ถาม:  วันนั้นไปเขาเอาประทัดกันเป็นร้อย ๆ เลยค่ะ เขาบอกว่าเอาพระมาถวายแล้วก็ชาวบ้านก็เลยให้จุดกันชอบ จริง ๆ แล้ว ?
      ตอบ:   สมัยก่อนเขาจุดประทัดเพื่อเป็นสัญญาณว่าคณะบุญมาแล้ว จะเป็นพวกผ้าป่าอะไรอย่างนี้ เพื่อให้พระจะได้เตรียมตัว จะได้รู้แต่ไกล ๆ แหม! ทุ่งมันประเภทกว้างหลาย ๆ กิโลนี่ แล้วเขาจุดประทัดได้ยินไปถึงวัด เขาจะได้รู้ พระจะได้เตรียมตัวห่มผ้าลงมานั่งรอที่หอสวดมนต์หรือศาลาการเปรียญ สมัยนี้มันก็เลยประเภทจุดเอามัน ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สมัยนี้ไม่ต้องจุดหรอก โทรมือถือมีจ้ะ โทรไปบอกมาถึงแล้วก็หมดเรื่อง
      ถาม:  (ไม่ชัด)
      ตอบ:   ปล่อยเขาเถอะ ส่วนใหญ่ไปถึงวัดจะเจอประวัติพิลึกพิลั่นพิสดารเข้าด้วย แล้วรูปที่หลวงปู่ปานมีป้ายแขวนคอ เขาละนิยมกันนักแหละ รูปนั้นช่างมันแต่งขึ้นมา สมัยก่อนมันจะเป็นฟิล์มขาวดำ แล้วเขาแต่งกันได้ใช่ไหม ? เขียนเพิ่มได้ เขาก็แต่งขึ้นมามีหนวดมีเครา ไม่ใช่แต่หลวงปู่ปานโดนคนเดียวหรอก สมัยนั้นหลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อจาดวัดบางกระเบา หลวงพ่ออี๋วัดสัตหีบ หลวงพ่อโด่วัดนามะตูม โดนทั้งนั้นแหละ มันแต่งฟิล์มเอา คือมันเห็นว่าขลังไง
      ถาม:  เขาบอกว่ามีพระธุดงค์สายหลวงพ่อฤๅษี(ไม่ชัด) ไปเจอหลวงพ่อฤๅษีลิงเล็กและหลวงพ่อฤๅษีลิงขาวที่ป่าเมืองกาญจน์ พระธุดงค์องค์นั้นใช่หลวงพี่หรือเปล่าคะ ?
      ตอบ:   ไม่ใช่จ้ะ อาตมาไม่เคยเจอท่านที่ป่าเมืองกาญจน์ เมืองกาญจน์ป่ามันหมดไปนานแล้ว ท่านไปอยู่เชียงตุงตั้ง ๔๐ กว่าปีแล้ว
      ถาม:  เขาบอกว่าพระธุดงค์สายหลวงพ่อฤๅษีองค์นั้นบอกเขาว่าเจอ
      ตอบ:   จ้ะ เพียงแต่ว่าเคยได้ตำราเกี่ยวกับการพิสูจน์พระของท่านน่ะ ที่ว่าทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าพระองค์นั้นดีหรือไม่ดี มาตอนหลังให้หลวงพี่ชัยวัฒน์ไป หลวงพี่ชัยวัฒน์ก็เลยเอาไปลง ถ้าไม่ใช่ในลูกศิษย์บันทึกก็คงเป็นพระราชพรหมยานมหาเถรานุสรณ์ละมั้ง
      ถาม:  การพิสูจน์พระที่เป็น ๆ หรือพระที่ (ไม่ชัด)
      ตอบ:   พระที่เป็น ๆ นี่จ้ะ ดีจริงหรือไม่ดีจริง นั่นแหละหลวงพ่อฤๅษีลิงขาวและหลวงพ่อฤๅษีลิงเล็กท่านเขียนไว้ ท่านใช้คำว่า บทพิสูจน์นักบุญ
      ถาม:  ท่านเขียนหรือคะ แล้วได้มาเหรอคะ ?
