ถาม: ปัจจุบันเวลาบวชพระเข้าโบสถ์ จะมีการรำแห่นาคกินเหล้าและไม่กินเหล้า การรำแห่นาคเข้าวัดได้บุญหรือได้บาป ?
ตอบ : ถ้าหากว่ากินเหล้านี่บาปแหง ๆ บาปชนิดผีไม่แลเลย เคยมีงานบางงานที่เขาฆ่าสัตว์ อย่างเช่นล้มหมูล้มวัวเพื่อเลี้ยงเหล้าอะไร ปรากฎว่า ผีเขาไม่ยอมไปโมทนา ถามเขาว่า ทำไมถึงไม่โมทนา เขาบอกว่า คำว่า โมทนาแปลว่าพลอยยินดีด้วย มันดันไปฆ่าสัตว์ดันไปกินเหล้า ถ้ายินดีด้วยแทนที่จะได้บุญ มันจะไปได้กรรมส่วนนั้นมาแทน ตัวนี้อันตรายมาก
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ได้รับนิมนต์ไปสวดมาติกาที่วัดแก่นเหล็ก วัดแก่นเหล็กนี้มันจะอยู่ตรงมโนรมย์ ก่อนที่จะลงท่านน้ำเพื่อข้ามไปฝั่งวัดท่าซุง หลวงพ่อพระครูวิชาญชัยคุณ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เป็นเจ้าคุณ ท่านยังเป็นพระครูอยู่ ปัจจุบันนี้เป็นพระมงคลชัยสิทธิ์มั้งถ้าจำไม่ผิด ท่านเป็นองค์เทศน์หน้าศพ ของเราเองก็หลับตาภาวนาไปเรื่อย บนศาลามันชนแก้วกันขณะที่พระเทศน์ เรารำคาญขี้เกียจมองหน้ามัน เดี๋ยวใจจะไปตำหนิมันก็หลับตาไปเรื่อย หูก็ฟังหลวงพ่อพระครูวิชาญท่านเทศน์ พอท่านเทศน์ไป ๆ ท่านเทศน์ว่า โยมเอ้ย ตายไปแล้วก็ไม่ต้องเสียอกเสียใจอะไรนะ ถ้ามันมีความดีที่ไหนเราก็พยายามโมทนาเขาเพื่อที่เราจะได้ไปภพภูมิที่ดี ๆ ขึ้น เราก็หูผึ่ง เฮ้ย ไม่ได้เทศน์ให้คนเป็นฟังนี่หว่า ลืมตาขึ้นมาดู ผีมันยืนพนมมืออยู่หน้าธรรมาสน์ ท่านเทศน์ให้ผีฟังเลย ผีมันไม่รู้จะเอาบุญจากไหน เพราะญาติพี่น้องมันเมาหัวทิ่มอยู่ มันก็เลยใช้วิธีเอาจากหลวงพ่อนั่นแหละ ท่านเทศน์กูก็ฟังอย่างน้อย ๆ ก็ได้ธรรมานุสติใช่มั้ย ? รายนั้นยังเจอพระอย่างหลวงพ่อ ท่านเห็นผีเห็นเทวดาได้ ท่านก็เลยสงเคราะห์เขาโดยตรงก็เลยรอดไป ถ้ารอจากญาติของตัวเองอดแหง ๆ เลย
ถาม : นักสะกดจิตคนหนึ่งได้สะกดจิตบุคคลกลุ่มหนึ่ง โดยใช้คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้ผู้ที่ถูกสะกดจิตมีความรู้สึกร้อนหนาวหรือทำตามคำสั่งนั้น หลวงพี่ท่านเคยกล่าวไว้ว่าเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่ง เมื่อเทียบกับกรรมฐาน ๔๐ เพราะผลของกรรมฐานมีมากกว่านั้นมากมาย