ถาม : (ถามเรื่องเรียน) ?
ตอบ : ต้องเลือกอันที่เราชอบ เราจะถนัดอันนั้นมากที่สุด ทำในสิ่งที่ตัวเองรักสิ่งที่ตัวเองชอบจะทำได้ผลดีกว่าเขา ถ้าชอบหลายอย่างก็ต้องดูความสามารถในปัจจุบันของเรา อย่างเช่นว่าคะแนนของเราถ้าเอ็นท์รอบที่แล้วได้ประมาณท่าไหร่ ก็เลือกเอาให้ใกล้เคียงคณะไหน คณะหนึ่งที่เราชอบ
ถาม : ไปอ่านเจอเขาบอกว่าให้ใช้พวกมโนไปถามได้...(ไม่ชัด)....?
ตอบ : ถ้าหากว่าในลักษณะอย่างนั้น ของเราเองขาดความคล่องตัวใช้อาจจะผลน้อยหน่อย มีคาถาบทหนึ่ง คาถาสหัสสเนตโต เคยได้ยินมั้ยล่ะ ? นั่นล่ะใช้บทนั้นสอบเท่าไรก็ได้ เรียงหน้าเข้ามาเถอะ ขอให้ใจเป็นสมาธิเท่านั้นแหละ อันนี้กล้ายืนยันเพราะทำมาด้วยตัวเอง ได้ผลเกินร้อย ข้อสอบพระไม่เหมือนข้อสอบฆราวาส ข้อสอบพระไม่มีช้อยให้เลือกมีอยู่อย่างเดียวก็คือ จงอธิบาย ขนาดจงอธิบายเล่นกันทีสามหน้าห้าหน้า นี่ว่ากันชนิดตรงทุกตัวอักษร ถ้าถึงขนาดนั้นเขาจับว่าเราลอกข้อสอบนี่เสร็จเลย ไม่ลอกแล้วเขียนเหมือนได้ยังไง
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าทุ่มเทหน่อยคือภาวนาใช้คาถาสหัสเนตโตนี่เป็นกรรมฐานไปเลยทำทุกวัน กะซะว่าวันหนึ่งครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงหนึ่งอะไรก็ว่าไป ทำจนอารมณ์ใจทรงตัวถึงเวลาก็ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดาทั้งหมด ให้ช่วยสงเคราะห์โดยเฉพาะท่านปู่พระอินทร์ ขอให้เราทำข้อสอบได้ถูกต้อง และก็ถูกใจคนตรวจด้วย
ถาม : เป็นเมียน้อยบาปมั้ย ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเมียหลวงไม่ยินยอมเราไปพรากเขาออกมาก็บาป คือเรื่องของเมียหลวง เมียน้อย ผัวหลวง ผัวน้อย ต้องดูเจ้าของเขาเต็มใจมั้ย ? ถ้าเจ้าของเขาไม่เต็มใจแต่เราดันไปยุ่งเราก็แย่เอง ถามว่าบาปมั้ยต้องถามว่าเจ้าของเขาอนุญาตมั้ย ? ถ้าเจ้าของเขาอนุญาตเป็นเมียน้อยซักกี่คนมันก็ไม่บาปหรอก ตัวเราเองถ้าตั้งใจไปพรากเขามันก็ยุ่ง เดี๋ยวเกิดชาติใหม่ไม่มีน้ำจะกิน
ถาม : ก็ตั้งใจว่าจะ.....(ไม่ชัด)....?
ตอบ : (หัวเราะ) เอาให้ได้นะ ถ้าไม่ได้เดี๋ยวจะกลายเป็นสองตายายขุดบ่อเท่าไหร่ไม่มีน้ำ เคยจำประวัติพระเจ้าปเสนทิโกศลมั้ย ? พระกาลบอกว่าอีกเจ็ดวันจะตาย พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เร่งระดมเงินจากท้องพระคลังเอามาตัดถนนสร้างสะพาน สร้างที่พัก ให้เป็นสาธารณประโยชน์ ครบเจ็ดวันแล้วไม่ตายก็ยัวะ พระกาลที่ไหนวะมาหลอกกันได้ หาคนไปติดต่อกับพระกาล
ปรากฏว่าพอคนติดต่อไประหว่างทางก็เจอสิ่งแปลก ๆ หลายอย่าง มีอย่างหนึ่งก็คือ ตายายสองคนขุดบ่อเท่าไหร่ไม่มีน้ำ อยากน้ำแทบเป็นแทบตายขุดเข้าไปเท่าไหร่ก็หาน้ำไม่ได้ ปรากฏว่าพอถามพระกาลท่าน พระกาลท่านบอกว่าชาติก่อนหวงลูกสาว (หัวเราะ) ถ้าหากว่าขืนเกิดใหม่ของเรานี่เดี๋ยวก็ไม่มีน้ำจะกินหรอก ปล่อยเขาเหอะเด็กโต ๆ ด้วยกันแล้วมันรู้จักคิดของมัน
ถาม : คนนี้มันมายุ่งเอง ?
