ถาม :  แล้วอย่างพระที่แต่งตัวเป็นนายทหารล่ะครับ?
      ตอบ:   ปรับอาบัติทุกกฎ ทำตัวเลียนแบบฆราวาส แต่อีคราวนี้ของมัน ๆ แต่งไปเพื่อหลอกชาวบ้านเขา ปรับได้อีกหลายชั้นเลย โดยเฉพาะแต่งไปอวดเมียอย่างนี้ ไอ้มีเมียนี่มันขาดความเป็นพระไปแล้ว
      ถาม :  แต่ถ้าที่ทำเพื่อตัวเองให้คนเลื่อมใสเข้าวัดก็ได้ทั้งบุญและบาปไปในคราวเดียวกันใช่ไหมครับ?
      ตอบ:   ท่านเปรียบเอาไว้ว่า ทำร้อยได้บุญสลึงนึง นี่หลวงพ่อโตวัดระฆังท่านเปรียบไว้เอง คือ ขาดทุนไป ๙๙ บาท สามสลึง
      ถาม :  ทำไมท่านถึงเปรียบไว้อย่างนั้นล่ะครับ หลวงพ่อโตท่านไปเจอตัวอย่างอะไรหรือครับ?
      ตอบ:   ตัวอย่างของยายแฟง เคยได้ยินชื่อวัดใหม่ยายแฟงไหม? ปัจจุบันนี้ชื่อวัดคณิกาผล ยายแฟงแกเป็นแม่เล้า เปิดซ่อง รวยขึ้นมาแกก็เลยเอาเงินไปสร้างวัดแล้วนิมนต์หลวงพ่อโต วัดระฆังไปเทศน์ หลวงพ่อวัดระฆังท่านก็เลยบอกว่าทำบุญจากบาปได้ไม่ถึงเฟื้อง (หัวเราะ) เพราะว่าเงินมันไม่ได้มาโดยบริสุทธิ์ วัตถุทานต้องบริสุทธิ์ เจตนาในการทำบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ ถึงจะอานิสงส์เต็ม ไอ้อันนี้มันมาไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ยังดีที่เขาอุตส่าห์ไปสร้างวัด
      ถาม :  ถึงแม้ว่าหากิน ใช้ร่างกายเรา เราก็หากินปกติไม่ใช่หรือครับ?
      ตอบ:   ปกติ แต่ปกติของเขานี่ต้องดูด้วยว่าของเขาเองเจตนาโดยตัวเขาหรือเปล่า ส่วนใหญ่มันโดนบังคับน่ะสิ ถ้าเจตนาประกาศตัวชัดเจนนี่คุณไปเที่ยวได้สบายศีลไม่ขาด เขาประกาศตัวเป็นของกลางอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นสมบัติของคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าเป็นสมบัติของคนใดคนหนึ่งยังมีพ่อ มีแม่ มีสามี มีพี่ มีน้อง อะไรดูแลอยู่อย่างนี้ล่วงเมื่อไหร่เราศีลขาดเมื่อนั้น
      ถาม :  แสดงว่าโดนล่อลวงมา แล้วถ้าพ่อแม่เขายอมล่ะครับ พวกตกเขียวอย่างนี้
      ตอบ:   ไอ้อย่างนั้นมันก็ต้องดูด้วยนะ ตัวเขาเองเต็มใจหรือเปล่า มันยากเต็มทีที่จะมีใครเต็มใจ ถ้าคนทำใจได้ขนาดนั้นมันต้องหน้าทนขนาด
      ตอบ:   ท่านหมอชีวกนะครับ ท่านมีน้องสาวเป็นโสเภณีใช่ไหมครับ?
      ตอบ:   แต่องค์นั้นเป็นพระโสดาบันนะ
      ถาม :  ผมงงตรงที่ ในเมื่อฐานะทางบ้านก็ร่ำรวยขนาดนั้นน่ะทำไมต้องไปเป็นด้วย
      ตอบ:   สมัยก่อนนั้นเขาได้รับการยกย่องพอ ๆ กับนางสาวไทยสมัย เขาเรียก นครโสเภณี แปลว่า ทำให้เมืองนี้งาม เป็นชื่อเสียง เป็นเกียรติยศ ของประเทศชาติเลย
      ถาม :  แต่ก็ต้องมีหน้าที่ไปนอน?
