สนทนาเดือนมีนาคม ๒๕๔๕
ถาม : ....................................
ตอบ : มันมีคาถาอยู่บทหนึ่งแค่ ๔ คำเท่านั้นน่ะ คาถาบทนี้ถ้าภาวนาไป ภาวนาไปมันจะเห็นได้
ถาม : เห็นผีได้เหรอคะ ?
ตอบ : จ้ะ ....เพียงแต่ว่าเห็นแล้วมันจะประเภทกลัวจนสติแตกหรือเปล่าเท่านั้นเอง คาถาบทนี้เขาว่า สุ ปิ นา นัง แค่ ๔ คำให้เขาภาวนาไปเรื่อย ๆ
ถาม : เห็นอย่างเดียวใช่ไหมครับ แต่ว่าไม่ทำอะไร ?
ตอบ : คือทำอะไรเขาไม่ได้ แต่จะเห็นเขาเดินไปเดินมาทำอะไรตามแบบของเขาอยู่ คราวนี้มันจะกลัวหรือเปล่า ? บอกเขาบอกภาวนาไปเรื่อย ๆ ถ้ากำลังใจทรงตัวเมื่อไหร่มันจะเห็นเอง
ถาม : แล้วต้องพาเข้าไปในป่าช้าไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องหรอกจ้ะ ผีมันทั่วไปอยู่แล้ว (หัวเราะ)
ถาม : เอาที่แบบว่า ภาวนาไม่นานน่ะเจ้าคะ ให้เห็นเลย ?
ตอบ : ถ้ากำลังใจเขาทรงตัวได้ง่าย มันก็ใช้เวลาไม่นาน แป๊บเดียว แต่ถ้าเขาไม่เคยภาวนามาเลยก็ต้องอาศัยเวลาหน่อย
ถาม : มันต้องถึงอุปจารสมาธิรึเปล่าครับ ถึงจะได้ผล ?
ตอบ : เกินอุปจารก็ได้ (หัวเราะ) ง่ายดีเหมือนกันเนอะ แต่พวกนี้ถ้าเห็นทีมันจะเชื่อมากกว่าใคร แรก ๆ ไม่ค่อยเชื่อหรอก
ถาม : ถ้าเขาเกิดสมาธิไม่พอ ภาวนายังไงก็ไม่เห็นจะทำยังไงดีคะ ?
ตอบ : ทำไงดี...วิธีมันน่ากลัวหน่อย จุดธูปเชิญเขามา
ถาม : จุดธูปเชิญเหรอคะ ?
ตอบ : ขอให้ช่วยมาหลอกทีเหอะ (หัวเราะ)
ถาม : (หัวเราะ) จะต้องให้ระบุชื่อไหมเจ้าคะ หรือว่าผีตัวไหนก็ได้หรือยังไงก็ได้ ?
ตอบ : ถึงได้บอกมันอันตรายไงล่ะ เพราะบางตัวมันจ้องหาโอกาสอยู่แล้วอย่างนี้ มันก็เท่ากับเราไปเปิดโอกาสให้เขา ถ้าอย่างนั้นมันอันตรายเหมือนกันนะ เพราะมีบางรายนี่มาแล้วมันเกาะเลยไม่ยอมไปไงยุ่งกันตายชัก เพราะฉะนั้นเอาแค่ภาวนาอย่างเดียวก็พอ ถ้าเขาทำไม่ได้ก็บอกว่าฝีมือเขาห่วยเอง
ถาม : (หัวเราะ) เราไม่ต้องเชิญนะคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องล่ะจ้ะ เชิญนี่อันตรายเดี๋ยวมาแล้วไม่ไปจะยุ่งกันใหญ่ ประเภทโอม...จงมา ๆ เราก็ไม่เป็นซะด้วย
ถาม : แล้วอย่างนี้ ถ้าเราเชิญเทวดานี่ ท่านจะมาไหมครับ ?
ตอบ : เทวดาถ้าหากว่าท่านมานะ ถ้าคนมันเจตนาในลักษณะอย่างนี้ดีไม่ดีท่านก็มาแบบดุ ดีไม่ดีจะทำน่าเกลียดกว่าผีซะอีกน่ะสิ วิ่งกันตับแลบจับไข้หัวโกร๋นไม่ต้องไปโทษใครเลย
ถาม : (หัวเราะ) ให้เขาภาวนา แล้วที่เขามีมิติพิศวงในโทรทัศน์ เขาบอกว่าให้เอาเถ้ากระดูกของคนที่เสียชีวิตไปแล้วไว้ที่เปลือกตา ไม่ทราบว่าวิธีนี้ได้ผลจริงไหมคะ ?