เขาใช้อะไรจึงออกคำสั่งให้คนทำตามได้หรือว่าเพราะเขามีฌาน ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วมันหลายอย่างรวมกัน มันมีทั้งแสงสีเสียงและก็สถานที่ด้วย มันต้องทำบรรยากาศน่าคล้อยตาม และตัวสำคัญที่สุดเขาไปคิดเชื่อและคล้อยตามว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นมันต้องเป็นอย่างนี้ ก็เลยตกอยู่ภายใต้การชักจูงของเขาได้ง่าย ถ้าหากว่าคุณดื้อไว้ซะอย่างมันไม่เป็นไปตามเขาหรอก
ถาม : การที่เราเห็นภาพพระสงฆ์ชัด ทำอย่างไรเราจะรู้ได้ว่าไม่เป็นภาพจากมารหลอก เพราะพระท่านหนึ่งได้กล่าวว่าบางทีก็แปรงร่างมาให้ดูมีรูปร่างสวยงาม และจะแก้อารมณ์ที่โดนหลอกได้อย่างไร ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นการปฏิบัติกรรมฐาน ปฏิบัติในพุทธานุสติเห็นรูปพระพุทธเจ้าให้เราตั้งใจจับภาพนั้นได้ เพราะว่าจิตของเราเกาะอยู่กับพระพุทธเจ้าไม่ได้เกาะอยู่กับมาร ถ้าปฏิบัติในสังฆานุสติคือนึกถึงพระสงฆ์ เห็นรูปพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งมา เอาจิตเกาะภาพพระสงฆ์นั้นได้ เพราะว่าตอนนั้นเรานึกถึงพระสงฆ์ไม่ได้นึกถึงมาร ต่อให้เขากลั่นแกล้งมันก็กลายเป็นว่าแกล้งแล้วเราได้ดี
แต่ขณะเดียวกันถ้าหากว่ามันเป็นนิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รับทราบไว้เฉย ๆ อย่าเพิ่งเชื่อตามนั้น จนกว่าเหตุการณ์มันเป็นไปตามนิมิตถึงน้อมใจเชื่อ แต่ให้เชื่อเฉพาะเรื่องที่เป็นไปแล้ว เรื่องที่ยังไม่เป็นไปก็อย่าเพิ่งเชื่อต่อไปตามเดิม ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะโดนหลอกได้ยาก แต่ว่าอย่าลืมนะใช้คำว่าโดนหลอกได้ยาก มันยังมีโอกาสโดน
ถาม : คนที่เจอผีหรือโดนผีอำ แสดงว่าศีลไม่บริสุทธิ์ใช่หรือไม่ เพราะมีคนเคยบอกว่าถ้ามีศีลบริสุทธิ์แล้ว อมนุษย์จะเข้าใกล้ไม่ได้ในระยะ ๑ วา ?
ตอบ : ฮะฮ่า ใครบอกวะ อาตมาโดนมันนั่งทับอกบีบคอแทบตาย ถ้าหากว่าเราเจริญภาวนาสมาธิทรงตัวเขาจะเข้าไม่ได้ในรัศมีวาหนึ่ง ไม่ใช่ศีลบริสุทธิ์ อาตมาเป็นพระสงฆ์ศีลมากกว่าโยมตั้งเยอะมันนั่งทับอกบีบคอแทบขาดใจเลย เอาปัญหานี้ทวนอีกทีหนึ่ง ซ้ำอีกทีปัญหานี้
ถาม : คนที่เจอผีหรือโดนผีอำแสดงว่าศีลไม่บริสุทธิ์ ?
