ถาม:  อยู่กันเอง ๒ คนพี่น้อง รัชกาลที่ ๑ ท่านคงไม่ได้วางตัวกับน้องชายอยู่แล้ว ?
      ตอบ:   สมัยก่อนระเบียบวินัยในกองทัพมีอยู่ คนที่ถือดาบอาญาสิทธิ์ หรือถืออาญาสิทธิ์ในกองทัพ มีสิทธิ์ประหารได้ก่อนกราบทูล ก็เป็นการฝึกไปในตัวว่าคุณต้องทำใจให้ยอมรับให้ได้ เพราะฉะนั้นอยู่ ๆ วันดีคืนดี พี่ตัวเองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ก็ต้องยอมรับได้
      ถาม:  อ๋อ แสดงว่าสมัยก่อน รัชกาลที่ ๑ ตอนท่านเป็นแม่ทัพ ท่านก็ถือดาบอาญาสิทธิ์อยู่แล้ว ?
      ตอบ:   ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะว่าค่อย ๆ ไต่เต้าไป อย่างกรมพระราชวังบวรสถานมงคล คือ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท น้องชายท่าน ก็เริ่มจากตำแหน่งนายสุดจินดามหาดเล็ก พอตอนกรุงแตกก็พายเรือหนีพม่า
      ถาม:  เพราะว่าประวัติศาสตร์ อยู่ ๆ ก็มีรัชกาลที่ ๑ ท่านโผล่มา แล้วก็เป็นใหญ่เลย ?
      ตอบ:   ท่านค่อย ๆ ไป เริ่มจากตำแหน่งหลวงยกกระบัตร หลวงยกกระบัตรสมัยนี้ก็เหมือนกับปลัดอำเภอหรือปลัดจังหวัด ก็ไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งตำแหน่งสุดท้ายเป็นพระยาวชิรปราการ ซึ่งเป็นตำแหน่งเจ้าเมืองกำแพงเพชร เสร็จแล้วท่านไม่ทันได้ไปเพราะพม่าล้อมกรุงซะก่อน พม่าล้อมกรุงก็เลยต้องสลายตัว หลบออกไปเล่นใต้ดินอยู่ แต่ของเขาติดต่อกันอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ถ้ามาตำแหน่งท้าย ๆ ก็ขึ้นถึงสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ไม่ใช่อยู่ ๆ โผล่มา
      ถาม:  แต่เหมือนกับ คล้าย ๆ อยู่ ๆ ค่อยมามีเรื่องมีราวในประวัติศาสตร์ ?
      ตอบ:   ตอนสำคัญก็บันทึกไว้
      ถาม:  แล้วกรมพระราชวังบวร มาพร้อมกันไหมครับ ?
      ตอบ:   กรมพระราชวังบวร ส่วนใหญ่ติดตามออกทัพเดียวกัน พี่น้องเขารู้กันดี ส่วนใหญ่จะตามรัชกาลที่ ๑
      ถาม:  อ๋อ ท่านรู้ฝีมือกันอยู่แล้ พอตัวเองขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็เอาน้องชายขึ้นเป็นวังหน้า ?
      ตอบ:   ง่ายดี
      ถาม:  แต่ผมว่าต้องจงรักภักดีเหมือนกัน เห็นเขาบอกว่าสมัยก่อน ถ้าวังหน้าอยากเป็นกษัตริย์แทนรัชกาลที่ ๒ ก็ได้เลยนี่ ?
      ตอบ:   สมัยก่อนเขาว่าอย่าไปแข่งบุญแข่งบารมี เทียมเจ้าเทียมนาย อัปปรีย์จัญไรมันจะกินหัว สมัยนี้ตัวอัปปรีย์จัญไรไม่ค่อยมี ของเราไปที่พระที่นั่งวิมานเมฆ เจอลาดพระบาท พรมแดงที่เขาปูไว้ ก็เดินตัวลีบ ๆ เลาะข้างฝาไป คนอื่นก็ย่ำโครม ๆ ตามไป ถ้าเป็นสมัยก่อนโดนประหารเจ็ดชั่วโคตรเลยนะ
      ถาม:  เหยียบพรมนั่นเหรอครับ ?
