ถาม : อันนี้คือเรารับอาการของเขามาเลย แล้วก็มีแบบว่าหน้าคนลอยมาเจ้าค่ะ ลอยไปก็ลอยมา สักพักหนึ่งก็โทรมาหาค่ะ แล้วเราก็รู้เขาจะโทรมาเรื่องนี้ ๆ เราก็เตรียมรอนั่งหน้าโทรศัพท์ หลวงพี่ทีนี้เอาเทปเข้าตลับก็เหมือนกันใช่ไหมเจ้าคะ ? (หัวเราะ)
ตอบ : (หัวเราะ) ไม่รู้ไม่ชี้จ้ะ อันนี้ห้ามยืนยัน ถ้ายืนยันเดี๋ยวมันจะมีประเภทขี้เกียจ เดี๋ยวนี้ลูกศิษย์วัดและพระนี่ต้องไล่เตะมัน มันจะพูดจะถามอะไร...ไม่หรอก มันใช้วิธีคิดแทน มันขี้เกียจพูด จนกระทั่งบางทีต้องบอกมันว่าถ้าขืนทำอย่างนี้อีกแล้วจะถีบมันแทน แล้วมันถึงจะยอมพูดนะ เป็นซะอย่างนั้น อะไรก็ตามที่ยังใช้สังขารร่างกายของมนุษย์ทั่ว ๆ ไปทำได้น่ะทำเสียก่อน ไม่ใช่เล่นวิธีลัดประจำ ตอนนี้พระที่วัดมีอยู่องค์หนึ่ง ถ้าเราอยู่มุมนี้ของวัด เขาก็หนีไปมุมโน้น เราตามไปมุมโน้นมันหนีไปอีกมุมหนึ่ง กลัว....
ถาม : กลัวไปนั่งรู้เขาหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ คือว่ามันมีบางทีเขาวางอารมณ์ผิด ตั้งอารมณ์ผิดแล้วก็บอกเขา เขาก็เลยพานกลัวไปเลย
ถาม : อ้อ ! ผมนึกออกแล้ว ที่หลวงปู่มั่นท่านเคยดูหลวงตาอะไรก็ไม่รู้ พอหลวงปู่มั่นลงไปบอก ย้ายวัดหนีเลย
ตอบ : ก็ประเภทนั้นน่ะ ...(ไม่ชัด)....มันคิดชั่ว ๆ ข้าไม่ดูหรอก มันก็ไม่ฟัง (หัวเราะ)
ถาม : กลัวเรารู้ใช่มั้ยเจ้าคะ ?
ตอบ : อืม ! เขากลัว
ถาม : มันแปลกเจ้าค่ะ บางทีเรานั่งใกล้บางคนนี่นะเจ้าคะ เขาด่าเราอยู่ในใจ เราได้ยินเสียงชัดมากเลยเจ้าค่ะ แล้วเราก็พูดคำด่านั้นออกไปช้า ๆ ให้เขาได้ยินชัด ๆ เจ้าค่ะ แล้วเขาก็หันมามองหน้าเราตั้งแต่นั้นมา เขาไม่เคยนั่งใกล้เราเลยเจ้าค่ะ
ตอบ : ก็ประเภทเดียวกันล่ะจ้ะ
ถาม : ทำไมได้ยินอย่างไรเจ้าคะ ยังงงเลย ทำไมเราได้ยินเสียงเขาคิดได้อย่างไร ?
ตอบ : ความรู้สึกเขาถ้ายิ่งต่ำเท่าไหร่เรายิ่งรับได้ง่ายเท่านั้นนะ แต่ว่าจะไม่เกินจากเสมอกัน ถ้าเกินจากนั้นขึ้นไปจนถึงสูงกว่าต้องขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ให้ คนที่เสมอกันกับต่ำกว่าเราจะรู้ได้ง่าย ยิ่งอารมณ์เขาต่ำมากเท่าไหร่ยิ่งรู้ง่ายเท่านั้น เหมือนกับเราอยู่ในที่สูงแล้วมองลงไปมันจะเห็นชัดตา
ถาม : แต่เราจะไม่มองคนที่สูงกว่าใช่มั้ยเจ้าคะ ?