ตอบ : ของพรรค์นี้บางทีก็อยู่ที่เรา ถ้าเราอคติ พอสิ่งที่เขาทำดีมันก็กลายเป็นไม่ดีไป เพราะฉะนั้นเขาของเราเองไม่ชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในเมื่อไม่ชอบเขาเป็นทุนเดิมเราเองอาจจะมองเขาในแง่ไม่ดีก็ได้ อคติอย่าให้เกิดขึ้นในใจเกิดขึ้นเมื่อไหร่มันเสีย ฉันทาคติ ลำเอียงด้วยรัก โทสาคติ ลำเอียงด้วยโกรธ ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง อันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นความยุติธรรมจะหายไป
ถาม : ..................................
ตอบ : การคิดพึ่งพิงคนอื่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าสอนว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ขนาดพระองค์ท่านยังไม่สามารถจะตั้งอยู่ได้แล้วใครจะอยู่ให้เราพึ่งได้ อัตตาหิ สุทันเตนะ นาถังลภติ ทุลลภัง ถ้าหากว่าตัวของเราฝึกดีแล้ว จะเป็นที่พึ่งที่ไม่มีใครพึ่งได้มากยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว ถ้าจะเกาะพระให้เกาะในความดีของท่านที่เป็นสังฆานุสสติ ไม่ใช่ไปเกาะองค์ท่าน เกาะร่างของท่าน พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานให้เห็นแล้ว พระอรหันต์ทุก ๆ องค์ก็ไปให้เห็นแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อก็เป็นให้เห็นแล้ว
ถ้ายังขืนเกาะต่อไปก็เตรียมพลาดหวังต่อไปอีก ให้เกาะในส่วนของความดีพยายามพึ่งตนเองยืนหยัดด้วยนตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่าทำตัวเป็นภาระของใคร ให้เป็นภาระของตัวก็พอ จะอาศัยซะหน่อยไม่ให้เกาะเลยเนอะ....ไหล่ไปโดนอะไรมา ?
ถาม : เป็นโรคเจ้าค่ะ เห็นหมอบอกว่าเป็นโรคสะเก็ดงูเจ้าค่ะ ?
ตอบ : อ๋อ...ดีสิ ให้เป็นสะเก็ดทองได้รวยกัน สังขารัง โรคนิทธัง สังขารเป็นรังของโรค ปภังคุณัง เน่าเปื่อยเป็นธรรมดา ยังไม่ทันจะตายเลยเปื่อยซะแล้ว (หัวเราะ) ข้างหลังยังมีอีก โห...เวรกรรม ไปห่าง ๆ เลยไป เดี๋ยวจะพาไปติดคนอื่นเขาด้วย
ถาม : ไม่ติดต่อเจ้าค่ะ ?
ตอบ : เอางี้สิลองดูนะ เอาเปลือกต้นแค ถากมาซักสี่ห้าแผ่น แช่กับน้ำซาวข้าว ทิ้งไว้สองคืน กำลังบูดได้ที่เลย แล้วเอามาทาดู เพราะว่าหมาขี้เรื้่อนเขาทาหาย เพราะฉะนั้นคนขี้เรื้อนน่าจะหาย อย่าไปเอาน้ำมันขี้โล้ทาคนอื่นเขาทาหมา แล้วหมอเขาว่าไงวิธีรักษา
ถาม : ก็ดูแลตัวเองอะไรอย่างนี้ ?
ตอบ : ฉีดยา กินยาไม่มีเลย ?