ตอบ : เออ เอาแค่นี้ คนที่เจอผีส่วนใหญ่แล้วเพราะผีเขาลำบากเขาต้องการความช่วยเหลือ บุคคลที่เจอมี ๒ ประเภท ประเภทแรกคือบุคคลที่เคยมีกรรมอันเนื่องกันมา เขาสามารถไปขอความสงเคราะห์ได้ อย่างเช่นว่าเปรตพระญาติของพระเจ้าพิมพิสารอย่างนี้ ให้คนอื่นสงเคราะห์ กระทั่งพระพุทธเจ้าก็สงเคราะห์ไม่ได้ ต้องเป็นญาติของเขาเองโดยตรง เพราะสร้างบุญสร้างบาปร่วมกันมา
อีกประเภทหนึ่งก็คือว่าเป็นบุคคลที่สร้างบุญใหญ่เอาไว้ แล้วบรรดาผีนั้นท่านฉลาด ท่านรู้ว่าใครบุญมากบุญน้อยยังไง ท่านก็ไปปรากฎตัวเพื่ออยากให้ช่วยเหลือ อาตมาเคยเจอ มันมีบ้านอยู่หลังหนึ่งที่เกริงกระเวีย ผีมันหลอกจนเจ้าของบ้านอยู่ไม่ได้ พอรู้ว่าพระไปอยู๋นี่มันพาลูกน้องมาเป็นสิบเกาะเอวกันมาตอนเที่ยง ๆ ขณะเที่ยง ๆ นะ เพราะว่าตอนเข้าสร้างบ้านขุดกระดูกได้ ๒ โอ่งใหญ่ ๆ แค่เขาฝังเสาขุดกระดูกได้ ๒ โอ่งใหญ่ ๆ มันหลอกจนไม่มีใครอยู่ได้
ปกติบ้านทิ้งร้างนี่ ไม่ต้องห่วงหรอกพวกแงะไม้ขายหมดแหละ แต่ไอ้หลังนั้นไม่มีใครกล้าแตะซักชิ้น พอไปอยู่เขาก็มา ถามเขาว่า ทำไมไปหลอกคนดุเดือดขนาดนั้นเล่า เขาบอกว่า ผมไม่ได้หลอกนะครับ ผมอยากจะมาบอกว่าผมต้องการความช่วยเหลือยังไง แต่เขาวิ่งหนีผมทุกที บรรดาผีน่ะเขาเป็นผู้ที่มีบุญน้อยศักดานุภาพน้อยมันเหมือนกับคนจน มันแต่งตัวมาสวยสุดขีดแล้ว ไอ้ที่เราเห็นแล้ววิ่งน่ะ สงสารมันบ้างเถอะ
คราวหน้าเจออย่าไปกลั้วเขามาขอความช่วยเหลือ ท่านที่เจอแสดงว่าบุญมากพอไม่ใช่ดวงตกหรือศีลขาดอะไรทั้งนั้น ถ้าเจอให้ตั้งใจเลยว่าผลบุญที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ขออุทิศให้กับเธอ ถ้าเขายืนอยู่ตรงหน้าเห็นรูปก็คือเจ้าของรูปนั้น ถ้ามาแต่เสียงบอกว่าอุทิศให้เจ้าของเสียงนั้น ถ้ามาแต่กลิ่นอุทิศให้เจ้าของกลิ่นนั้น ขอให้เขาโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าใดขอให้เขาได้รับด้วย แค่นั้นแหละเขาจะไม่กวนอีก เขาโมทนาแล้วจะไปเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามันไม่รู้ พอถึงเวลามาก็คลุมโปง กลัวจัด ๆ ขึ้นมาด่ามันส่งไปอีก แทนที่จะได้อานิสงส์ก็เลยกลายเป็นโดนด่าฟรี นั่งร้องไห้ไม่รู้เท่าไหร่แล้วผี
ถาม : ทำไมต้องมาเละ ๆ ด้วยครับ ?
ตอบ : ก็มันสวยสุดของเขาแล้ว อย่าลืมว่าขอทานมันแต่งตัวสวยสุดเรายังรู้ว่าขอทาน แล้วทำไมมันไม่ใส่สูทมา
ถาม : มีดีสุดแค่นั้นครับ ?
ตอบ : เออ ก็เหมือนกันนั่นแหละ
ถาม : คำว่า สักกายทิฏฐิ เพียงคำเดียว ระหว่างพระโสดาบันกับพระอรหันต์มีอารมณ์เหมือนกันหรือไม่ และคำว่าสักกายทิฏฐิถ้าเปรียบเทียบกับคำว่าเหมือนลักษณะกับการเชิดหุ่นจะได้หรือไม่ ?
ตอบ : สักกายทิฏฐิจริง ๆ มันแปลว่า เห็นว่าตัวเราเป็นเรา เป็นของเรา คือมีความเห็นยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ ถ้าคุณเล่นเอาพระโสดาบันไปเปรียบกับพระอรหันต์มันผิดตั้งแต่ยกแรกแล้ว มันต้องเปรียบกับปุถุชนคนธรรมดา ปุถุชนคนธรรรมดาจะมีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา บอกว่าตัวนี้ไม่ใช่เรานี่มันเถียงตายชักเลย แต่พระโสดาบันความเห็นของท่านตัวนี้มันจะลดลงไปมาก ยิ่งเป็นพระสกิทาคามีพระอนาคามียิ่งลดลงไปเยอะใหญ่ ถ้าเป็นพระอรหันต์นี่ความเห็นตัวนี้ไม่มีเลย
ถ้าถามว่าเหมือนกับการเชิดหุ่นหรือเปล่า ถ้าหากว่าเป็นพระอริยเจ้าระดับสูงขึ้นไป ยิ่งเห็นว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรามากเท่าไหร่ ก็เห็นมันเป็นหุ่นมากเท่านั้น มันเป็นหุ่นที่เราอาศัยอยู่ข้างในเฉย ๆ
ถาม : มีคนเคยบอกว่าตอนเช้าถ้าเราตั้งอารมณ์อยู่ในพระนิพพาน แล้วเราไปใส่บาตรแก่พระภิกษุสงฆ์โดยทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งอารมณ์กรรมฐาน พระสงฆ์รูปนั้นจะลงนรกจริงหรือไม่ ?