      ตอบ:   เขียนจ้ะ ก็ได้มาจากหลวงพ่อนะจ้ะ
      ถาม:  เรื่องผ้ายันต์ (ไม่ชัด) ที่แจกที่เป็นสี ๆ อันนั้นอานุภาพ ?
      ตอบ:   จริง ๆ ก็ทำขึ้นมาป้องกันจ้ะ แต่เขาก็เอาไปใช้สารพัดเหมือนกัน เมื่อเช้านี้โยมสองคนที่อยู่น่ะ โยมสองคนที่มาช่วงเช้า เมื่อเดือนก่อนโน้น เขาตามไปที่วัด เขาไปถามหาผ้ายันต์เพราะว่าเขาเปิดร้านเสริมสวยร่วมหุ้นกับเพื่อน แล้วคราวนี้คนเข้าร้านเยอะมาก วันหนึ่งเป็นร้อย ๆ เลย เขาบอกปกติร้านเสริมสวยนี่วันหนึ่ง ๒๐ คนนี่ถือว่ามากแล้ว พอถึงเวลาหมดสัญญาขึ้นมาเพื่อนเขาก็ไปเช่าร้านใหม่ทำเอง แล้วเขาก็แกะเอาผ้ายันต์ไปด้วย แล้วตั้งแต่นั้นมาคนของเขาทางด้านนี้ก็หายจ้อยไปเลย เขาก็เลยย่องตามไปดูที่ร้านโน้นว่ามีอะไรดี ไปเห็นผ้ายันต์เขียนว่า วัดท่าขนุน เขาก็ตามไปวัด ขับรถซะร้องโอ๊กเลย ไม่นึกว่าทางมันจะไกลอย่างนั้น เขาว่า พอไปวัดเราบอกว่าแจกแต่ที่นี่ อยากได้ต้นเดือนให้มาเอาต้นเดือนที่แล้ว เขาก็มาเอาไป เมื่อเช้ามารายงานว่า คนเยอะเหมือนเดิมแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าถ้าเรื่องของพุทธานุภาพท่านใช้คำว่า “พุทโธ อัปมาโน” คุณพระคุณเจ้าหาประมาณไม่ได้ เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วก็คือได้ทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าเรื่องผ้ายันต์เกราะเพชร ทำมาจริง ๆ ก็คือต้องการให้ป้องกันอันตราย
      ถาม:  ที่บอกว่า ให้เอาไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดของทุกชิ้นจะมีเทวดาคุ้มครอง ?
      ตอบ:   คือถ้าหากว่า พุทธาภิเษกถูกต้อง เชิญพระเชิญเทวดาได้นี่ ถึงวาระถึงเวลาแล้วพรหมหรือเทวดาที่ท่านมาสงเคราะห์ โดยเฉพาะ ท้าวสหัมบดีพรหม หรือท่านปู่พระอินทร์ ท่านก็จะให้เทวดาองค์ไหนรักษาวัตถุมงคลชิ้นไหน จะมอบหมายหน้าที่ไปเลย ไม่ต้องห่วงหรอก ทำมากี่ล้านชิ้นก็เหลือเฟือที่จะดูแล เอาอย่างหลวงพี่มหาดำก็ได้ หลวงพี่มหาดำพระมหาสันติ สันติญาโณ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณคีรี วัดขี้เหล็กบางกอกน้อย ไปขอหลวงพ่อ ขอชนวนหล่อสมเด็จองค์ปฐมจากหลวงพ่อเอาไปหล่อพระ หลวงพ่อก็ให้ ช่างเนียร ข้อหนึ่งประมาณข้อนิ้ว หลวงพี่ดำก็ตั้งใจจะสร้างพระ แกก็ไปฝนลักษณะแบบหินลับมีดอย่างนั้นแหละ ก็จะได้เศษโลหะหน่อยหนึ่งไปผสมน้ำแล้วก็เอาไปให้ช่าง เอาไปเป็นชนวน หวงขนาดนั้นน่ะ
              อีกรายหนึ่งที่ด่านช้าง เขาทำไร่อ้อย คราวนี้ปีนั้นเพี้ยะมันลงเยอะมาก ปรากฏว่าแกไปขอน้ำมนต์ที่หลวงพ่อ เอาน้ำใส่ขวดน้ำปลาไปสองขวด บอกหลวงพ่อว่า ขอน้ำมนต์ไปรดไร่อ้อยกันเพี้ยะหน่อย หลวงพ่อก็ทำให้...เสร็จแล้วปรากฏว่า ไร่ของแกมันไม่เป็นเพี้ยะ ไร่เพื่อนบ้านเป็นหมด ถามแกว่าทำยังไง บอกตั้งถังสองร้อยลิตรตรงหัวไร่ แล้วก็จัดการเทมาหนึ่งฝาผสม (หัวเราะ) แล้วก็ใช้เครื่องปั้มดูดฉีดเข้าไปในไร่ เขาบอกว่า ตอนฉีดฉันก็นึกภาพหลวงพ่อเดินลุยทะลุไร่ไปเลย ได้ผลจริง ๆ เสร็จแล้วใครไม่ต้องไปขอหรอก หวง...บหายเลย (หัวเราะ) ใครอยากได้ ไปหาหลวงพ่อที่วัดเอง
      ถาม:  กล่องภาชนะผมไม่กล้าทิ้ง เก็บไว้ด้วยก็ดีใช่ไหมครับ ?