ตอบ : มันก็ยังไงล่ะ....ต้องดูว่าคนตายมันอยู่ในลักษณะไหน ส่วนใหญ่เขาจะนิยมพวกตายวันเสาร์เผาวันอังคาร เขาถือว่าแรงไง วันเสาร์กับวันอังคาร เขาถือว่ามันเป็นวันแรง วันแข็ง ถ้าหากว่าใช้ว่าตายวันเสาร์ เผาวันอังคารก็อาจจะมีสิทธิ์
ถาม : อ๋อ...ดูจาก....(ไม่ชัด)....?
ตอบ : เขาบอกให้ก้มลอดหว่างขามันไม่ง่ายกว่าเรอะ (หัวเราะ)
ถาม : แล้วมันได้ผลจริงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เอาได้ตอนเขาแห่ศพน่ะ แต่ว่าดูให้ดี ๆ นะโบสถ์อยู่แถวไหน เพราะว่าพวกนี้พอเห็นมันแล้วบางทีมันโกรธมันจะไล่ตาม ต้องหนีเข้าไปอยู่ในโบสถ์ถึงจะรอดได้ ไม่ใช่ว่าอยู่ไกลก็วิ่งกันตับแลบ แต่ว่าวิธีนี้ไม่เคยลองเลยจ้ะ ก้มมองลอดหว่างขา
ถาม : เห็นคนที่เขาออกในโทรทัศน์เขาบอกว่า จากการเอาเถ้ากระดูกของคนที่เสียชีวิตต้องเป็นคนที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารด้วย ?
ตอบ : คือ...ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร เขาถือว่ามันแรงกว่าปกติ แต่อีคราวนี้ไปเล่นกับของพวกนี้มันไม่ค่อยดีหรอก บางทีไปเอาของเขามาเขาตามมาทวงคืน แล้วขี้เถ้าจะไปหาคืนมันอีท่าไหนเล่า ?
ถาม : มันก็ติดอยู่ที่เปลือกตา ?
ตอบ : (หัวเราะ) เดี๋ยวมันก็ดึงลูกกะตาไปหรอก
ถาม : มันน่ากลัวใช่ไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : คือ....มันไม่ควรเสี่ยงน่ะ ไอ้น่ากลัวจริง ๆ มันก็ไม่น่ากลัวหรอก ถ้ากำลังใจของเราดี แต่คราวนี้มันไม่ควรเสี่ยงเพราะว่า พวกผีเขาไม่ต้องพักผ่อนหลับนอนแบบของเรา ของเรามันต้องพักต้องผ่อน ต้องหลับต้องนอน ต้องกิน ตอนช่วงระยะนั้นน่ะ ถ้าเผลอก็เสร็จเขา
ถาม : เสร็จเขาเหรอคะ .....?
ตอบ : ใช่.....แต่ของเราเองมันเผลอนี่กำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับ กำลังใจมันคลายตัว อย่างนี้เกราะป้องกันตัวหลุดก็เดี้ยง (หัวเราะ) คือคนที่ไม่ค่อยเต็มเต็งอย่างนี้น่าจะปล่อยมันนะ อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า ให้เจอเองแล้วมันถึงจะเข็ด
ถาม : เดี๋ยวถามต่อนะเจ้าคะ คือว่า .....วันนี้เจ้าค่ะ ไปช่วยคนที่เขาไข้เจ้าค่ะ แล้วทีนี้เขาก็ไม่ได้บอกอาการ....เขาก็บอกว่าลองสัมผัสที่มือเขาซิ เราก็จับ พอเราจับปุ๊บเนี่ย เราเห็นภาพอวัยวะของเขาที่ผิดปกติขึ้นมาเลยเจ้าค่ะ แล้วเราก็บอกเขา บอกเขาไปหลายอย่างน่ะเจ้าค่ะ พอบอกเสร็จเขาก็บอกว่าที่เราบอกน่ะ เขากำลังเป็นอยู่รักษาไม่หายซักที แล้วเราก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเจ้าค่ะ เราเห็นว่าเขาเป็นแต่ว่าเราไม่รู้จะช่วยยังไงเจ้าค่ะ ?
ตอบ : โถ...ยัยบ๊อง มันน่าเขกกบาล แล้วมีท่านปู่หมอชีวกฯ เอาไว้ทำเกลืออะไรเล่า ถึงเวลาก็ตั้งใจนึกถึงท่านปู่หมอชีวกฯ บอกคนป่วยคนนี้สามารถช่วยได้ไหม ถ้าช่วยได้ช่วยได้วิธีไหนอย่างนี้
ถาม : อ๋อ...เหรอเจ้าคะ (หัวเราะ)?