      ตอบ:   มีหน้าที่ปฏิบัติดูแลอะไรก็ตามที่แขกต้องการ แต่แหม ค่าตัวแพงหูดับเลย มีอยู่่ท่านหนึ่งชื่อนางอัฒฑกาสี เมืองกาสีที่เป็นเมืองที่ทอผ้าได้สวยมาก ผ้าจากเมืองกาสีราคาจะแพงเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นจะเก็บภาษีจากเมืองนี้ได้มหาศาล นางอัฒฑกาสีนี่ค่าตัวของแกครึ่งเมืองเท่ากับภาษีครึ่งเมือง สมัยนี้ก็งบประมาณแผ่นดินของเราครึ่งหนึ่ง
      ถาม :  อยากทราบว่าพระพุทธเจ้ามีเทวดาอารักขาไหมคะ?
      ตอบ:   จะเอาสักกี่แสนล่ะ แหม...ถามมาได้ว่าพระพุทธเจ้ามีเทวดาอารักขาไหม อาตมายังมีตั้งหลายองค์
      ถาม :  ทำอะไรควรจะดูฤกษ์ไหมครับ?
      ตอบ:     เรื่องของฤกษ์มันเหมือนกับการข้ามถนน ข้ามถนนต้องดูทางไหมล่ะ ดูซะหน่อยมันก็ปลอดภัยกว่าใช่ไหม...? เพราะว่าไอ้เรื่องของบุญของบาปของเรานี่จังหวะเวลาของมันนี่มันมีของมันอยู่ ถ้าหากว่าไปเจอไอ้จังหวะรถมาเยอะ ๆ ข้ามไม่พ้นมันก็เดี้ยง ดูซะหน่อยแต่อย่าไปยึดถือมันมาก ถ้าหากว่ายึดถือมันมากมันจะหนักอกหนักใจเสียเปล่า ๆ เจอหลายต่อหลายรายแล้วแก้กันไปก็แก้กันมาอยู่นั่นแหละ คนเดียวเปลี่ยนไปเกือบจะ ๒๐ ชื่อยังไม่ได้ดังใจเลยก็มี ไอ้นั่นมันเกินไป (รับโทรศัพท์)
        คนเขาถามว่าพระผงที่แตกที่หักเอาไปบดทำผงสร้างพระใหม่ได้ไหม ? ไม่ได้นะ จำไว้เลยนะ โทษเท่ากับทำลายพระพุทธรูปเลย พระที่แตกที่หักถ้าจะให้ดีก็เอาบรรจุองค์ใหญ่ไว้ ไอ้ที่ไม่รู้น่ะมันหานรกใส่ตัวไปเยอะแล้ว
      ถาม :  (ไม่ได้ยินคำถามเบามาก)
      ตอบ:   ทาน ศีล ภาวนา โดยเฉพาะการภาวนาถ้าอารมณ์ใจทรงตัว แค่อุปจารสมาธิขึ้นไปท้าวมหาราชจะส่งบริวารมาช่วยรักษาให้ เพราะว่ากลัวพวกผีพวกยักษ์ที่ไม่ดีเขาจะมากวน แล้วพระพุทธเจ้าท่านต้นตำรับของทาน ศีล ภาวนา เลยนะจะเอาสักกี่แสนองค์ดีล่ะ หลวงพ่อที่วัดท่าซุงเฉพาะเทวดาชั้นจาตุมหาราชนี่ ๒,๐๐๐ องค์ หน่อยเดียวนะ อยู่ที่ไหน ๆ เขาก็คงไม่เอานายพลไปขนาดนั้นหรอก แต่ที่วัดท่าซุงนี่เขาเล่นนายพลซะ ๒,๐๐๐ และยังมีระดับจอมพลอีก ๔ อยากได้อย่างนั้นก็ต้องทำ ขยันเกิดหน่อย สร้างบารมีสัก ๑๖ อสงไขยกว่า ๆ ก็ได้แล้ว ไม่ยากเลย
      ถาม :  (คำถามเบามากเกี่ยวกับการเข้าทรง)