ถาม : มีแต่สเตรียรอยซึ่งทาแล้ววันสองวันก็เป็นอีกเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ยาที่พวกเข้ากำมะถันมันจะช่วยได้มั้ย ? โน่นเลยไปทองผาภูมิอยู่มันซักเดือนหนึ่ง มันมีบ่อน้ำร้อนอยู่แช่มันทุกวัน แช่ให้เปื่อยกันไปข้างหนึ่งเลย เคยไปมั้ยพุน้ำร้อนหินดาดมันจะถึงก่อนวัดเก่าซักสี่กิโล แต่ถ้าวัดใหม่นี่ก็ยี่สิบกว่าโลแล้ว
ถาม : เตรียมไปเลยหรือคะ ?
ตอบ : เอาให้ชัวร์ ๆ เลยแช่มันทุกวัน แช่มันวันละสามรอบเลยก็ได้ เดี๋ยวไปฝากอาจารย์เคิงไว้ให้ วัดอาจารย์เคิงอยู่ใกล้ ๆ พุน้ำร้อน มันจะหายมั้ย ติ๋วมียาอะไรบ้างรึเปล่า ? สะเก็ดเงินเนี่ยะ
ถาม : มีแป้งหลวงปู่บุดดาที่บ้าน ?
ตอบ : อ๋อ ...แป้งหลวงปู่บุดดา อย่าไปเอาอะไรกับยายนี่เลย เขาเป็นพยาบาลจ้ะ แต่ถ้าหากว่าคนไข้มา เขารักษาด้วยน้ำมนต์กับน้ำมัน
ถาม : ยังมีฟ้าทะลายโจรอีกอย่าง ?
ตอบ : สรุปแล้วไม่รู้มันเรียนพยาบาลมาทำไม น่าสนใจมั้ย ? เรียนหมอเรียนพยาบาลมาถึงเวลารักษาด้วยน้ำมนต์กับน้ำมัน เสียสถาบันเขาหมด ตอนแรกก็นึกว่าไปสักไปอะไรมา แหม...เห็นลายมันคล้าย ๆ ดอกไม้ คิดว่าจ๊าบกับเค้ามั่งที่ไหนได้ เป็นโรคก็ไม่บอก แล้วมันมีสาเหตุมาจากอะไร ? ซกมก ?
ถาม : เลือดเป็นพิษน่ะเจ้าค่ะ ?
ตอบ : อ๋อ...เลือดเป็นพิษ
ถาม : เขาบอกเลือดมันแบ่งเซลล์ผิดปกติ ?
ตอบ : ถ้าเลือดเป็นพิษมันต้องขึ้นหน้า แล้วเมื่อไหร่มันจะขึ้นหน้าซะทีล่ะ
ถาม : ขึ้นนะคะ แต่ว่าหนูก็พยายามทายา ?
ตอบ : ถ้าเลือดเป็นพิษมันจะขึ้นหน้าพิสูจน์ได้ง่ายที่สุดเลย อ๋อ.....แสดงว่าเอาหน้าสวยไว้ก่อนที่ช่างมันใช่มั้ย ?
ถาม : ....................................
ตอบ : อ๋อ.........สมควร สมัยอยุธยาต้องเคยไปเผาพระลอกทองมาแน่ เลยเจอสะเก็ดเงิน ถ้าเจอทองจะหนักกว่านี้อีก สมัยอยุธยาพวกทหารพม่าลอกเอาทอง เอาไฟสุมทองมันไหลลงมาก็รวมกันสิ เพราะว่าทองยังไงก็เป็นทองไม่รวมกับโลหะธาตุอื่น ใช้วิธีอย่างนั้นลอกพระไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกนี้เกิดมาถ้าเศษกรรมจะทำให้มันเป็นโรคเรื้อน อันนี้ของเราคงลอกไม่มากหรอก แต่ถึงเวลาไปแคะ ๆ มาใช้หน่อยหนึ่งใช่มั้ย ? แล้วลองถามอาจารย์ต้าดูรึเปล่าว่า มียาอะไรที่มันล้างพิษล้างอะไรมั่ง ?
ถาม : ยายิ่งกินยิ่งเป็นมากจนทนไม่ไหวเจ้าค่ะ ?
