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ทั้งหมดมีพระยายมราชเป็นที่สุด ขอได้โปรดเมตตาบรรเทาอาการเวทนาของทางร่างกายให้หมดสิ้นไปด้วย เสร็จแล้วก็ว่า นะโมพุทธายะ เป่าทางศีรษะลงไปปลายเท้า ๓ ครั้ง
      ถาม :  จุดธูป เทียนหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ก็ตอนป่วยอยู่ จะจุดไหมล่ะ ? คลานยังจะคลานไม่ขึ้นเลย