ตอบ : ก็มองได้จ้ะ แต่ต้องขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ถ้าหากว่าตั้งใจดูเอง อาศัยกำลังของเราเองไม่ขอพระท่านช่วยนี่จะไม่รูู้็เรื่องเลย
ถาม : ถ้าอย่างนี้การที่เราได้ยินพวกสัมภเวสี พวกเทพมาคุยกับเราได้ ?
ตอบ : ก็เรื่องปกติจ้ะ ที่เขา (หมายถึงพระที่วัด) กลัวมากที่สุดเขากลัวตอนไหนรู้มั้ย ? เขาจะกินขนมคือตอนเช้านี่มีของหวานไง แล้วก็ขนมกับผลไม้ คราวนี้ขนมนั่นมันใหม่เอี่ยมยังไม่ได้แกะถุง พี่แกก็นั่งอมลิ้นกลืนน้ำลายเชียว...อยากกิน แต่ไม่กล้าแกะ เราก็เลยบอก เฮ้อ ! ก็แกะไปซิหรือจะให้อาจารย์แกะให้กินถึงจะกล้า (หัวเราะ) คว้าได้ก็รีบแกะ หลังจากนั้นมันก็เดินหนีไปเลย (หัวเราะ)
ถาม : แล้วก็เจอเจ้าค่ะ ศาล เขาตั้งศาล พอตั้งศาลเขาก็ตั้งไว้อย่างนั้น แล้วเขาก็ไม่ได้จุดธูปเชิญซะที เจ้าที่ต้องมาบอกว่าช่วย ๆ เอาเขาขึ้นไปซะทีเถอะ ทีนี้เจ้าที่นี่เขามีสิทธิเข้ามาบอก เข้าฝันได้เหรอคะ ?
ตอบ : ได้ซิ ก็เจ้าเขาสูงกว่านี่ ถ้าหากว่าเขาติดต่อเราได้อาศัยผ่านเราได้ก็ขอยืมใช้หน่อย เต็มใจสงเคราะห์เขา ถ้าไม่เกินความสามารถก็ทำไปเถอะ ถ้าไม่เต็มใจสงเคราะห์็บอกกับเขา บอกว่าเดี๋ยวจะบอกให้แต่เอา ๒ ตัวมาก่อน
ถาม : (หัวเราะ) อย่างนี้นี่เจ้าที่ท่านสงเคราะห์ได้อยู่แล้วใช่มั้ยครับ ถ้าโชคของเรา ?
ตอบ : ได้อยู่ แต่ระวังไว้นะ เรื่องของเทวดา เรื่องของผีเขาตรงไปตรงมา บอกเอา ๒ ตัว มันให้น่ะ ๒๐ งวดยังไม่ออกเลย ไม่ได้บอกว่างวดไหน เจอมาเยอะแล้ว
ถาม : (หัวเราะ) แต่สงสัยค่ะ เจ้าที่นี่เขาเป็นศาลดั้งเดิมอยู่ก่อนแล้ว แล้วเขาก็เอาของเก่าออก แล้วก็เอาของใหม่ไปตั้งไว้ที่เดิม เขาก็น่าจะอยู่ได้ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเขาได้อยู่หรอก แต่ว่าลักษณะของคนมาใหม่หรือว่าคนที่ทำใหม่น่ะ ต้องอัญเชิญเขาให้ถูกวิธี ถ้าหากว่าไม่เชิญเขาให้ถูกวิธีเขาก็ไม่ให้ความคุ้มครองไม่ให้ความดูแล คราวนี้ว่าเขาเอง เขาก็อยากจะช่วย แต่คราวนี้เมื่อไม่ได้บอกกล่าวไม่ได้เชิญอย่างถูกวิธี เขาเองไม่สามารถจะช่วยได้ เขาก็เลยหาทางที่จะติดต่อ เพื่อจะให้บอกว่าให้ทำให้ถูกซะทีอย่างนั้น
ถาม : คนนี้เขาโดนญาติเขาเองเล่นของ เล่นของในลักษณะที่ของที่ส่งมานี่มันเป็นลักษณะเลือด แล้วก็มาปาที่บ้านเขา แล้วพอเราไปช่วยเอาน้ำมนต์หลวงพ่อไปเจ้าค่ะ พอเขาดื่มปุ๊บมีความรู้สึกว่าขันน้ำมนต์เป็นเลือด พอดื่มเข้าไปปุ๊บ ยังไม่ทันจะกลืนก็อาเจียนออกค่ะ ถ้าอย่างนี้นี่เราจะช่วยเขาได้อย่างไรเจ้าคะ ?