      ตอบ:   เหยียบบนลาดพระบาท ถือว่าตีตนเสมอ
      ถาม:  อ๋อ ที่เขาปูเป็นทางให้เดิน?
      ตอบ:   แล้วคุณสังเกตดูสมัยนี้สิ มันย่ำตามพระเจ้าอยู่หัวเป็นแถว มีสมเด็จพระเทพฯ เดินข้างอยู่องค์เดียว
      ถาม:  .........................................
      ตอบ:   มาระยะหลังนี่สร้างกุฏิ พระเณรเขาขอร้องว่าส้วมอยู่ข้างนอกไปลำบาก ให้สร้างอยู่ข้างใน ไม่งั้นความเคยชินเราจะเอาส้วมไว้ข้างนอกตลอด สมัยก่อนโน้นคนที่จะมีส้วมอยู่ในที่ได้มีอย่างเดียวคือพระเจ้าแผ่นดิน
      ถาม:  แต่ยากจริงนะครับ จะให้ทรงอารมณ์เย็น ๆ แบบที่เคยเป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งที่รู้ดีนะ แต่ทำไมกลับทรงไม่ได้ก็ไม่รู้ ?
      ตอบ:   วันก่อนสรุปให้ใครฟังว่า เป็นเพราะยังไม่เข็ด ถ้าเข็ดแล้วมันตั้งหน้าตั้งตาทรงไปเอง ถ้ายังไม่เข็ดมันก็เบื่อ ๆ อยาก ๆ ตอนเบื่อก็ตั้งหน้าตั้งตาทำ พอตอนอยากขึ้นมาก็เลิก
      ถาม:  คาถาเงินล้าน ใช้ได้เฉพาะลูกหลานหลวงพ่อหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ:   ใช้ได้เฉพาะผู้ที่มีความเคารพและปฏิบัติตาม ซึ่งคนที่จะเคารพและปฏิบัติตาม ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นลูกหลานเท่านั้นแหละ เป็นคนอื่นมันก็ไม่เอาหรอก
      ถาม:  ศาลาสวยจริง ผมเห็นแล้วปิ๊งมากเลย แล้วหลวงพี่ท่านจะอยู่นี่ตลอดไหมครับ ?
      ตอบ:   สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ พระพุทธเจ้าท่านสอน ทุกอย่างไม่เที่ยง ถามว่าจะอยู่ตลอดไหม ตายแหง ๆ
      ถาม:  คืนวันไหนไม่รู้ผมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ก็ขี้เกียจถือไฟฉายไปจากุฏิที่เกาะกว่าจะไปถึงห้องน้ำก็ไกล เดินไปถึงเปิดประตูได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก ๆ เหมือนคนเดิน เราก็นึกว่าโดนแล้ว มานึกอีกที เอ๊ย มันไม่แน่หรอก หลวงพี่แสงอาจจะลุกมาพอดี เปิดไฟใช่จริง ๆ ถ้าไม่ใช่นะ ?
      ตอบ:   ก็ท่านน้อยไง บั้นไดสิบกว่าขั้น ก้าวสามทีถึงข้างบนเลย อภิญญาเกิดกระทันหัน
      ถาม:  โห บวชขนาดนี้ยังกลัวเหรอหลวงพี่ ?