ตอบ : เฮ้ย ไม่จริง เขาลงนรกเพราะว่าทำกรรมเอาไว้ ไม่ใช่เพราะมารับบาตรจากเรา อานิสงส์ที่มันจะได้มากก็เมื่อกี้บอกไปทีแล้วว่า เจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ตอนนี้ตัวเราตั้งอารมณ์พระนิพพานไว้ ตัวเราผู้ให้บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ฝ่ายทายก ปฏิคาหกฝ่ายผู้รับจะบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์ก็ช่างเขา อันนี้อานิสงส์มันก็จะบกพร่องไปตามส่วน คือส่วนใดส่วนหนึ่งไม่บริสุทธิ์ ก็ต้องลดไปประมาณ ๒๕%
ส่วนโทษที่มันจะเกิดขึ้นถึงขนาดตกนรกมันไม่ใช่ ที่จะตกนรกจะมีโทษมีอะไรแสดงว่าเขาเคยทำกรรมไว้ มันไม่ใช่ตกนรกเพราะมารับบาตรจากเรา เพราะถ้างั้นพระซวยหมดประเทศแน่เลย
ถาม : เขาเล่าให้ฟัง ?
ตอบ : อย่าเพิ่งเชื่อเขามากสิ เกิดเจอลูกศิษย์หลวงพ่อซักแสนคนระดมไปใส่บาตรทั่วประเทศ พระเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะพระมีประมาณสองแสนเศษเท่านั้น
ถาม : สมมติว่านักปฏิบัติคนหนึ่งตั้งใจจะไปนิพพานเพื่อความดับสูญถึงสุญญตา แต่ก็ไม่ทราบว่านิพพานเป็นดินแดน แต่ก็ยังอยากไปนิพพานเพื่อความเป็นสุญญตาอยู่ อย่างนี้เขาไปได้หรือไม่ ?
ตอบ : ไปไม่ได้เพราะมันไปยึดคำว่า สุญญตาอยู่ อะไร ๆ ก็อนัตตา อะไร ๆ ก็สุญญตา ผมไม่ยึดผมไม่เกาะ แต่เขาเกาะไอ้ ๒ คำนั้นแหละ มันต้องด่า คนที่จะหลุดพ้นได้จริง ๆ ท่านไม่เกาะอะไรเลย กระทั่งคำว่านิพพานก็ไม่เกาะ อันนี้พูดมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถึงเวลานั้นมันแค่รู้ว่าดีก็ทำรู้ว่าชั่วก็ละ แม้แต่ดีแต่ชั่วก็ไม่เกาะ อารมณ์นิพพานมันจะเต็มอยู่ในใจของท่านเอง ท่านนั่งอยู่ตรงไหนท่านก็นิพพานตรงนั้น เพราะว่านิพพานอยู่กับท่านแล้ว ตายเมื่อไหร่ท่านก็รู้ว่าไปนิพพานแน่นอน ถ้ายังไปยึดอนัตตาสุญญตาอยู่ ยึดแบบไม่ลืมหูลืมตาเสร็จแน่ ๆ ไปไม่ได้หรอก
ถาม : เดี๋ยวนี้คนบางกลุ่มมีรสนิยมทางเพศใหม่ คือคู่ผัวเมียแลกผัวแลกเมียนอนด้วยกันต่อหน้ากันแล้วมีความสุข อย่างนี้ผิดศีลข้อ ๓ อย่างเดียวหรือได้รับผลมากกว่านั้น ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเจ้าของอนุญาตไม่มีโทษ ว่าเขาไม่ได้นะ พวกสวิงกิ้ง เจ้าของอนุญาตไม่มีโทษ อย่าลืม มันจะมีโทษต่อเมื่อเราละเมิดสิ่งที่เจ้าของเขาหวง แถมให้อีกนิดหนึ่งเที่ยวโสเภณีไม่ผิดศีลข้อนี้ เพราะว่าเธอทั้งหลายเหล่านั้นประกาศตัวเป็นของกลางไปแล้วใครให้สตางค์ก็ไปได้
