โปรดเวไนยสัตว์

      ขณะที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภเรื่องของ พระปูติคัตตติสสเถระ ว่ากุลบุตรในสาวัตถีผู้หนึ่ง ฟังธรรมในสำนักพระศาสดา ศรัทธาถวายชีวิตในพระศาสนาได้บรรพชาอุปสมบทแล้วได้ชื่อว่า พระติสสเถระ
      เมื่อกาลล่วงไป ตุ่มทั้งหลายประมาณเท่าเมล็ดผักกาด ผุดขึ้นตามสรีระของท่าน ตุ่มนั้นเม็ดโตขึ้นตามลำดับ ประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว เมล็ดถั่วดำ มะขามป้อม และผลมะตูม ตุ่มเหล่านั้นแตกแล้ว กายของท่านเน่า จึงได้ชื่อว่าพระติสสเถระผู้มีกายเน่า ผ้าสบงและจีวรเปื้อนด้วยเลือดและหนอง ไม่มีใครดูแล ทอดทิ้งให้นอนอยู่เช่นนั้น
      พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณ ทรงเห็นอุปนิสัยที่จะบรรลุพระอรหัตของพระเถระ จึงเสด็จไปสู่โรงไฟ ทรงล้างหม้อ ใส่น้ำยกตั้้งบนเตา รอให้น้ำร้อน แล้วเสด็จไปจับปลายเตียงที่พระเถระนอน ทรงให้ภิกษุที่ติดตามนำร่างมา ทรงเทน้ำร้อนลงให้ไหลไปตามร่าง รับสั่งให้ภิกษุเหล่านั้นเปลื้องจีวรที่ห่มอยู่ ไปขยำด้วยน้ำร้อน พระองค์ทรงรดสรีระนั้นด้วยน้ำอุ่น ถูสรีระของพระเถระให้อาบน้ำ เมื่อจีวรแห้ง พระศาสดาทรงช่วยเธอให้ห่มจีวร ทรงขยำผ้าสบงที่พระเถระนุ่งแล้วผึ่งแดด เมื่อน้ำที่กายแห้งสบงก็แห้ง เธอนุ่งผ้ากาสาวะผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง เป็นผู้มีสรีระเบา มีจิตที่มีอารมณ์เป็นหนึ่ง พระศาสดาประทับยืนเหนือศีรษะพระเถระ ตรัสว่า
                ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน
                ปราศจากวิญญาณ เหมือนท่อนไม้
                 อันบุคคลทิ้งแล้ว หาประโยชน์มิได้

      จบพระธรรมเทศนา พระติสสเถระบรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา แม้ชนเหล่าอื่นเป็นอันมากได้เป็นพระอริยบุคคล มีพระโสดาบัน เป็นต้น พระเถระบรรลุพระอรหัตแล้วก็นิพพาน พระศาสดาทรงให้จัดการฌาปนกิจสรีระของท่าน ทรงเก็บอัฐิธาตุ แล้วโปรดให้สร้างสถูปบรรจุไว้
      ภิกษุทั้งหลาย ทูลถามถึงเหตุแห่งกายเน่า และเหตุที่ถึงความบรรลุพระอรหัต พระศาสดาตรัสเล่าถึงบุพกรรมของพระเถระว่า ผลแห่งกายเน่าและกระดูกแตก ด้วยผลของการทุบกระดูกนกทั้งหลาย และที่ท่านได้บรรลุพระอรหัต ก็ด้วยผลแห่งการถวายบิณฑบาต อันมีรสเลิศแก่พระขีณาสพ แล้วตั้งความปรารถนาว่า ขอข้าพเจ้าพึงถึงที่สุดแห่งธรรมที่ท่านได้เห็นแล้วด้วยเถิด ดังนี้.