      ตอบ:   โอ๊ย แกกลัวไปสารพัดเลยท่านน้อย วันก่อนงูเหลือมมากินไก่ พระไปจับมันก็ไล่ฉกพระ หลวงตาน้อยวิ่งไปหน้ากุฏิโน่น อยู่ทางกุฏิอาจารย์สมพงษ์ หลวงตาน้อยวิ่งไปตามอาตมายันฝั่งโน้น ส่วนหลวงตานัยเผ่นพรวดเข้ากุฏิอาจารย์พงษ์ได้ก็ล็อคประตู เพื่อนฝูงมึงไม่ต้องเข้าหรอก
      ถาม:  ตอนผมเอาพระ ๒๐ นิ้ว ๓๐ นิ้ว ไปส่งที่วัดท่าขนุน กว่าจะไปถึงวัดทำไมหมามันชอบแบบ มันเหมือนมันเล็งรถผม คันนี้มาต้องวิ่งตัดหน้า สุดท้ายแล้วไปสอยลูกหมาตัวเล็ก ๆ ที่วัดท่าขนุนตาย ผมยังแบบไม่น่าเลย แต่ก็เออ เอาวะ เดี๋ยวพาไปบวชไปสร้างพระด้วย ไม่ได้ตั้งใจขนาดถอยช้า ๆ ครับ พอเอ๋ง ๆ ให้เรารู้อีกที ทับมันแต๊ดแต๋ไปแล้ว อย่างนี้เขาจะอโหสิกรรมไหมครับ ?
      ตอบ:   จริง ๆ แล้ว มันมีกรรมเนื่องกันมาก่อน วาระและเวลามา ถึงต้องทำให้มาตายเพราะมือเรา อโหสิไม่อโหสิเรื่องของมัน ทำบุญให้มันก็แล้วกัน
      ถาม:  ...................................................................
      ตอบ:   รักษาให้ดีนะ เหรียญนั้นอายุเกิน ๒๕ ปี ไม่รู้ว่าอายุเกินคุณหรือเปล่า แต่เกิน ๒๕ แน่นอน สมัยก่อนหลวงพ่อท่านนิมนต์พระปฏิสัมภิทาญาณ มาให้ลูก ๆ ได้ทำบุญ ๑๐ กว่าองค์ องค์นั้นหนีเป็นองค์แรกเลย ท่านอยู่วัดจามเทวี
      ถาม:  ผู้ชายไปเที่ยวซ่องโสเภณี ผิดศีลข้อกาเมฯ ไหมครับ ?
      ตอบ:   ผู้ชายเที่ยวโสเภณีไม่ผิดศีล ไม่ผิดเพราะว่าเขาประกาศตัวว่าเป็นของกลาง ใครมีเงินไปหา ก็พร้อมจะบริการให้ เพราะฉะนั้นจะไม่ผิดศีลข้อกาเมฯ เขารู้อยู่แล้วว่าเขามีไว้ทำอะไร อย่าไปบ่อยนะ ระยะนี้เอดส์มันเยอะ
      ถาม:  การดำเนินอารมณ์ของเรา เวลาเข้าฌาน เวลาทรงฌาน เวลาสลับขึ้น สลับลง แล้วเราถอนมาอุปจารสมาธิ ถ้าพูดถึงเรื่องของแสง สี เสียง ทำไมจึงไม่มีปรากฏ ?
      ตอบ:   จะเอาแสง สี เสียง อะไร
      ถาม:  คือ พูดถึงเกี่ยวกับอำนาจทางด้าน...(ไม่ชัด)...?