ถาม : อย่างเด็กฝรั่งพออายุ ๑๘ แล้ว ต้องแบบมีอะไรกันอย่างนี้ แต่เขาไม่ได้บอกพ่อแม่ เป็นที่รู้กัน พ่อแม่ก็ต้องรู้ ผิดไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่อนุญาตผิดทั้งนั้น
ถาม : อาจจะเป็นวัฒนธรรมของเขา พ่อแม่ก็รู้ว่าลูกของตัวเองต้องเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ไม่เกี่ยว เรื่องของธรรมะไม่เกี่ยวกับวัฒนธรรม
ถาม : แสดงว่าการที่เขาไปกับผู้ชาย พ่อแม่ไม่รู้ผิดทันที ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่อนุญาต ถึงรู้อยู่ไม่อนุญาตก็มีโทษ
ถาม : สมมติว่าผมไปเที่ยวอาร์ซีเอ ผมพาผู้หญิงไปนอนด้วยกับพาผู้หญิงดี ๆ ไปนอนด้วย โทษต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : เหมือนกันแหละ ก็ฉิมพลีนรกเหมือนกัน เพียงแต่ปีนต้นงิ้วนานกว่ากันเท่าไหร่เท่านั้นเอง
ถาม : อ๋อ คนดีก็มีระดับโทษต่างกันเหรอครับ ?
ตอบ : พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าไอ้คนไม่ดีอย่างที่คุณว่าน่ะ ถ้าเขาประกาศตัวเป็นสาธารณะก็โอเค แต่ถ้าเขาไม่ได้ประกาศตัวเป็นสาธารณะ คุณจะไปตราหน้าว่าเขาไม่ดีไม่ได้หรอก เสร็จหมด
ถาม : ก็ไม่สาธารณะครับ แต่ก็กึ่ง ๆ นะครับ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร อย่าพยายามไปคิดถึงมันไม่งั้นคุณเสร็จแน่ ๆ ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีไว้อย่างเดียวแล้ว อย่าไปหลงนึกถึงความชั่วส่วนนี้แล้วกัน ต้นงิ้วในนรกนี่นะหนามมันยาวกว่าศอกหนึ่งของอาตมาอีกแล้วมันไม่ได้อยู่เฉย ๆ ด้วย ถึงเวลามันเหมือนกับนิดเดียว พอวิ่งผ่านมันหน่อยมันดีโชะ ทะลุ สยอง ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรอกมันเคยทำมาเยอะต่อเยอะด้วยกัน เพียงแต่ว่ารู้ว่าผิดก็อย่าไปทำอีกเท่านั้น
ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ท่านใช้คำว่า บุคคลที่มีบิดาปกครอง บุคคลที่มีมารดาปกครองบุคคลที่มีบิดามารดาปกครอง บุคคลผู้มีพี่ชายปกครอง บุคคลผู้มีน้องชายปกครอง บุคคลผู้มีพี่สาวปกครอง บุคคลผู้มีน้องสาวปกครอง บุคคลผู้ถูกจองไว้แล้วด้วยพวงมาลัย อันนี้คงจะหมั้นกันแล้ว บุคคลผู้มีพระราชาปกครอง บุคคลที่มีธรรมปกครอง สรุปแล้วไม่รอดเลยซักราย ถ้าหากว่าเจ้าของไม่อนุญาตซะอย่างเสร็จแน่ ๆ
ถาม : พวกนักเรียนที่ชอบตีกัน ชอบทำร้ายบุคคลอื่น อย่างนี้เป็นพวกที่ถือกำเนิดมาจากที่ใด ?