ตอบ : ได้อยู่ ให้เขาดื่มบ่อย ๆ เดี๋ยวมันก็หมด พวกนี้บางอย่างถ้ากินเข้าไปนี่ลำบาก ถ้าหากว่าไม่ได้กินเข้าไปนี่แก้ง่าย ถ้ากินเขาไปมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเลือดเนื้อร่างกายแล้วแก้ลำบาก ลักษณะนั้นก็คือลักษณะของว่าพุทธคุณกับของมันต้านกันอยู่ ในเมื่อของเขาเองไม่ได้ มันก็จะแสดงออกในลักษณะเหมือนว่าอาเจียนออกมา ให้มันกินไปเยอะ ๆ เลย จับอาบเสียด้วยยิ่งดี
ถาม : ไม่เป็นไรเหรอเจ้าคะ ?
ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ ซ้ำให้ตายไปเลย
ถาม : ที่กินออกมาไม่เหลือเลยค่ะ ?
ตอบ : ถ้าอาเจียนออกมาได้ก็เริ่มเบาแล้ว ต่อไปบอกเขาว่า เอาที่ต้มเสร็จมาแล้วนะ
ถาม : ต้มหรือคะ ?
ตอบ : เลือด (หัวเราะ) เอาที่ต้มเสร็จมาแล้วน่ะ
ถาม : แล้วเขาเลี้ยงผีด้วยเจ้าค่ะ ?
ตอบ : เลี้ยงผีไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่อยากบอกเดี๋ยวพวกเราไปทำกัน เพราะว่าพวกอดอยากมันเยอะ คราวนี้ของพวกนี้ถ้าเราเผลอมันจะเล่นเราเอง คือถ้าเวลาเราเผลอทิ้งให้เขาอด บางทีเขาก็เล่นเราเอง มีอยู่ช่วงหนึ่งอยู่ที่วัดท่าซุง มีแม่ชีคนหนึ่งเขามา โอ้โห ! พามาเป็นฝูงเลย เราเองก็ถามเขาว่าเลี้ยงผีใช่ไหม ? เขาบอกว่าท่านรู้หรือเจ้าคะ ก็บอกว่า รู้ไม่รู้น่ะ ไม่ต้องพูดถึง แต่ว่าโยมเลี้ยงใช่มั้ย ? เขาบอกใช่ ก็บอกว่าเลี้ยงยังไงมันถึงเยอะขนาดนั้น เขาก็เลยบอกวิธีให้วิธีมันก็ง่ายนะ แต่ว่าลักษณะนั้นเราเผลอเมื่อไหร่ตัวเองโดน
ถาม : เขาทำอย่างไงเหรอเจ้าคะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไม่กล้าบอก เดี๋ยวคนเอาไปใช้กัน
ถาม : แสดงว่ามันก็ต้องมีคุณด้วยซิครับ ?
ตอบ : มันก็มีอยู่ คือว่าบางอย่างของเขาเองอยู่ในลักษณะของความเป็นทิพย์ไงมันก็ถ้าหากว่าเป็นเรื่องที่ไม่เกินกำลังเขา เรื่องที่ไม่หนักนักเขาก็ช่วยได้ แต่ว่าเขาก็จะช่วยในลักษณะว่าบีบบังคับคนอื่นเขา
ถาม : นึกว่าช่วยง่าย ๆ เอามาเป็นคนงานก่อสร้างซะเลย ? (หัวเราะ)
ตอบ : เอาอย่างพวกวูดู หมอผีวูดูที่ไฮติ ใครตายนี่เจ้าของ...ต้องเรียกว่าญาติพี่น้องนะ ฝังศพแล้วต้องนั่งเฝ้าจนมันเน่าไปเลย ถ้าหากว่าไม่เฝ้าอยู่จนมันเน่า เขาเรียกเอาไปใช้หมด
ถาม : เขาไม่เผาไปเลยล่ะครับ ?