      ตอบ:   กำลังที่เราใช้เป็นกำลังของฌาน ในเมื่อเป็นกำลังของฌาน ไม่ใช่กำลังขออุปจารสมาธิที่แท้จริง เขาต้องใช้อุปจารฌานแทนเพราะว่ามันแน่นเกินอุปจารสมาธิ ในเมื่อมันแน่นเกินอุปจารสมาธิจะไปเห็นแสงสีเสียงอะไร มันเห็นไม่ได้ยกเว้นว่าเราจะได้ฌาน ๔ คล่องตัวไปเลย
              เพราะฉะนั้น คนที่เริ่มได้ฌานสมาบัติตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปจะมีข้อเสียเปรียบอยู่ เหมือนกับมีห้องอยู่สองห้อง ข้างล่างคือห้องนี้ ข้างบนอีกห้องหนึ่ง ทุกอย่างมีสภาพเหมือนกันหมด อุปจารสมาธิคือห้องข้างล่าง สมารถเห็นอะไรก็ได้ ฌาน๔ คือห้องข้างบน เราเห็นอะไรก็ได้ แต่ในระหว่างบันไดจะไปเห็นอะไรไหม ? คุณก้าวขึ้นบันไดไปหน่อยหนึ่งแล้วนั่นน่ะ ไม่เรียกว่า อุปจารสมาธิแล้ว ต้องเรียกว่าอุปจารฌาน เพราะว่าความแน่นของมันมีมากกว่าอุปจารสมาธิปกติ
      ถาม:  อยากไปนี่เลยครับ พออ่านของหลวงปู่ครูบาที่ว่าพระเจดีย์ชเวดากองเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของทั้ง ๕ พระองค์ ในพุทธันดรนี้ ?
      ตอบ:   ไม่ใช่
      ถาม:  หมายถึงว่ามีทั้งของหรือว่าพระบรมสารีริกธาตุครบทั้ง ๕ พระองค์ ?
      ตอบ:   จะมีธารพระกร-ไม้เท้า ธรรกรก-หม้อกรองน้ำ พระเกศา แล้วแต่องค์จะให้อะไรมา
      ถาม:  การบนกรมหลวงชุมพร ?
      ตอบ:   การบนกรมหลวงชุมพร สำคัญตรงเวลา ถ้าทำตอนเช้า ให้ใช้ ๐๗.๕๐ น. ตอนบ่าย ๑๔.๕๐ น. ต้องตรงเวลา ห้ามพลาด ของที่ใช้บนท่าน ใช้หมูต้ม ๑ ชิ้น อย่างน้อยต้องครึ่งกิโลขึ้นไป ไก่ต้ม ๑ ตัว ข้าวปากหม้อ ๑ ถ้วย ข้าวที่หุงแล้ว เราตักขึ้นมาก่อน เรียกข้าวปากหม้อ ทองหยิบ ฝอยทอง อันนี้ตามสมควร ถ้าเราชอบกินก็ใส่เยอะหน่อย ขนมจีนน้ำพริก ๑ ชุด น้ำพริกนะจ๊ะ อย่างอื่นไม่เอา ของทั้งหมดวางบนผ้าขาวที่ปูกลางแจ้งเตรียมไว้ก่อนเวลา พอถึงเวลาเราก็จุดธูปบอกท่าน ขอให้ท่านช่วยตาม ทางสายเราก็จุด ๕ ดอกแล้วกัน ขอบารมีของท่านให้ช่วยตามคน ๆ นี้ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ หายไปเมื่อไหร่ ขอให้ตามกลับภายในครึ่งเดือน หรือเดือนหนึ่งอะไรก็ว่าไป ถ้าตายไปแล้ว ก็ขอให้ได้ข่าวภายใน ๓ วัน ๗ วัน อะไรก็ว่าไป แล้วสำคัญที่สุด ถ้าสำเร็จแล้ว จัดอย่างนี้ถวายท่านอีก ๑ ชุด เวลาเดิมสรุปว่า ได้หรือไม่ได้ ท่านต้องเจี๊ยะก่อน ๑ ชุด
      ถาม:  จุดธูปไว้ก่อนได้ไหม ?
      ตอบ:   พอถึงเวลาค่อยจุด จุดก่อนเดี๋ยวก็ผิดเวลาอีก เตรียมของให้เรียบร้อยก่อน
      ถาม:  บนดาดฟ้าได้ไหมคะ ?
      ตอบ:   ดาดฟ้าก็ได้ ที่ไหนก็ได้
      ถาม:  อปริหานิยธรรม ๗ คืออะไรบ้าง
      ตอบ:   อปริหานิยธรรม ๗ มีอยู่ในตำรา ยังไม่มีเวลาไปเปิด
      ถาม:  เล่มนี้ ผมไปเปิดดู สำหรับภิกษุสามเณร ไม่ทราบว่า ?