ตอบ : (หัวเราะ) อันนี้ต้องใช้จุตูปปาตญาณไปดูทีละคนมันถึงจะบอกได้ ไม่ใช่ไปกวาดทั้งหมด แต่ว่านิสัยเดิม ๆ มันอาจจะมีอยู่ อย่าเพิ่งไปประณามเขาแล้วกัน แหมมันเล่นเหมาหมด เหมาหมดนี่ตอบไม่ได้ ถ้าถามทีละคนพอไหว
ถาม : หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อท่านกล่าวว่าต่อไปจะมีคนขึ้นมากคือพระองค์ใด ?
ตอบ : พระที่อยู่ในโบสถ์เก่าของวัดท่าซุง โบสถ์เก่าจะอยู่เยื้อง ๆ กับต้องใช้คำว่าคนละฝั่งถนนกับมณฑปแก้ว ตอนที่เราจะเดินเข้าไปตึกรับแขกใหม่ ซ้ายมือเป็นมณฑปแก้ว โบสถ์เก่าจะอยู่ขวามือ ตอนนี้เขาทำป้ายประกาศเรียบร้อยแล้วมุดเข้าไปเถอะ โบสถ์เก่า ๒ หลังมันต้องเจอซักหลังหนึ่ง
ถาม : องค์ที่ว่าพระเศียรขาดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ขาด มันปั้นเอาไว้บอกไม่ถูกว่าหน้าเหมือนอะไร เหมือนอีทีมั้ง เสร็จแล้วเลยต้องไปบูรณะใหม่ คนปั้นเจตนาดีแต่ฝีมือห่วยไปหน่อย
ถาม : คำว่า บูชา แปลว่าหรือมีความหมายว่าอย่างไร พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นผู้มีพระคุณสูงสุด การตอบแทนหรือกตัญญูกตเวทิตามีแนวทางปฏิบัติอย่างไรได้บ้าง ?
ตอบ : โอ้โหเว้ย ต้องเปิดตำราธรรมวิภาคตอบกันเลยนะนี่ บูชา แปลว่า น้อมถึงด้วยความเคารพ การที่เราจะทดแทนพระคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันนี้ท่านเรียกบุคคลประเภทหนึ่งว่า บุพพการีหรือบุพพการีคือผู้ทำคุณแก่เราก่อน หน้าที่ของเราก็คือกตัญญูกตเวทิตา แปลว่า รู้คุณแล้วตอบแทนท่าน บุคคลที่ทำคุณก่อนก็มีพระพุทธเจ้าสั่งสอนพระสาวก พระมหากษัตริย์ปกครองไพร่ฟ้าพลเมือง พ่อแม่ดูลูกหลานมา ครูบาอาจารย์ให้การสั่งสอนแก่ศิษย์
คราวนี้ท่านบอกว่าถ้าหากว่าเป็นพระพุทธเจ้าใช่มั้ย อันดับแรกก็เคารพท่านด้วยความจริงใจ อันดับที่สองปฏิบัติตามในสิ่งที่ท่านสอน อันดับที่สามเผยแผ่คำสอนของท่านเมื่อทำได้แล้ว จดทันมั้ย กว่าจะจบอีกนานหลายหน้าเหลือเกิน
ถาม : มีปัญหาที่ว่าเมื่อได้เห็นภาพหนังสือพิมพ์ที่มีรูปพระพุทธเจ้า กระดาษที่เขียนชื่อพระหรือรูปภาพของวัด เมื่อเห็นแล้วได้เก็บไว้เพราะว่าบางครั้งได้วางหล่นหรืออยู่ในที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือพื้น อีกทั้งยังมีซองผ้าป่าและกระดาษงานบุญ แต่เมื่อเก็บไว้มากขึ้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ?