ตอบ : ก็ประเพณีเขาฝัง
ถาม : เอาศพไปใช้เหรอครับ ?
ตอบ : เอาศพไปใช้ เอาไปเป็นคนงาน ส่วนใหญ่พวกที่ไฮติคนงานในไร่อ้อยนี่สมัยก่อนนี่ร้อยละเกินเก้าสิบจะเป็นพวกผีดิบวูดู
ถาม : เอาอย่างงั้นเลยเหรอครับ ?
ตอบ : มันเอาอย่างงั้นเลยแหละ มันต้อนไปเป็นฝูง ๆ เลย
ถาม : ไม่ต้องเสียค่าข้าว
ตอบ : เสียแต่ค่าอาหารหน่อยหนึ่ง ให้กินข้าวเปล่า อย่าให้กินเกลือ ถ้ากินเกลือเมื่อไหร่มันจะรู้ตัวว่ามันตายแล้วมันจะกลับหลุมมัน เพราะฉะนั้นต้องให้กินแต่ข้าวเปล่าเพื่อที่ร่างกายมันจะได้อยู่ได้ อย่างน้อยมีสารอาหารอยู่
ถาม : อย่างนี้เขาเรียกว่าผีดิบหรือเปล่าเจ้าคะ ?
ตอบ : อันนั้นเป็นผีดิบ เขาทำมาจากวิชาของเขา ไปปลุกมันขึ้นมาใหม่
ถาม : อย่างนี้ทรมานมั้ยคะ ?
ตอบ : จริง ๆ มันก็ทรมาน แต่ว่าผีก็คือผี
ถาม : ดวงจิตถูกครอบไว้ด้วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ดวงจิตนี่อาจจะเป็นของคนอื่นก็ได้ อาจจะเป็นของตัวเองก็ได ้เพราะว่าเพียงแต่อาศัยเพื่อบังคับให้ร่างนั้นทำงานเท่านั้น
ถาม : นึกว่าถ้าไม่อาศัยดวงจิตได้ด้วยนี่ก็โอ้โห !
ตอบ : โอ้โห ! ยอดเยี่ยมสุริโยทัย ส่วนใหญ่มันต้องมีเค้าโครงของมัน
ถาม : ที่เขาสะกดจิต การใช้พลังจิตที่ไปช่วยบังคับจิตให้เขาทำตามถือว่าการทำในลักษณะอย่างไรเจ้าคะ ?
ตอบ : อันนั้นลักษณะจริง ๆ ก็เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเขาเลย และถ้าหากว่ายิ่งให้เขาไปทำสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรมตัวเองก็ได้รับโทษหนักขึ้นไปด้วย แต่ตัวของคนทำนั้นไม่มีโทษนะ เพราะว่ามันไม่ใช่เจตนาของเขา และที่เขาทำ เขาทำในลักษณะไม่รู้ตัวโดนบังคับให้ทำ
ถาม : อยากทราบ อานิสงส์ของการพนมมือคุยกับพระครับ ?