      ตอบ:   ไม่ใช่สำหรับภิกษุสามเณรคือว่า สำหรับคนทั่วไปก็ใช้ได้ เกี่ยวกับว่าต้องหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ เมื่อประชุมก็ต้องเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน จะอยู่ในลักษณะนี้ รวมแล้ว ๗ ข้อ ท่านบอกว่า ถ้าหน่วยงานไหนมี อปริหานิยมธรรมนี้อยู่ หน่วยงานนั้นจะตั้งมั่นได้ง่าย ประเทศชาติก็จะทรงตัวอยู่ได้ ไม่สูญเสียเอกราชให้กับใคร จะไปค้นคว้ามาให้ พระพุทธเจ้าตั้งแต่ตรัสรู้จนกระทั่งปรินิพพานจะเป็นเวลา ๔๕ พรรษา พรรษาสุดท้ายพระองค์จำพรรษาอยู่ที่เวฬุวคาม แคว้นวัชชี พอออกพรรษาแล้ว พระองค์ก็เดินทางเพื่อเตรียมจะไปนิพพานที่ กุสินารา พระองค์ถามพระอานนท์ว่า หมู่มัลลกษัตริย์ของแคว้นวัชชี ยังมีอปริหานิยธรรมทรงตัวอยู่เป็นปกติหรือไม่ พระอานนท์ทูลว่า ยังเป็นปกติอยู่ พระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่มีใครสามารถตีแคว้นนั้นได้ คือใครต้องการจะเอาเป็นเมืองขึ้น จะไปรบราฆ่าฟันอีท่าไหน ทำไม่สำเร็จหรอก
              แต่ตอนหลังพระเจ้าอชาตศัตรูท่านเก่ง ท่านส่งวัสสการพราหมณ์เข้าไปยุแหย่ซะจนเขาแตกแยกกันหมด แกล้งตีซะจนหลังลายแล้วไล่ออกจากเมืองไป วัสสการพราหมณ์พอเข้าไปอยู่ในแคว้นวัชชี เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว กษัตริย์แคว้นวัชชีก็เลยรับไว้ใช้งานให้อบรมพวกราชกุมาร ถึงเวลาก็ทำดีไปเรื่อย ๆ สักครึ่งค่อนปี
              คราวนี้ก็ลูกกษัตริย์เป็นร้อย ๆ นี้ ทางแคว้นวัชชี เขาปกครองโดยคณะกษัตริย์ที่เรียกว่าสามัคคีธรรม เหมือนกับรัฐสภาปัจจุบันนี้ ทุกคนออกเสียง เสียงหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ถึงเวลาอบรม ราชกุมารเป็นร้อย ๆ เมื่อเลิกอบรมก็เรียกตัวไว้คนหนึ่ง พาหายเงียบเข้าไปในห้อง ไม่นานก็ปล่อย พวกก็ถามว่าอาจารย์สอนอะไรให้ ไม่ได้สอนหรอก เรียกเข้าไปนั่งเฉย ๆ ก็ไม่มีใครเชื่อ เดี๋ยวเรียกเข้าไปอีกคนก็อย่างนั้นน่ะ ไป ๆ มา ๆ ลูกก็ระแวงกันเอง แกได้วิชาจากอาจารย์มากกว่า ก็ไปฟ้องพ่อ พ่อก็ระแวงกันเอง ทะเลาะกันไป ทะเลาะกันมา ถึงเวลาประชุมก็ไม่ประชุม แตกแยกกันไปหมด วัสสการพราหมณ์ เห็นเขาแตกแยกสามัคคีกันดีแล้ว ก็แอบส่งข่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรู แคว้นวัชชีก็เลยแตก เพราะขาดอปริหานิยธรรม ไม่น่าเชื่อ แต่ว่าเป็นส่วนของ คล้าย ๆ กับว่าไม่ใช่ธรรมะเพื่อการปฏิบัติที่แท้จริง ก็เลยไม่ค่อยได้จดจำเอาไว้ จำได้คร่าว ๆ อยู่หน่อยเดียว ต้องขอเวลาไปค้นนิดหนึ่ง
      ถาม:  พระเจ้าอชาตศัตรู บั้นปลายเป็นอย่างไร ?