      ตอบ:   ส่วนใหญ่แล้วถ้าหากของเราทรงสมาธิได้เขาจะทายผิด เขาจะทายผิดหมดเพราะว่าของเราสูงกว่า การมองบุคคลที่สูงกว่าจะไม่เห็น เขาจะเห็นได้แค่เสมอกันหรือต่ำกว่าแค่นั้น เพราะฉะนั้นไม่เห็นมันก็กลัวเสียหน้ามันมั่วไปเรื่อยมันก็ผิด ๑๐๐ % ยังดีมันไม่ด่าเอา (หัวเราะ) อย่าไปลองเลย เคยไปลองมาหลายรายแล้ว ลองถึงขนาดเขาเข้าทรงไม่ได้เลย ไม่ได้เจตนาแต่เราไปเราก็ต้องป้องกันตัวเราก็นึกถึงพระครอบเราไป แล้วผีที่ไหนมันจะมาได้ (หัวเราะ) ทรงไม่ได้เลยนะ ถ้าหากว่ามาได้แสดงว่ากำลังของเขาสูงพอ แต่ว่าถ้าหากว่ามีอะไรเกี่ยวกับตัวเราเขาจะทำนายผิด แต่ให้เราภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัวไว้
          เรื่องของการทรงเจ้าเข้าผีอะไรเนี่ยต้องเรียกว่าปลอมเกือบ ๑๐๐ % ไอัที่จริงในความหมายของเราก็ต้องหมายความว่าเป็นพระ เป็นพรหม หรือว่าเป็นเทวดามาสงเคราะห์ ถ้าเป็นพระ เป็นพรหม เป็นเทวดามาสงเคราะห์เนี่ยคือ ข้อสังเกตข้อแรกเลย เขามาโดยจำกัดเวลา บางรายมาปีละครั้ง พระเจ้าตากมาปีละครั้งเดียว บางรายมาเฉพาะวันพระใหญ่ บางรายมาเฉพาะวันพฤหัส มาเฉพาะวันอังคาร เขาจะจำกัดเวลา เรื่องที่สองส่วนใหญ่ต้องการแค่ความเคารพจากเราจะไม่เรียกร้องผลประโยชน์อะไรมาก นอกจากดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องบูชาครู อาจจะมีเงินสัก ๓ บาท ๙ บาท เต็มที่ไม่น่าจะเกิน ๑๐๘ บาท อันดับที่สามเรื่องที่เขารับปากว่าจะช่วยนี่จะสำเร็จตามนั้น สังเกตได้ง่าย ๆ ถ้านอกเหนือจากนี้แล้วส่วนใหญ่เรียกว่า ประเภทไปถึงแล้วเข้าทรงได้ทุกเวลาที่ต้องการ อันนั้นถือว่าปลอมไว้ก่อน
      ถาม :  เราดูแผนที่กรมอุตุแบบที่มีพายุเข้าน่ะครับ แล้วที่้พอวิ่งเข้าเมืองไทยแล้วน่ะ พอจะขึ้นฝั่งที่ชุมพรแล้วพายุมันเลี้ยวขวาออกทันที (พายุแองเจลล่า)
      ตอบ:   ตอนนั้น คุณสมิท ธรรมสโรช อยู่ คุณสมิทรายงานว่าพายุขึ้นแน่นอน ในหลวงบอกว่าไม่ขึ้นหรอกเชื่อฉันเถอะ พอเขารายงาน ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๓ พอพายุมันเลี้ยวกลับคุณสมิทเลิกเชื่อลูกน้องตัวเอง มีอะไรถามในหลวง
      ถาม :  ในหลวงให้ตั้งนกกระสาตัวหนึ่ง ท่านตั้งชื่อคุณสมิทด้วยหรือครับ ?