ตอบ : ปัดโธ่เอ๊ยให้ตายเถอะ ท่านอุตส่าห์วิ่งมาบอกตั้งแต่คราวที่แล้ว แล้วไม่ใช่เหรอ ?
ถาม : ใช่เจ้าค่ะ แต่ว่ายังไม่เจอคนป่วยตัวจริงน่ะเจ้าค่ะ คราวนี้ไปเอจตัวจริงก็งงน่ะเจ้าค่ะว่าทำยังไงดีว่าเอ๊ะ...เขาก็ป่วยบอกเขาว่านี่ปวดที่กระดูก ระบบเลือดผิดปกติ ระบบหัวใจ ระบบปอดมีปัญหา เขาก็บอกเขารักษาอยู่แต่เขารักษาไม่หาย เราเห็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ?
ตอบ : โอ้...นั่นต้นตระกูลบรมครูของหมอเลย ....กำหนดใจนึกถึงท่านถามท่านว่าบุคคลนี้รักษาได้ไหม ? ถ้าหากว่าจะรักษาให้หายใช้ยาแบบไหน ? ท่านจะบอกมาเองแหละ
ถาม : อ๋อ....กำหนดจิตถึงท่านเลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จ้ะ ...ท่านเต็มใจจะสงเคราะห์เราอยู่แล้ว อุตส่าห์จะไล่ให้เราไปเป็นหมอ ปัดโธ่ (หัวเราะ) ต้นตระกูลหมอมาเองถ้ารักษาไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไง
ถาม : ท่านก็ลอยมาข้างหน้าเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ?
ตอบ : จ้ะ (หัวเราะ) ถามสิโว้ย (หัวเราะ) ทีพระมันถามเอา ๆ ทีหมอจริง ๆ มันไม่ถาม
ถาม : ต้องกลับไปหาเขาใหม่ไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องหรอกจ้ะ นึกถึงท่านถามท่านเดี๋ยวนี้ก็ได้ เสร็จแล้วเราถ้ามีเบอร์โทรมีอะไรก็โทรไปบอกคนป่วย ถ้าไม่มีก็ไปหาเขาซะหน่อย สงเคราะห์เขา...เดี๋ยวเอาไว้ว่าง ๆ คืนนี้ค่อยทำ อาบน้ำอาบท่า เจริญกรรมฐาน สบายใจเสร็จก็เชิญท่าน...ขอน้อมเชิญท่านปู่บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ วันนี้หนูไปพบคนป่วยคนหนึ่งอยู่ที่นั่น ๆ ลักษณะการเจ็บป่วยเป็นอย่างนั้น ๆ ถ้าหากว่าสามารถสงเคราะห์รักษาเขาหายได้ ด้วยวิธีไหนก็โปรดเมตตาสงเคราะห์ด้วย เตรียมปากกาเอาไว้จดได้เลย
ถาม : เจ้าค่ะ ก็คิดว่าเห็นท่านปู่บอกว่าให้ไปเรียนสมุดไทยก่อนแล้วค่อย ....?
ตอบ : จริง ๆ น่ะ นั่นมันเรียนก่อนก็คือว่าเราเป็นหมอเองเลย อันนี้ยังอาศัยท่านอยู่ ให้คนป่วยมันดิ้นรนเองบ้าง เราก็แค่บอกว่ารักษาด้วยวิธีไหน คืออย่างน้อย ๆ ให้เขามีหนทางบ้าง บางทีอาจจะเป็นบุญของเขาที่อาจจะหายสักทีก็ได้เพราะทรมานมานานแล้ว เขาเรียกว่ามีอาวุธอยู่ในมือแล้วใช้ไม่เป็น
ถาม : งงเจ้าค่ะ ทำอะไรไม่ถูกเลยเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ลักษณะนี้ถ้าเป็นกรรมฐานนี่ กิเลสมันตีตายคาที่ไปแล้ว พอเจอเข้าทั้ง ๆ ที่รู้ว่ากรรมฐานอย่างนี้ใช้สู้กับกิเลสอย่างนี้ แต่คว้าขึ้นมาไม่ทัน (หัวเราะ) ไม่เป็นไรจ้ะเอาใหม่ ๆ
ถาม : มีอีกเรื่องหนึ่งยังแก้ปัญหาไม่ตกน่ะเจ้าค่ะ คือเพื่อนเขาพาไปดูรถน่ะเจ้าค่ะ พอพาไปดูรถพอเราเจอรถที่เขาจะซื้อนะเจ้าคะ ผีตายโหงมันเกาะอยู่มุมซ้ายของรถ เราก็บอก เอ้ามายังไงนี่ เขาก็บอกว่าช่วยเขาที แล้วก็หันไปดูในรถ ผีตายโหงก็เต็มอีกเราก็บอกมายังไง เขาก็บอกไอ้เจ้าผีที่มันเกาะอยู่หน้ารถน่ะ รถจอดอยู่ที่ไหนมันก็ช่วนเพื่อนมันเข้ามาอยู่ในรถเต็มไปหมดเจ้าค่ะ แล้วเจ้าของเขาก็บอกว่าไอ้รถคันนี้ขับแล้วก็เจออุบัติเหตุตลอดเลย แล้วก็เลยก็ได้แต่มองน่ะเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ปัดโธ่....ถ้าตั้งใจช่วยเขาจริง ๆ ก็คิดว่ากุศลทั้งหมดที่เราตั้งใจทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ใช่ไหม....จะมีผลต่อเราเพียงใดก็ขอให้เธอโมทนา
ถาม : เขาบอกว่า ขอให้พระมายืนสวดบังสุกุลให้เขาหน่อยน่ะค่ะ ?