ตอบ : อาตมาก็ยังแปลกใจเลยว่ายิ่งกินก็ยิ่งเป็นมากเนี่ยจะเลิกดีมั้ย ? หลวงปู่ธรรมชัยแน่นอนที่สุด ท่านบอกว่าโรคบางอย่างต้องรักษาถึงจะหายถ้าไม่รักษาจะตาย โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย ส่วนโรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย ส่วนโรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตายแหง (หัวเราะ) ขึ้นอยู่กับกรรมที่เราทำมา ถ้าเราทำเอาไว้ก็ยอมรับซะเหอะ
ประเภทที่เรียกว่าอยากกินของพิสดารใช่มั้ย มันจะกินอะไร มันจะกินแลนน่ะสิ ไอ้ตัวหางยาว ๆ คนภาคกลางเค้าเรียกตัวเงินตัวทอง ถ้าเขาจับได้เขาจะจับมันไขว้หางมัดคอเอาไว้ มันไปไหนไม่ได้ เสร็จแล้วผูกเอวโยนเข้ากองไฟ เผาแล้วก็ขุดหนังมันให้ขาวเชียว สับ แกง พวกนี้เกิดชาติใหม่หนังเว่อหมด
ถาม : หนูจะได้ทำใจกับเขา ?
ตอบ : ทำใจได้เลย ปล่อยให้มันเป็นเยอะ ๆ ไปทั้งตัวแล้วก็พิจารณามัน อยัมปิโข กาโย ร่างกายนี้หนอ เอวัง ธัมโม เป็นอย่างนี้ ธรรมดา เอวัง ภาวี ภาวะของมันคือสภาพของมันเป็นอย่างนี้แน่ ๆ เอสะว อะนะ ตีโต ไม่อาจจะล่วงพ้นไปได้ ปูตีนิ เน่าเปื่อยเป็นธรรมดา จุณณะกะ ชาตานิ เดี๋ยวก็กลายเป็นผุยเป็นผง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นผล จากการกระทำของเราทั้งนั้น ในเมื่อเราทำเอาไว้เราก็ยอมรับมันหน้าชื่นตาบานไปเถอะ เป็นไงมองแล้วสยดสยองมั้ย ?
แหม...เห็นสาวหน้าตาดี ๆ แถเข้าไปจะจีบซะหน่อยลายทั้งตัวเชียว หนุ่มคนไหนถ้ามองอย่างนี้แล้วมองทะลุข้างในได้จะสยองกว่านั้นอีก ทีผีมันแหกอกให้ดูก็ แหม...ตกใจใช่มั้ย ? ถ้ามองทะลุเข้าไปเห็นข้างในเครื่องในเต้นอีลุบตุ้บตั้บไปหมดนี่ช็อค
ถาม : สวดมนต์ที่วัดพระแก้ว....(ไม่ชัด)....ให้ศีลแปดอย่างเนี่ยครับ ?
ตอบ : ได้...ทำไมล่ะ ศีลแปดอานุภาพสูงกว่าศีลห้าเยอะ ในเมื่ออานุภาพของศีลสูงกว่าเยอะ ถึงปฏิบัติเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แค่ชั่วโมงครึ่งชั่วโมง นาทีสองนาทีก็ได้อยู่ที่เรา ของเราจะขาดตอนกินข้าวเย็นเท่านั้นล่ะมั้งใช่มั้ย ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ได้ไปตั้งค่อนวัน
เทวดาคนใช้ของอนาถบิณฑิกเศรษฐีรักษาศีลแปดแค่ครึ่งวัน แต่ตัวเองไม่ได้กินข้าวมาก่อนเป็นลมตายกลายเป็นเทวดา นั่นน่ะศีลแปดครึ่งวัน เพราะฉะนั้นของเรามีโอกาสรักษาไปเถอะจะมากจะน้อยให้มันได้ไว้ก่อน
ถาม : ..............................
ตอบ : พวกนี้มันตัดความดีเราซะแล้ว อย่าไปเชื่อ จะมากจะน้อยให้มันได้เข้าไว้ นาทีสองนาทีก็เป็นปัจจัยเพราะเสริมความดีของเราไปในภายภาคหน้า
ถาม : ตามที่ว่าการบวชนาคนี่ .....?