ตอบ : เผา จ้ะ เผา โบราณท่านใช้คำว่าจำเริญ จำเริญนี่ท่านนิยมทำ ๒ อย่าง คือ ไม่เผาไฟก็ลอยน้ำไป ให้ขอขมาพระรัตนตรัยแล้วเผาไฟหรือลอยน้ำไปซะ แต่ว่าเรื่องของกระดาษเรื่องของอะไรนี่ ถ้าสมัยนี้มันเล่นชิ้นละ ๒,๐๐๐ ถ้าทิ้งน้ำโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นขอขมาพระแล้วก็เผาไปซะ มันจะได้ไม่เกิดโทษกับคนอื่นอีกต่อไป
ถาม : มีเรื่องอยู่ว่า มีบุคคลได้รับคำทำนายจากพระภิกษุที่เป็นหมอดูให้ทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการสร้างวัด หอระฆังภายในวัดหลายวัด สร้างอาคารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ภายในวัดหลาย ๆ วัดตามที่หมอดูบอก ต่อมาพบว่าพระหมอดูนั้นถูกแฉภายหลังว่าหลอกชาวบ้าน เขาจึงกล่าวว่าไม่น่าไปหลงเชื่อทำบุญขนาดนั้นเลย อุตส่าห์ทำบุญตั้งหลายอย่างตามคำบอกเล่าก็ไม่เห็นดีขึ้นเลย อยากจะกราบเรียนถามว่า การตั้งใจทำบุญเพื่อสะเดาะเคราะห์กำลังในบุญอยู่ระดับไหน และเมื่อมีความหม่นหมองในผลของทานที่ทำไปแล้ว กำลังบุญที่ทำไปแล้วจะสูญหายหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าทำไปแล้วจิตใจเศร้าหมองบุญนั้นลดลงไม่ถึงกับสูญหาย แต่ว่าไม่ใช่ว่าไม่ได้ สิ่งที่เขาทำทั้งหมดผลบุญเป็นของเขาอยู่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวคนคนนั้น อย่าลืมว่าสิ่งที่เขาทำที่คุณว่ามาน่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นโบสถ์ วิหาร หอระฆัง อะไรพวกนี้ เป็นวิหารทานถือเป็นทานสูงสุดของพระศาสนาก็ว่าได้ เว้นจากธรรมทานแล้วไม่มีอะไรที่สูงกว่าวิหารทานอีก เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วบุญมันใหญ่มาก
ถาม : ............................ ?
ตอบ : หันไปเถอะ ทิศไหนก็ได้ นึกถึงพระก่อนนอนแล้วกัน อาตมาหันทิศตะวันตกประจำเลย เพราะว่าหิ้งพระหันหน้าไปทิศตะวันออก เราหันหัวเข้าหาหิ้งพระมันก็ทิศตะวันตก ก่อนนอนนึกถึงพระไว้ก็จบ
ถาม : การตั้งใจทำบุญเพื่อสะเดาะเคราะห์ กำลังใจในบุญอยู่ระดับไหน ?
ตอบ : กำลังใจในบุญอยู่ระดับไหน ก็เจตนามันไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่ เพราะว่าไม่ได้ทำบุญเพื่อบุญจริง ๆ แต่ตั้งใจทำบุญเพื่อจะแก้ในส่วนที่ไม่ดีของตัวเอง ถามว่ากำลังบุญอยู่ระดับไหนต้องดูว่าเขาทำอะไร ถ้าเป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน มันก็เป็นบุญใหญ่มาก ถ้าเป็นอย่างอื่นบุญมันก็ลดลงไปหน่อย
ถาม : สมมติว่าเราลักทรัพย์มา ๑ บาท เราจะตกนรกประมาณกี่วันของโลกมนุษย์ ?
ตอบ : ต้องดูว่าทรัพย์นั้นเป็นของสงฆ์ไหม ถ้าทรัพย์นั้นเป็นของสงฆ์ ๑ บาทนี่ คุณซวยแน่ ๆ ลงอวเจีมหานรก ในอเวจีมหานรกนี่คุณลงแป๊บเดียว ข้างบนผ่านไปเป็นพัน ๆ ปีแล้ว นรกแต่ละขุมอายุเขาไม่เท่ากัน สัญชีวนรกซึ่งเป็นนรกขุมที่ตื้นที่สุด วันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๙ ล้านปีมนุษย์ กาฬสุตตนรกซึ่งเป็นนรกขุมถัดไป วันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๓๖ ล้านปีมนุษย์ สังฆาฏนรกวันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๑๑๔ ล้านปีมนุษย์ ไม่ต้องสงสัยทำไม่รู้ เคยลงมาเพราะฉะนั้นยิ่งขุมลึกเท่าไหร่ อายุมันยิ่งยาวขึ้น ๆ
เพราะฉะนั้นบาทนั้นถ้าทั่ว ๆ ไปมันก็ลงน้อยหน่อย แต่ถ้าเป็นเงินสงฆ์เมื่อไหร่คุณลงอเวจีนี่ซวยจริง ๆ เลยล่ะ อเวจีนี่แป๊บเดียวของเขาเรานี่ผ่านไปจนลืมโลกเลย
ถาม : คำว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี เป็นคำพูดของใคร และมีในพระไตรปิฎกหรือไม่ ?