ตอบ : อย่างนั้นก็ได้ ไม่เห็นยากเลย ก็ลองนิมนต์พระไปดูสิจ๊ะ
ถาม : ทีนี้มันไม่ใช่รถเราน่ะเจ้าค่ะ เราก็เลย....?
ตอบ : ถามเขาบอกแล้วฉันบังสุกุลเองจะเอาไหม ลองถามเขาดู พอถามเขาเสร็จ เราก็ตั้งใจอาราธนาพระสักองค์หนึ่งหลวงปู่หรือหลวงพ่อก็ได้ครอบเราลงมาแล้วก็ อนิจจาวะตะสังขารา ให้มันไปเลย
ถาม : ได้เหรอเจ้าคะ ท่านไม่ว่าเหรอเจ้าคะ ?
ตอบ : ได้จ้ะ โห...สบายมากเลย ท่านเต็มใจช่วยอยู่แล้ว เป็นลูกเป็นหลานเป็นญาติเป็นโยมท่าน ท่านไม่ช่วยแล้วจะไปช่วยใครที่ไหนเล่า
ถาม : ใช้ไม่เป็นอีกใช่มั้ยเจ้าคะ ?
ตอบ : จ้ะ....จริง ๆ แล้ววิธีมันมีอยู่ แต่เรานึกไม่ออก พลิกเแพลงไม่เป็น มันเป็นแต่ไปตรง ๆ ไปตรง ๆ แถวตรงเดี๋ยวก็ชนต้นไม้
ถาม : แล้วทำยังไงถึงจะำพลิกแพลงเก่งล่ะเจ้าคะ ?
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกัน ของพรรค์นี้มันต้องเกิดบ่อย ๆ มั้ง ? (หัวเราะ) ถ้าเกิดบ่อยเดี๋ยวฉลาดเยอะขึ้น
ถาม : เหรอเจ้าคะ ตอนนี้เพื่อนคนนั้นเลยไม่กล้าซื้อรถคันนั้นเลยเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ายังแก้ไขไม่ได้ก็ไม่ควรเสี่ยงหรอกนะ
ถาม : แล้วพอเขาบอกว่าจะทดลองขับ เจ้าผีตายโหงก็บอกว่าอย่า ๆ อย่าขับเดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุ ?
ตอบ : อืม...มันยังอุตส่าห์เมตตาบอกให้
ถาม : มันก็ใจดีนะเจ้าคะ บอกว่าเนี่ยที่มันติดเนื่องจากว่าคนขับเนี่ยชนเขา ชนเขาอย่างแรงแล้วเขาเนี่ยนอนรอความตายข้าง ๆ รถ แต่เจ้าของรถเนี่ยมามองเขาเหมือนเขาเป็นไรมากรึเปล่า เสร็จแล้วก็ขับรถไป จิตเขาก่อนจะตายเนี่ยเกาะติดอยู่กับรถน่ะเจ้าค่ะ ?