ตอบ : อันนั้นเป็นเรื่องจริง คือเขาเองเกิดศรัทธาอยากจะบวชก็แปลงร่างเป็นมนุษย์ขึ้นมา แต่ตอนหลับขาดสติก็เลยคลายฤทธิ์ลงโดยไม่รู้ตัวกลายเป็นงูใหญ่ พวกเห็นก็วิ่งกันตับแลบ พระพุทธเจ้าท่านก็เลยต้องสั่งระงับไป ก็ถึงได้อันตรายิกธรรมสิ่งที่คู่สวด เขาจะถามพระก่อนบวชมีข้อหนึ่งว่าเป็นพญานาคหรือเปล่า ? ต้องตอบว่า นัตถิ ภัณเต คือไม่ได้เป็นครับ ถ้าตอบว่า อามะ ภัณเต เป็นครับก็ไม่ได้บวชเลย
ถาม : ทุกวันนี้ยังใช้คำนี้ ?
ตอบ : ยังใช้อยู่เป็นปกติจ้ะ มนุสโสสิ เป็นคนมั้ย ? ปุริโสสิ ผู้ชายหรือเปล่า ? ภุชชิสโสสิ เป็นนาคหรือเปล่า ? อะณะโนสิ เป็นหนี้หรือเปล่า ? อย่างนี้ นะสิราชะภะโฎ เป็นคนของทางการมั้ย ? คือเป็นข้าราชบริพารของพระเจ้าแผ่นดินหรือเปล่า ? เดี๋ยวจะกลายเป็นเลี่ยงงานหนีมาบวช แล้วก็ อนุญญาโตสิมาตาปิตูหิ พ่อแม่อนุญาตแล้วหรือยัง ? ปริปุณณะวีสะติวัสโสสิ อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ปริปุณันเตปัตตะจีวะรัง มีบาตรมีจีวรพร้อมแล้วหรือยัง ? จะเป็นสิ่งที่ถาม ถ้าตอบผิดก็ไม่ได้บวช
แต่ส่วนใหญ่สมัยนี้จะสอนกันถึงเวลาทำท่าตอบ ไม่ได้กระซิบบอก แรก ๆ เป็นโรคกุฏฐังคัณโฑเป็นพวกโรคเรื้อนเป็นพวกกลากเกลื้อนอันนี้เกิดจากท่านปู่หมอชีวกโกมารภัจน์ท่านขอเอาไว้ เพราะว่าปู่หมอโกมารภัจน์ท่านเป็นยอดบรมครูของแพทย์จริง ๆ ไม่มีโรคอะไรที่ท่านรักษาไม่ได้ ขอให้ถึงมือท่านต้องรักษาหาย
คราวนี้พอท่านปวารณาเป็นแพทย์ประจำพระองค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว รักษาแต่พระพุทธเจ้าแล้วก็บรรดาภิกษุเท่านั้นไม่รักษาคนทั่วไป คนป่วยอยากจะหายใช้วิธีบวชเข้ามาให้ท่านรักษา พอหายแล้วก็สึกไป ไป ๆ มา ๆ มีแต่คนป่วยเต็มวัด ท่านทนไม่ได้ท่านเลยขอเอาไว้ ขอเอาไว้ว่าถ้ายังไงเสียพวกที่เจ็บไข้ได้ป่วยอย่าให้บวชเลยเพราะว่างานของท่านมากอยู่แล้ว มีการถามกันว่าเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคอะไรบ้างห้าหกอย่าง
สมัยนี้ต้องถามว่าเป็นเอดส์หรือเปล่า ? เรื่องทุกอย่างในพระพุทธศาสนามีสาเหตุมาทั้งนั้นค้นคว้าไปบางทีสนุกน่าดูเลย รู้หรือเปล่าว่าคนเราถ้าอยู่ได้ถึงอายุห้าหกสิบปี เสียเวลาคลำผมไปห้าปี ผมอย่างเดียวนอนนี่ไปเกือบครึ่งหนึ่ง มีกิน มีนอน มีแต่งตัว มีอะไรไปเขาแยกแยะเวลาออกมาชัด อ่าน ๆ ดูแล้วขำพวกทำวิจัยมันอุตส่าห์ไปเจาะหามา
ถาม : เวลาจิตจะสงบต้องสะดุ้ง ....?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเขาไม่ให้สนใจข้างนอก ให้ใจเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น อาการสะดุ้งอาการตกใจ คือจิตเราส่งออกไปที่อื่นพอเกิดอะไรขึ้นกระทบตา หู จมูก ลิ้น กายก็ดีจิตจะรีบวิ่งกลับมาเพื่อที่จะรับอาการนั้น อาการที่มันวิ่งกลับมาเร็วเกินไปเป็นอาการที่เราเรียกว่า ตกใจ
เพราะฉะนั้นถ้าใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกไม่ไปไหน ต่อให้ฟ้าผ่ามาข้างหูก็ไม่ตกใจหรอก แสดงว่าเราส่งใจออกไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนอีกอย่างหนึ่งมันจะมีอาการหวิวเหมือนกับตกจากที่สูง อาการนั้นเราเริ่มจะเป็นฌานอย่างหยาบแล้ว จิตเกาะไม่ติดพลัดหล่นลงมา มันเป็นอาการที่พลัดจากฌานจะวูบเหมือนมันจะตกจากที่สูง อันนั้นใกล้จะได้ดีแล้วตั้งหน้าทำใหม่อีกสักพักก็จะเป็นฌานไปเลย
ถาม : .....................................