      ตอบ:   บั้นปลายเป็นอย่างไร ก็เข้าวัดเข้าวาเป็นปกติ สนับสนุนพระพุทธศาสนาอย่างที่เรียกว่าทุ่มเท และก็เป็นองค์ศาสนูปถัมภกในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรก โทษจากอนันตริยกรรม ที่จะต้องลงอเวจีมหานรก เพราะฆ่าพ่อ ก็เลยเหลือแค่สัญชีพนรกเท่านั้น ถือว่าเป็นรกขุมเล็กที่สุด ตื้นที่สุด ระยะเวลาน้อยที่สุด แต่ยังไงนรก มันก็เป็นนรก จะให้สบายย่อมไม่ได้
      ถาม:  .....ทำกับพ่อ เป็นขั้นเป็นตอน เจตนาชัดเกินไป ?
      ตอบ:   ก็คงเป็นกรรมของพระเจ้าพิมพิสารด้วย เพราะว่าวาระสุดท้ายพอดีเลย ที่พระมเหสีของพระเจ้าอชาตศัตรูประสูติพระกุมารออกมา มองเห็นลูกปั๊บ ความรักลูกท่วมท้นหัวใจ เลยรู้ว่า อ๋อ ที่แท้พ่อเราก็รักเราอย่างนี้นี่เอง ก็เลยบอกราชบุรุษรีบไปปล่อยพ่อออกมา ไม่ทันแล้ว พ่อโดนทรมานตายไปก่อน ตายไปวันเดียวกันนั่นแหละ ตัวเองได้ลูก พ่อก็ตายพอดี แล้วท่านก็เลยนอนฝันร้ายอยู่ทุกคืน จนกระทั่งไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็เลยเทศน์ให้ฟัง สามารถนอนหลับเป็นปกติได้ ท่านก็เลยดีใจ ปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ กลายเป็นกำลังใหญ่ในการสนับสนุนพระพุทธศาสนาไป
      ถาม:  แล้วมากลับตัวจากพระเทวทัตได้ยังไง ?
      ตอบ:   ตอนหลังพระเทวทัตท่านโดนธรณีสูบไป พระองค์ท่านก็ฝันร้ายอยู่ทุกคืน กลัวจะโดนบ้าง พอพระพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟัง ต้องบอกว่าน่าเสียดาย ถ้าไม่ต้องอนันตริยกรรม จะมีโอกาสได้มรรคผลไปเลย บังเอิญว่าฆ่าพ่อไปเสียแล้ว เป็นอนันตริยกรรม ไม่มีโอกาสจะได้มรรคผลน่าเสียดาย
      ถาม:  ถ้าจิตไม่สงบมันไม่เกิด ถ้าจิตสงบนิ่งดีมันจะเกิด ?