      ตอบ:   นกกระทุง ท่านพูดเล่นสนุก ๆ จริง ๆ แล้วบางอย่างถ้ามันไม่เกินกฎของกรรมเทวดาก็ช่วยได้ ไอ้เรื่องของพายุน่ะ มันเกี่ยวกับนางเมขลา นางเมขลาเขามีหน้าที่รักษาท้องทะเลเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศ พอพายุเข้าในหลวงท่านไปขอร้องให้ช่วย นางเมขลาท่านบอกว่าท่านไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะฝืนได้ไหมแต่จะลองดู ในหลวงเองท่านก็ไม่ได้ประมาทถึงเทวดารับปากแล้ว ท่านก็สั่งพวกกรมประชาสงเคราะห์พวกราชประชาสโมสรพวกกองทัพเรือให้เตรียมพร้อมหมด เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ ลอยลำรออยู่แล้วถ้ามันขึ้นตึงก็ต้องช่วยเลย
      ถาม :  อย่างนี้ที่หาดใหญ่แสดงว่าไม่ไหวสิครับ?
      ตอบ:   อันนั้นไม่ไหว ถ้าไหวช่วยแล้ว ท่านเองท่านจะบอกเอาไว้ชัดเลย ท่านบอกว่าปรากฏว่านางเมขลาท่านเก่งกว่าพายุมันเลยขึ้นฝั่งไม่ได้
      ถาม :  อย่างนี้มันไม่เหมือนกับว่าเราผลักดันเราไปให้เขาหรือครับ?
      ตอบ:   ไม่ใช่ ถ้าหากว่ากรรมมันจำเป็นต้องรับมันก็แปลว่าต้องรับ แก้ไขไม่ได้ ถ้ายังแก้ไขได้ก็แปลว่ามันยังไม่หนักนักไม่เกินวิสัย ภาษาพระหรือภาษาเทวดาเรียกว่าไม่เกินวิสัยยังช่วยได้อยู่
      ถาม :  อ้าว อย่างนี้ คนเวียดนามเขาก็เรียกว่าซวยน่ะสิ ?
      ตอบ:   ไอ้นั่นถึงเวลามันก็ต้องรับของมัน เพราะไม่ทำเอาไว้แล้วใครจะได้ล่ะของแบบนี้ จะดีจะชั่วก็ตามถ้าไม่ทำเอาไว้มันไม่ได้รับง่าย ๆ หรอก เดี๋ยววันที่ ๔ นี้ก็คอยฟังแล้วกัน วันที่ ๔ ทุกปี ๆ เวลาออกมหาสมาคมในหลวงท่านจะพูด ไอ้บางเรื่องมันเกินไปคนฟังไม่รู้เรื่องบางทีท่านพูด ๆ ไปเห็นเขาไม่เข้าใจแน่ ท่านก็ดึงออกทะเลไปเลย แต่ถ้าเห็นว่าคนเข้าใจท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย
      ถาม :  นั่งสัปหงกกันเลยครับ
      ตอบ:   ไอ้พวกนั้นมันน่าเตะเป็นใหญ่เป็นโตในแผ่นดินซะเปล่า โง่บรรลัย ถ้าเป็นเราไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่ถามในหลวงว่าจะมีพระราชดำริออกไปทางด้านไหนเกี่ยวกับการปกครองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ พอท่านให้พระราชดำรัสลงมาเราก็ทำตามอย่างเดียว สมัยนี้มันอวดเก่ง เจ๊งกันบรรลัยเลย สู้คุณสมิทไม่ได้ คุณสมิทนี่ต้องยอมรับว่าฉลาดจริง ๆ นะแล้วเขามาจากไหนรู้ไหม ? มาจากกรมไปรษณีย์โทรเลข โดนย้ายกระเด็นไปเป็นอธิบดีกรมอุตุ แต่ฉลาดใช้ได้เลย รายงาน ๒ ครั้ง ๆ ที่ ๓ เลิกรายงานเลย มีอะไรถามในหลวง
      ถาม :  แล้วนกกระสาคุณสมิทไม่รู้ยังอยู่หรือเปล่าครับ ? ผมจำได้เลย ในหลวงท่านบอกว่าดูนกกระสา ถ้าหันซ้ายแสดงว่าอากาศต้องอย่างนี้ หันขวาต้องอย่างนี้ (หัวเราะ)
      ตอบ:   นกกระทุง เคยเห็นไหม ไอ้ที่มันใช้ปากช้อนปลา ไอ้ที่ปากเป็นถุง ๆ น่ะ
      ถาม :  มันก็คล้าย ๆ นกกระสา?