ตอบ : ในพระไตรปิฎกไม่มี แต่ว่ามันเป็นคำพูดของปราชญ์ในยุคก่อน ที่ท่านผูกเอาไว้ คือมันเป็นการตกผลึกทางความคิด ท่านเห็นอยู่แล้วว่าถ้าเด็กมันจะได้ดีต้องเจอไม้หน่อย คนเราส่วนใหญ่คือไม่เฉพาะคนหรอกนะ ทั้งคนทั้งสัตว์มันมีสัญชาตญาณหลายอย่าง อย่างเช่นว่า สัญชาตญาณของการกลัวภัย สัญชาตญาณของการกิน สัญชาตญาณของการสืบพันธุ์เหล่านี้
คราวนี้ถ้าเขารู้ว่าเขาทำผิดแล้วจะโดนลงโทษ สัญชาตญาณของการกลัวภัยมันจะทำให้เขารู้จักป้องกันตัวเอง ในเมื่อเขารู้ว่าถ้าเขาทำถูกแล้วจะไม่โดนลงโทษ ทำผิดแล้วถึงโดนลงโทษ เขาพยายามจะทำถูกขึ้นมา ในเมื่อโบราณเขาสังเกตกันมาแล้ว ถึงได้สรุปออกมาเป็นความคิดชนิดที่เถียงได้ยากว่า รักวัวต้องผูก รักลูกต้องตี วัวถ้าไม่ผูกเดี๋ยวมันไปเกะกะ กินข้าวกินอะไรของบ้านอื่นแล้วมันจะยุ่ง ขณะเดียวกันลูกถ้าไม่ตีก็เอาดีได้ยาก
ถาม : เมื่อคราวที่แล้วได้ถามคำถามในทำนองนี้ไปบ้างแล้ว แต่ขอความกระจ่างเพิ่มขึ้นอีกว่าถ้าผู้ที่มีโอกาสได้โมทนาบุญกับพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ทั้งพระนิพพาน จะมีผลอย่างไรบ้าง และผู้ที่ดูถูกคนดังกล่าวจะมีผลอย่างไรบ้าง ?
ตอบ : จริง ๆ อันนี้เขาว่าอะไรนะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ใช่มั้ย การที่เราตั้งใจโมทนาบุญของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ในพระนิพพานนั่นน่ะ อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี ท่านเป็นทั้งพระพุทธเป็นทั้งพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าคือพระพุทธ พระอรหันต์คือพระสงฆ์ เราได้กรรมฐานใหญ่ ๒ กอง คือพุทธานุสติกับสังฆานุสติ แล้วจิตของเรายังเกาะอยู่ในด้านที่เป็นกุศลด้วยเพราะตั้งใจว่าท่านทำความดีอะไรเราพลอยยินดีด้วย อย่าลืมว่าพุทธานุสติกองเดียวพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าบุคคลที่ยึดมั่นในพุทธานุสติจะเข้าถึงพระนิพพานได้ง่ายที่สุด ก็พระพุทธเจ้าท่านไม่อยู่ที่ไหนนอกจากพระนิพพาน
อันนี้ก็คือว่าถ้าหากว่าทำแล้วมันจะได้ผลยังไง ก็ต้องสรุปรวบยอดว่าถ้าหากว่าใครทำได้จะสามารถเข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด ส่วนคนที่มันดูถูกถ้าหากว่าท่านทำดีทำถูก ตัวเองแค่คิดมันก็มีโทษแค่มโนกรรม เบาหน่อย แต่ถ้าคิดแล้วพูดออกเป็นทั้งมโนกรรมวจีกรรม ก็หนักขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าหากว่า คิดพูดแล้วยังทำอีกต่างหากลักษณะว่าขัดขวางบ้างอะไรบ้าง มันเป็นทั้งมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมครบถ้วนสมบูรณ์แบบ มีสิทธิ์ลงนรกได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นอย่ายุ่งกับเขาหมดเรื่อง เขาจะทำอะไรให้เขาทำเถอะ
|