      ตอบ:   นิมิต มันมี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกนิมิตเกิดจากทิพจักขุญาณ พอจิตเริ่มเป็นอุปจารสมาธิ นิมิตต่าง ๆ ก็จะเริ่มปรากฏเป็นปกติ อีกอย่างหนึ่งเป็นนิมิตจากกองกรรมฐาน อย่างเช่นว่า เราเพ่งกสิณหรือว่าจับภาพพระเป็นพุทธานุสสติ ถ้าเป็นนิมิตที่เกิดขึ้นจากกองกรรมฐาน เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้ตั้งใจจับภาพนั้นสืบเนื่องต่อไป แต่ถ้าหากว่าเป็นนิมิตอย่างอื่น ที่มาโดยไม่ใช่เป็นนิมิตที่ตรงตามกองกรรมฐาน อย่าไปสนใจ
      ถาม:  ปฏิบัติแล้วห่วงร่างกาย
      ตอบ:   จำไว้ว่า การปฏิบัติกรรมฐาน ไม่ใช่แต่มโนมยิทธิเต็มกำลัง จะเป็นกรรมฐานอะไรก็แล้วแต่ เขาห้ามห่วงร่างกาย คราวนี้หายงงหรือยังว่า ทำไมเราทำทีไรติด ไปไม่ได้ซักที เพราะเราไปห่วงมันอยู่ อะไรจะเกิดขึ้นกับมันตอนนั้น ช่างมัน ตายก็ช่าง เราทำกรรมดีอยู่ เราต้องไปดีแน่นอน ต้องตัดใจให้ได้อย่างนั้นถึงจะไปได้ ไม่ใช่อะไรเกิดขึ้นนิดหนึ่ง ก็ไปกังวลอยู่กับมัน หน่อยหนึ่งก็ไปกังวลอยู่กับมัน มันจะโยกก็ไปกังวลอยู่กับมัน มันจะโยนก็ไปกังวลอยู่กับมัน พังแน่ ๆ
      ถาม:  การใช้คาถา
      ตอบ:   คาถาทุกบท สำคัญอยู่ตรงเราต้องทำจริงจังและสม่ำเสมอ แล้วจะมีผล จริง ๆ ก็คือสำคัญตรงสมาธิของเรา ถ้าสมาธิทรงตัวต้องการจะให้เป็นอย่างไร มันก็เป็นอย่างนั้น
              ดังนั้นว่า คาถาทุกบท เขาบอกบทนี้ใช้เพื่ออะไร บทนั้นใช้เพื่ออะไร ถ้าไม่มีสมาธิรองรับใช้ไม่ได้หรอกจ้ะ คาถาเป็นบาท คือเบื้องต้นของอภิญญา คนจะทำอภิญญาต้องทำจริงจังสม่ำเสมอ ดังนั้นถ้าจะทำคาถา ต้องทำจริง ๆ จึงจะเกิดผล คาถา รากศัพท์มาจากคำว่า กถา ของบาลี กถา แปลว่า วาจาเป็นเครื่องกล่าว
              คราวนี้ สมัยนี้เขามักจะว่าเป็นถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม คนไหนท่องบ่น ก็จะเกิดผลขึ้นตามที่ปรารถนา ความหมายเพี้ยนไปหน่อย แต่จริง ๆ แล้ว คำพูดของคนทุกคน เรียกว่า คาถา ทั้งนั้น คาถา วาจาเป็นเครื่องกล่าว
      ถาม:  ฤกษ์พรหมประสิทธิ์
      ตอบ:   ข้าวกระสอบหนึ่ง ดีกว่าถังหนึ่งไหมล่ะ ทั้งหมดดีใช้ได้ทั้งหมด จะเรียกว่าดีมาก ดีมากว่า ดีมากที่สุด เท่าที่ประสบการณ์ผ่านมา มีอยู่วันหนึ่ง โยมมาขอฤกษ์ หลวงพ่อท่านให้วันศุกร์ ๑๔ ค่ำไป เราก็รู้อยู่ว่าวันศุกร์ ๑๔ ค่ำ โบราณเรียกว่าวันสมตน คือเสมอตัว ก็กราบเรียนหลวงพ่อ ทำไมให้แค่นั้นล่ะครับ ท่านบอกว่าของดีเกินไป ก็ไม่แน่ว่าจะดีสำหรับเขา ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ ถ้ามันมีแรงแค่ข้าวสาร ๑ ถัง ถ้าเราไปให้กระสอบหนึ่ง เขาก็มีสิทธิ์โดนทับแบน
              มันมีอยู่อย่างหนึ่ง เขาเรียกว่า ดิถีพิฆาต ก็คือมันจะเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ไป จะเป็นอาทิตย์ ๑๒ ค่ำ ขึ้นหรือแรมก็ได้นะจ๊ะ วันจันทร์๑๑ ค่ำ วันอังคาร ๗ ค่ำ วันพุธ ๓ ค่ำ วันพฤหัสบดี ๖ ค่ำ วันศุกร์ ๙ ค่ำ วันเสาร์ ๘ ค่ำ ดิถีพิฆาตนี่ไม่ใช่ไม่ดี มันดีเกินไป อย่างวันศุกร์ ๙ ค่ำ วันเสาร์ ๘ ค่ำ นี่ เขาให้เป็นฤกษ์สร้างโบสถ์อย่างเดียว ห้ามสร้างบ้านเด็ดขาดเลย ถ้าหากว่าบุญไม่ดีพอนี่ ไม่ได้เรื่องแน่เลย อย่างน้อย ๆ ต้องสร้างบารมีกันมาอย่างมหาศาล
      ถาม:  จะดีหรือไม่ครับ ผมเกิดเสาร์ ๘ ค่ำ ?