ตอบ : อันนั้นเราทำอาการรับรู้ไว้เฉย ๆ ไม่ต้องไปสนใจว่าเป็นอะไร รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ถ้าลมหายใจเข้าออกยังมีให้จับลมหายใจเข้าออก ถ้าคำภาวนายังมีให้จดจ่อกับคำภาวนา ถ้าไม่มีลมหายใจ ไม่มีคำภาวนาก็รับรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างนั้น ถ้าเราไปสนใจมันมาก ๆ มันจะไม่ก้าวหน้า แต่ถ้าเรารับรู้ไว้เฉย ๆ แค่ว่าเป็นอะไรับรู้ไว้ ๆ เดี๋ยวจะก้าวหน้าไปเอง
ถาม : พระจันทร์สวยมั้ยเวลามองใกล้ ๆ ?
ตอบ : พระจันทร์น่าเกลียดมากเลยมีแต่หลุม ๆ ไม่มีอะไรหรอก ที่เห็นเป็นแสงสะท้อนได้เพราะแร่ทองคำเยอะ มันเลยสะท้อนออกมาเป็นแสงสีเหลือง แต่ว่าถ้าของโลกเรานี่น้ำเยอะ ถ้าเราขึ้นไปที่ดวงจันทร์จะเห็นโลกเป็นสีฟ้าขาว โลกสวยกว่าเยอะ พระจันทร์แห้งแล้วมีแต่หลุมแต่บ่อหุบเหว ลองไปมั้ย ?
ถาม : แล้วบนสวรรค์สวยมากมั้ยคะ ?
ตอบ : บนสวรรค์สวยมากมั้ย ? สวยน้อยกว่าพรหม พรหมสวยน้อยกว่านิพพาน แต่ถ้านับโลกมนุษย์แล้ว นางงามจักรวาลของเราไม่ได้ปลายแถวของนางฟ้าเขา ก่อนหน้านี้เห็นสาวที่ไหนชอบไปหมด ตอนนี้เห็นแล้วชักเซ็ง ๆ คือมันประเภทผ่านมหาสมุทรแล้วเห็นน้ำไร้ความหมายไปแล้ว คือนางฟ้าเขาสวยจริง ๆ สวยงามสมบูรณ์พร้อมทั้งลักษณะท่าทางทั้งกริยามารยาททั้งบุญญาบารมี บอกไม่ถูก มันเห็นแล้วมันอิ่มตาอิ่มใจไปเลย พอเห็นคนทั่ว ๆ ไปกลายเป็นประเภทปลาย ๆ แถวไป เลยไม่รู้จะสนใจไปทำอะไรเพราะเห็นที่ดีกว่ามาแล้ว
นางฟ้าปลายแถวรู้จักมั้ย นางฟ้าปลายแถวนี่เคยเจอรุกขเทวดา เป็นนางฟ้าที่อยู่ประจำตามต้นไม้เขามาใส่บาตร ตอนเช้า ๆ ตั้งใจกำหนดใช้พิทพจักขุญาณดู วันนี้ใครจะใส่บาตรเราเป็นคนแรก พอเดินไปถึงจะได้รู้ว่าที่เรากำหนดใจรู้นั้นรู้ถูกหรือรู้ผิด เห็นว่าเป็นลักษณะผู้หญิงอายุเท่านั้นหน้าตาอย่างนั้น ใส่เสื้อผ้าสีอย่างนั้น พอไปถึงเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ตั้งใจสำรวมจิตก้มลงเปิดบาตรแล้วอธิษฐานจิตให้โยมมีความสุขความเจริญ ตอนก้มลงความลับแตก เราไปเผลอเห็นซะว่าผ้าข้างในไม่เหมือนข้างนอกเลยปิดฝาอย่าเพิ่งใส่เป็นใครบอกมาซะดี ๆ เขาเลยเปลี่ยนเป็นรุกขเทวดาคือเป็นนางฟ้า หรือนางไม้ที่อยู่กับต้นไม้ สวยเช้งเชียว แต่ว่าที่รู้ว่าเขาบุญน้อยเพราะว่าเนื้อเขาทึบ เทวดายิ่งบุญมากเท่าไหร่เนื้อจะใสมากเท่านั้น ยิ่งใสมากยิ่งเป็นประกายมากเท่าไหร่ก็บุญเยอะเท่านั้น