ตอบ : อานิสงส์ของการพนมมือคุยกับพระ แต่ขัดสมาธินี่หักลบลบล้างเหลือศูนย์ (หัวเราะ) พนมมือเป็นการเคารพ แต่ขัดสมาธิมันไม่เคารพ หักกลบลบล้างเหลือศูนย์พอดี (หัวเราะ)
ถาม : คือว่าร่างกายมันไม่ไหวครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็ดูว่าใจของเราเคารพมั้ยนะ ถ้าหากพนมมือด้วยความเคารพอานิสงส์มันก็ได้อยู่ ใช่มั้ย ? เราเคารพในพระรัตนตรัย เคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เขาจัดเป็นอนุสสติ แต่ว่าขณะเดียวกันถ้าหากว่าเราสัก ๆ แต่พนมมือไปมันก็น้อยหน่อย คืออย่างน้อย ๆ มันก็อยู่ในลักษณะกตัตตากรรม คือกรรมที่ทำโดยไม่ได้ตั้งเจตนาให้มันมั่นคง
ถาม : ได้ยินมาว่า ถ้าเกิดคนที่ได้สรรเสริญบุคคลอื่น เกิดมาชาติหน้าหน้าจะตัวสูงจริงมั้ยครับ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้ากล่าว ก็จริงตามนั้น ก็เห็นเขาบอกคนสูงต้องเกิดหน้าน้ำไม่ใช่เหรอ (หัวเราะ) เกิดข้างขึ้นใช่มั้ย ? ยิ่งฤดูน้ำหลากยิ่งสูง นั่นเขาพูดเล่นกัน ท่านว่าจะเกิดในตระกูลสูงต่างหาก
ถาม : ผมคิดถึงลูกสาวเลย นั่นต้องสูงมากแน่เลย ฝนแบบไม่รู้มีมาก่อน ตกสุดจะหนัก
ตอบ : อันนั้นเขาพูดเล่นกัน พระพุทธเจ้าท่านบอกอย่างไงก็อย่างงั้นล่ะจ้ะ ที่่ว่าทำไมคนถึงเกิดในตระกูลสูง ทำไมเกิดในตระกูลต่ำ ทำไมผิวพรรณดี ทำไมผิวพรรณทราม อะไรนั่น เป็นไปตามท่านว่าทั้งหมด ถ้าขี้โกรธก็ผิวพรรณทราม ถ้าหากว่ามีเมตตาจิตใจเยือกเย็นก็ผิวพรรณดี อย่างนี้ เป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนก็เกิดในตระกูลสูง เป็นผู้ลบหลู่เขา เป็นผู้ที่ประเภทที่เรียกว่าทะเยอทะยาน ก็จะเกิดในตระกูลต่ำอย่างนี้
ถาม : หนูใจร้อน ทำอย่างไงใจเราถึงจะเย็น ?
ตอบ : ควักออกมาแช่น้ำ
ถาม : โห ! มันควักไม่ได้เจ้าค่ะ ?
ตอบ : รู้ตัวว่าใจร้อนต้องสร้างสติให้สมบูรณ์จ้ะ เมื่อสร้างสติสมบูรณ์มันรู้จักระมัดระวัง พอสติสมบูรณ์แล้วมันจะระวัง มันก็จะเป็นแค่ร้อนอยู่ข้างใน กาย วาจา มันไม่ได้ร้อนไปด้วย เพราะว่าเก็บอาการอยู่ แล้วพอนาน ๆ ไป เราเก็บมันอยู่นาน ๆ มันเหมือนอยา่งกับเอาหินทับหญ้า เดี๋ยวหญ้ามันตายไปใจมันก็เย็นเอง
ถาม : พอจะมีคาถาเรียกเงิน เรียกทองแล้วก็โชคลาภบ้างมั้ยเจ้าคะ ?
ตอบ : มีจ้ะ เขาเรียกคาถาเงินล้านรู้จักมั้ยจ๊ะ ? ถ้าไม่รู้จักถามคุณเทพฤทธิ์ นั่นแหละใช้ได้ เขามีจริง ๆ จ้ะ เขาเรียกคาถาเงินล้าน เอาคาถาบทนั้นแหละไปใช้ อย่างของเราสมาธิดี ๆ นี่ได้ผลเร็วจ้ะ
ถาม : จำเป็นต้องเท่า กันทุกวันเหรอครับ ?
ตอบ : ความสม่ำเสมอ สำคัญที่สุด
ถาม : ผมอาศัยแบบขับรถไป นึกได้ก็ท่อง ๆ ไปเรื่อย ๆ
ตอบ : คืออย่างน้อย ๆ ให้มันกำหนดไว้ว่าแค่นี้เราต้องได้ ส่วนได้มากกว่านี้ ได้เท่าไหร่ก็เอา
ถาม : อย่างนี้ต้องนึกน้อย ๆ ไว้ก่อน (หัวเราะ)
ตอบ : มันจะได้มีรองรับไว้เสมอ คือแน่นอนว่าจำนวนนี้ต้องได้อย่างนี้
ถาม : พอดีคุณพ่อท่านเป็นอาจารย์ฝึกสมาธิ คนรู้สึกว่าจะเป็นพันนะคะ แล้วทีนี้พอท่านฝึกสมาธิ ท่านก็นั่งสมาธิประมาณตอนตีสี่ ตีห้าท่านก็บอกว่าเจอแหละมีเทวดามานั่งสมาธิด้วยทุกเช้าเลย ก็เลยสงสัยว่า เอ๊ะ ! พวกเทวดานี่เขามานั่งสมาธิกับคุณพ่อนี่ เขาได้บุญกุศลจากการทำสมาธิตรงนี้ด้วยหรือคะ ?