      ตอบ:   อ๋อ เกิดไม่เกี่ยว หมายถึงว่าทำการทำงานอะไรไปหาฤกษ์นี้ วันเกิดมันต้องวันอังคาร เดือน ๓ ปีขาล โบราณเขาเรียกตรีวัน คือถ้าหากว่าเดือนซ้ำปีอีก หรือว่าวันซ้ำเดือน หรือว่าวันซ้ำปีอะไรอย่างนี้ เขาเรียกกระทิงวัน อย่างเช่นว่า เกิดวันอาทิตย์ เดือนอ้าย อย่างงี้ วันอาทิตย์ก็เลข ๑ เดือนอ้าย ก็เลข ๑ แต่ถ้าหากว่าครบทั้ง ๓ เลย อย่างวันอังคาร เลข ๓ ปีขาล เลข ๓ เดือน ๓ เลข ๓ อันนี้เขาเรียกตรีวัน ประเภทนี้นี่ ส่วนใหญ่ประเภทแข็งจนหักไม่ลง มันดีเกินเหตุไป หนุมานก็เกิดวันนี้ วันอังคาร เดือน ๓ ปีขาล
      ถาม:  เอาพระมาให้ดู
      ตอบ:   นางพญา วัดต้นจันทน์สุโขทัย สร้างสมัยพระร่วง
      ถาม:  ยังพอหาได้ไหมครับ ?
      ตอบ:   ได้ ๒๐ ล้าน (หัวเราะ) คราวที่แล้วที่เขาให้ประมูล
      ถาม:  อันนั้นพระสมเด็จ ?
      ตอบ:   ก็เขาใช้คำว่า ของพวกนี้ ยิ่งเก่ายิ่งแพง มาระยะนี้พวกนักเล่นพระมาจากไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลย์ ฮ่องกง เขาเข้ามาในตลาดไทย พวกนี้เขาเงินถึง เขาทุ่มไม่อั้น กวาดไปเยอะแล้ว
      ถาม:  ...(ไม่ชัด)...?
      ตอบ:   หลวงพ่อท่านบอกแล้วว่า ถ้าเป็นของท่านนี่ รุ่นท้ายสุด ดีที่สุด ไม่ต้องไปหาเก่า ๆ หาแค่สมัยวัดท่าซุงก็พอ มันยิ่งนาน ยิ่งดี
      ถาม:  ทำไมหรือครับ ?
      ตอบ:   มันก็เหมือนกับความรู้คน สะสมมันก็มากขึ้นไปเรื่อย
      ถาม:  หมายถึงว่า ยิ่งเก่ายิ่งดี หรือว่ารุ่นหลังยิ่งดี ?
      ตอบ:   รุ่นหลังยิ่งดี
      ถาม:  ลักษณะของนางพญาต้นจันทน์ เป็นไงครับ ?
      ตอบ:   เป็นเนื้อดินเผา ออกแดง ๆ