คราวนี้เนื้อเขาทึบ เขาบอกว่าเขาอยากจะทำบุญบ้างด้วยความสงสารเขาก็บอกเอานะ บุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ขอให้เธอโมทนา เราจะได้รับประโยชน์รับความสุขเท่าใดขอให้เธอได้รับด้วย เขาก็โมทนาสาธุเป็นนางฟ้าสวยเช้งแล้วไปเลย อดรับประทานสิเรา รู้งี้ให้ใส่บาตรก่อนก็ดีโง่ไปหน่อย
ครั้งหน้านี่จะไม่เผลอแล้ว เอาก่อนถ้าไม่ได้เต็มบาตรไม่ให้หรอก แต่นางฟ้าเทวดาเขาใส่บาตรไม่เคยเต็มบาตรนะ ใส่เยอะเท่าไหร่ก็ตามบางทีมา ๔๐ คน ๕๐ คน ใส่คนละทัพพีสองทัพพีจะได้ประมาณครึ่งบาตรไม่ถึงครึ่งบาตรแค่พอดี ๆ เรากิน กินหมดแล้วหมดเลย
ถาม : ..................................
ตอบ : กำลังใจโยมจำไว้ว่าอย่าเกาะตัวบุคคล หลวงพ่อไม่เคยสอนให้เกาะองค์ท่านเลย ท่านสอนให้เกาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนที่เป็นนามธรรมคือความดีเท่านั้น แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีนั้น ให้เกิดขึ้นแก่ตัวเรา ถ้าไปเกาะตัวบุคคล เดี๋ยวก็ตาย เกาะได้ไม่นานหรอก
ถาม : .............................
ตอบ : อันไหนก็ได้ที่เราถนัด พุทโธก็ง่ายเพราะว่าคำภาวนามันสั้นดี ถ้าหากว่าคนที่เคยชินแล้วคำภาวนายาวสั้นแค่ไหนมันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากว่าใหม่นี่ควรจะใช้สั้น ๆ หน่อยมันจะได้สะดวก
ถาม : (ถามเรื่องวัตถุมงคล)
ตอบ : คือเห็นแล้วชอบได้ติดได้ เพราะถือว่าเป็นวัตถุมงคล ถ้าไปติดวัตถุอัปมงคลแล้วมันแย่ คือตอนแรกต้องมีที่เกาะก่อน พอเกาะไป ๆ ระยะสุดท้ายก็จะเลิกเกาะ เคยยกตัวอย่างหลายครั้งว่าเราขึ้นบันไดเพื่อความมั่นคงแน่นให้เกาะราวบันได้ไว้ก่อน แต่พอเราเข้ามาถึงในห้องนี่เราไม่ได้แบกราวบันไดมาหรอก
แรก ๆ ของการปฏิบัติก็เหมือนกันต้องเกาะพระนิพพานเกาะพระพุทธเจ้าจนชิน แต่ทำไปทำมา พอกำลังของพระนิพพานเข้าสู่ใจเป็นปกติแล้ว ไม่ต้องเกาะอะไร เพราะความรู้สึกมันจะบอกเลยว่าตอนนี้ถ้าเราตายเราไปนิพพานแน่ ไม่ต้องเสียเวลาเกาะแล้ว ถึงตอนนั้นรู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละไม่ติดทั้งดีทั้งชั่วแล้ว