ตอบ : จ้ะ...อาการนั้นแหละ อันดับแรกลองอุทิศส่วนกุศลให้เขาก่อน ถ้าหากว่าเขารับได้เขาโมทนาได้ บางทีเขาเปลี่ยนภาพเปลี่ยนภูมิ เปลี่ยนสภาพไปเลยเป็นอันว่าพ้นไป แต่ถ้าหากว่าอันไหนที่รับไม่ได้ ต้องถามเขาตรง ๆ ว่าเขาต้องการอะไร ถ้าไม่เกินวิสัยเราก็ทำให้เขาตามนั้น
ถาม : แล้วก็มีคนที่ไปช่วยเขามาอีกนะเจ้าค่ะ เขาบอกว่าเขาจะมีอาการเป็นเหมือนกับอะไรที่มันเป็นเนื้องอกออกมาจากโพรงจมูก แล้วพอสักพักมันก็ยุบ อีกสักพักพอทิ้งระยะเวลาช่วงหนึ่งมันก็บวมอกมาอีก พอเขาถามปุ๊บเราก็เห็นว่าเขาจูงจมูกควายแบบ...กระชากจมูกควายอย่างรุนแรง ทีนี้เขาบอกว่าจะให้เขาไปอะไรอย่างพวกโลงศพนี่พอจะช่วยได้มั้ยเจ้าคะ ?
ตอบ : เรื่องแก้กรรมกันนี่จริง ๆ เราต้องมีความรู้โดยตรงเพราะบางที่สิ่งที่เราให้เขาทำมันอาจะไปคนละเรื่องกันก็ได้ แต่ว่าในเมื่อลองแนะนำไปแล้วก็ลองให้เขาทำดู ถ้ามันมีผลก็จะได้จำไว้ คราวหน้าจะได้ใช้วิธีนี้ต่อ
ถาม : แล้วจะทำยังไงคะ เจ้ากรรมนายเวรเขายังรออยู่ยังวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ?
ตอบ : ก็ถามตัวเจ้ากรรมนายเวรมันนั่นแหละ ว่าทำยังไงถึงจะยอม
ถาม : ไม่ยอมคุยเลยเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นต้องปล่อยเขา เพราะเขาตั้งใจจองจริง ๆ อันนั้นยุ่งกับเขาไม่ได้ เรื่องกฎของกรรมเราฝืนไม่ได้ ยกเว้นว่าเขายอมคุยด้วยว่าตกลงกันจะทำอย่างไร ถ้าหากว่าไม่เกินกำลังเขา เขาทำได้ก็แนะนำเขาไป
ถาม : คือเขาไม่ยอมคุยด้วย พอบอกว่าจะเอายังไงเขาก็เมินหน้าไป ?
ตอบ : ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้นน่ะ เพราะว่าทำเขาเอาไว้เยอะนี่ พวกนี้มันต้องตื๊อ ให้เขาทำบุญบ่อย ๆ ทำบุญแล้วอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ขอให้เขาอโหสิกรรม พวกนี้เขาทนลูกตื๊อไม่ค่อยได้หรอก ให้ไปบ่อย ๆ เดี๋ยวมันใจอ่อนเอง
ถาม : เดี๋ยวจะได้บอกเขานะเจ้าคะ เพราะว่าเขาเป็นแฟนอยู่กับคนที่ปวดคนนี้น่ะค่ะ เขาป่วยกันทั้งบ้านเลย ?
ตอบ : (หัวเราะ) สงสัยมันจูงกันทั้งบ้านเลย (หัวเราะ)
ถาม : พอดีได้ยินได้ฟังมาจากเพื่อนน่ะเจ้าค่ะว่า ครอบครัวนี้เนี่ย เขาไปเอาโฉนดที่ดินของพวกที่เวลากู้เงินเขาจะมีการวางโฉนดที่ดิน แล้วก็ไปยึดที่ดินของเขามา แล้วขายอีกทีหนึ่งน่ะเจ้าค่ะ ?
ตอบ : อันนี้ถ้าเผลอล่ะยุ่งเลย
ถาม : เราอย่าไปยุ่งกับครอบครัวนี้หรือว่าเราจะยังไงดีเจ้าคะ ? ไม่กล้าช่วยบอกอะไรเขาซักอย่างเลยเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ไม่...ไม่ใช่....คือถ้าหากว่าเรารู้จริงบอกวิธีแก้ไขก็ได้ ที่ว่ายุ่งเมื่อกี้นี้หมายความพวกนี้ถ้าหากว่าตาย มันจะมีเศษกรรมอยู่อันหนึ่ง ทำให้เป็นคนไม่มีที่จะอยู่ ลักษณะในหนังสือพระมาลัยเขาว่า เปรตหนึ่งนั้นไซร้ มีอัณฑะใหญ่เติบเท่าตุ่มหาม ไปไหนต้องแบกไป เวลาจะนั่งก็นั่งทับเพราะว่าไปแย่งที่ดินเขา ตัวเองก็เลยไม่มีที่จะอยู่ น่าสงสารมาก
|