      ตอบ:   ไม่เกี่ยวกัน นกกระสามันคล้าย ๆ นกกระยาง มันขายาว ๆ ไอ้นกกระทุงนี่มันห่านดี ๆ นี่เอง ใหญ่กว่าห่านอีก ปากเบ้อเร่อเลย มันใช้ปากมันเป็นสวิงช้อนปลา
      ถาม :  แล้วมันช้อนทันเหรอครับ ? ปลามันไว
      ตอบ:   มันฉลาดพอที่มันจะรู้จักรวมหมู่สามัคคีกันน่ะ ถึงเวลาก็ว่ายต้อนปลา มันประเภทแปรขบวนแล้วมันจะเล็งตัวเดียว จำเอาไว้นะ พวกเราเหมือนกันนักปฏิบัติน่ะ ไอ้ที่มันเอาดีไม่ได้ทุกวันนี้เพราะมันไม่ได้เล็งกรรมฐานกองเดียว กรรมฐานมันยากกองแรกเท่านั้น ถ้ากองแรกได้กองอื่นเหมือนกันหมดเพียงแต่เปลี่ยนวิธีกรรมหน่อยเดียว กำลังใจเท่ากันหมด นกกระทุงก็เหมือนกันอย่าเห็นว่ามันช้านะ มันฉลาดพอถึงเวลาต้อนปลาเข้าฝั่งก็ต่างคนต่างไล่ ๆๆ ไป มันจะเล็งปลาตัวเดียว ไอ้ตัวที่มันเล็งเนี่ยรอดยาก ถ้าหลายตัวมันหลายใจไม่ได้กินหรอก ปลามันเร็วกว่า
      ถาม :  อ้าว แล้วหลาย ๆ ตัวเล็งตัวเดียวกันแล้วใครกินล่ะครับ ?
      ตอบ:   มันต่างคนต่างมีมุมของมันอยู่ มันจะว่ายแปรขบวนไป ไอ้พวกปลานี่เห็นเงานกมันก็จะว่ายหนีว่ายไปว่ายมาติดฝั่งคราวนี้จะทำยังไงล่ะ ก็ต้องหาทางแหวกขบวนไปให้ได้ ไอ้ตอนช่วงนั้นก็ตัวใครตัวมัน ก็แบบเดียวกับพวกปลาโลมาน่ะ มันแปลกอยู่อย่างว่าสัตว์เล็ก ถ้าหากว่ารวมฝูงกันอยู่ สัตว์ใหญ่จะไม่กล้าโจมตี พวกปลาโลมาเขาใช้วิธีนี้ทำให้ให้มันแตกขบวน ไอ้ตัวไหนแตกขบวนไอ้ตัวนั้นตาย สามัคคีมีสุข แตกสามัคคีเมื่อไหร่ก็ทุกข์ถึงแก่ชีวิต เดี๋ยววันที่ ๔ ต้องดักฟังให้ได้ หากว่าเขาไม่ถ่ายทอดสดก็ฟังตอนข่าว ตอนช่วงท่านป่วยหนักคงนึกว่าไม่รอดแล้ว มีอะไรท่านบอกหมด เจอเทวดาอย่างนั้นเจอพระอย่างนี้ว่าไปหมดเลย