เพราะว่าหลายคนพอติดดี โบราณเขาเรียกคำว่า อุปาทาน อย่างเช่นว่า ยึดว่าสิ่งที่ตัวเองทำดี คนอื่นทำไม่ดีทั้งหมดอย่างนี้มันก็จะมีโทษ ทำให้ไม่สามารถจะหลุดพ้นไปได้ ทำ ๆ ไปถึงจังหวะสุดท้ายจะเหลือว่ารู้ว่าดีก็ทำรู้ว่าชั่วก็ละ กำลังใจมันปลดวางซะแล้ว ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ถ้าอย่างนั้นถึงจะหลุดพ้นได้ ไม่งั้นจะติดอยู่ข้างใดข้างหนึ่งมันไม่อยู่ตรงกลาง ถ้าหากว่าอยู่ตรงกลางได้เมื่อไหร่ก็พ้นเมื่อนั้น
อันนี้ฟังดูมันยากแต่ว่าถ้าทำจริง ๆ ก็สามารถทำได้ไม่เกินวิสัยของพวกเราหรอก ไม่น่าเชื่อน่ะติดดีก็ไม่ได้ แรก ๆ ต้องติดก่อน ถ้าหากว่าเราไม่ติดเราไม่เกาะมันจะไม่มีอะไรให้เราปล่อย มันต้องติดก่อนเกาะก่อน พอเกาะดีไปจนชินจนกระทั่งประเภทที่เรียกว่ามั่นคงแน่นอนมันเต็มซะแล้ว
คราวนี้พอเต็มไปแล้วมันต้องไปเกาะอะไรอีกล่ะ มีครบแล้วคราวนี้ก็ปล่อย ของเราสงสารเพราะว่าตัวเองเคยเสียเวลามาเยอะ พอเราก้าวพ้นจุดนั้นไปแล้ว เราก็บอกคนอื่นเขาไปมันจะง่ายกว่า เขาไม่ต้องเสียเวลานาน จะอาศัยกุศลตรงที่ช่วยบอกเขานี่ เผื่อยังไงเสียเราจะได้สบายมั่ง
ถาม : ให้ธรรมะเป็นกำลังใจ ?
ตอบ : สัจจะจริงใจต่อกัน ทมะรู้จักข่มกลั้นเอาไว้ ขันติอดทนต่อสภาพทุกอย่างเบื้องหน้า จาคะต้องรู้จักเสียสละแบ่งปันต่อกันโดยเฉพาะเสียสละความสุข ไม่ใช่ความทุกข์ ๔ ข้อเท่านั้น ใครทำได้จะสามารถดำรงสภาพครอบครัวอยู่ได้อย่างมีความสุข จริงจังต่อกัน จิรงใจต่อกันไม่ละเมิดสิทธิของกันและกัน
ทมะ อันนี้ต้องรู้จักข่มใจอารมณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น รัก โลภ โกรธ หลง มันเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา แต่ต้องรู้จักเก็บมันไว้ข้างใน ที่โบราณบอกว่าไฟในอย่านำออกแล้วก็ไฟนอกอย่างนำเข้า เรื่องเดือดร้อนข้างนอกรับรู้แล้วก็กองไว้ตรงที่ทำงานนั้น ไม่ต้องเอาเข้ามา
แล้วเสร็จแล้วก็ ขันติ อันนี้อดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น การดำรงชีวิตอาจจะทุกข์ยากลำบากบ้าง มีครอบครัวไม่ได้นอนเต็มตาเพราะต้องคอยไปเลี้ยงลูกมันต้องอดทนอดกลั้น
จาคะ ตัวเสียสละนี้ สำคัญที่สุดโดยเฉพาะเสียสละความสุขส่วนตัวของเราเพื่ออีกคนหนึ่ง
ถาม : พระเวลาเข้าสมาบัติ....(ไม่ชัด)....พระฉันอะไรได้รึเปล่าครับ ?
ตอบ : อนุญาตให้ฉันน้ำอย่างเดียว ตามระเบียบ เขายอมให้ฉันน้ำสะอาดได้อย่างเดียว ต้องเป็นน้ำกรองด้วยนะ
|