ตอบ : ได้จ้ะ ได้ เพราะว่าอย่างเทวดาชั้นยามา เขาจะสวดมนต์หรือนั่งสมาธิเป็นปกติเลยนะ ท่านที่มานี่อาจจะเป็นเทวดาประจำตัวที่รักษาท่านเอง หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพื่อนฝูงเก่าก็ได้ เห็นเพื่อนทำขอแจมหน่อยหนึ่ง อย่างน้อย ๆ ขอได้บุญบ้าง
ถาม : สมาธิคือ มีสติใช่มั้ยครับ ไม่ใช่การจับลมหายใจ
ตอบ : จริง ๆ แล้วมันต้องอาศัยลมหายใจก่อน เพื่อที่่ว่าสติมันตามทันลมหายใจที่เป็นของหยาบก่อน แล้วมันถึงจะตามทันความคิดของตัวเองที่เป็นของละเอียดกว่า
ถาม : แต่เทวดาไม่มีขันธ์ห้านี่ครับ ?
ตอบ : ก็เขามีขันธ์ทิพย์จ้ะ ขันธ์ของเขาก็ห้าเหมือนกับเรานี่แหละ เพียงแต่ว่ามันอยู่ในสภาพของความเป็นทิพย์
ถาม : แล้วจับลมหายใจได้เหมือนเราเลยหรือครับ ?
ตอบ : ของเขาเองเขาไม่ได้ว่าจับแบบของเรานี่ ของเขาจิตเขาถ้าหากว่าทรงเป็นสมาธิอยู่เขาจะดำเนินตามอาการของสมาธิไปเลย สิ่งนี้มันเป็นความละเอียด พูดกันยาก ต้องไปเกิดเป็นเทวดาใหม่แล้วทวนความจำดู (หัวเราะ) สภาพจิตของเขาพอทรงตัวเป็นสมาธิอยู่มันก็จะดิ่งต่อไปในลักษณะที่เขาเพิ่มความระมัดระวัง ประคับประคองมันอยู่ อธิบายเป็นคำพูดยากจัง
ถาม : เข้าใจครับ
ถาม : ทีนี้ท่านก็บอกว่าท่านทำสมาธิตรงนู้นแล้วเราก็นอนอยู่ปลายเท้าท่าน เราก็เลยรับขอรับส่วนของท่านเลย (หัวเราะ)
ตอบ : ง่ายดีเนอะ เขาเรียกตัวดูด (หัวเราะ) อ้าว ! ได้นะ ถ้าหากว่ากำลังใจของเราดี ๆ รับได้จริง ๆ จ้ะ
ถาม : เราก็รู้สึกว่าพอใกล้ท่านจิตเราก็เป็นสมาธิเจ้าค่ะ ก็เลยสงสัยว่ามันถ่ายเทกันได้หรือเจ้าคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วกำลังใจของคนนะ ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตามมันจะส่งพลังงานออกมา ในเมื่อมันส่งพลังงานออกมาคนที่อยู่ใกล้จะได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ว่า่จะกระทบในด้านดี หรือกระทบในด้านร้ายก็ตาม จะสังเกตว่าถ้าในสถานที่เขาทำเป็นบุญเป็นกุศลสมาธิ เราจะทรงตัวได้ง่ายมาก เพราะว่ากระแสจิตมันจะไปทางดีเหมือนกันหมด
แต่ขณะเดียวกันว่า ถ้าหากว่าเราเข้าไปในสถานที่อย่างเมืองใหญ่ ๆ หรือว่าสถานที่ที่มันแออัด จอแจ มีแต่รัก โลภ โกรธ หลง นี่เราจะรู้สึกว่าโดนกดดันและเครียดมากเลย เพราะว่าของเขามันสวนกระแสกับเราจ้ะ ก็ในเมื่อของเราเองมันมีผลอย่างนั้นก็ดูดไว้เยอะ ๆ (หัวเราะ)
|