      ตอบ:   เคี้ยวกลืนลงท้องไปด้วยก็ดี
      ถาม:  ได้ชื่อฉายาก็ใช้ชื่อและฉายา แต่ที่เขาไม่ใช้กัน แต่ไปตั้งเองให้ดูเก๋ ๆ ผิดหรือเปล่าคะ ?
      ตอบ:   ถ้าเป็นทางพม่า พอบวชแล้วจะมีแต่ชื่อพระ ชื่อฆราวาสนี่ เขาจะเลิกใช้ไปโดยเด็ดขาดเลย แต่ทางบ้านเรานี่ ในหนังสือสุทธิเขาจะลงชื่อ นามสกุล ลงฉายาพระเอาไว้ ถ้าใช้ตามแบบของพระ ก็ใช้แต่ชื่อกับฉายาทางพระ นามสกุลไม่ได้ใช้ แต่ถ้าไปโรงพยาบาล ๆ จะเอานามสกุลด้วย ก็ให้เขาไป ส่วนหลาย ๆ ท่าน ประเภทเห็นว่าชื่อที่ให้มา มันไม่เท่ห์พอก็ไปตั้งเป็นโน่นเป็นนี่เหมือนกัน
      ถาม:  แล้วถ้าไปตั้งชื่อตรงกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ?
      ตอบ:   อันนั้นก็ต้องดูเจตนาของท่าน
      ถามปทปรมะ ของที่เราพูด ๆ กันหมายถึงว่า เขาสอนไม่ได้พระพุทธเจ้าไม่ยอมสอน (ไม่ชัด)
      ตอบ:   ถ้าเขาเปลี่ยนจริตนิสัยในส่วนนั้นของเขาได้ ก็มีโอกาส ส่วนใหญ่ท้าย ๆ พอสร้างบารมีมากขึ้น ๆ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันจะมีมากขึ้นในเมื่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมีมากขึ้นถึงวาระถึงเวลาที่กุศลกรรมหนุนส่ง มีโอกาสฟังธรรมไม่ว่าจากพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี หรือว่าพระโพธิสัตว์ หรือท่านผู้อยู่ในศีล ในธรรม แล้วหวนกลับมาปฏิบัติ พอเห็นจริงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริง สามารถทำได้จริง ท่านยอมรับขึ้นมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านก็จะหวนกลับมาอยู่ในลักษณะเป็นผู้ที่สอนได้
      ถาม:  แต่ก็ต้องเป็นไปตามขั้น ๆ ?
      ตอบ:   เป็นไปตามขั้น จริง ๆ แล้ว ปทปรมะนี่ท่านไม่ได้โง่ ในความหมายของเราคิดว่าท่านโง่ ท่านฉลาดเกินไป จนไม่ยอมรับความคิดคนอื่น เคยเจอคนประเภทนี้มั้ยล่ะ ? ฉลาดเกินไปจนไม่ยอมรับความคิดคนอื่นเยอะมากเลย ประเภทนี้แหละ ปทปรมะเลยแหละ เพราะปทปรมะเป็นภาษาบาลี แปลว่า มากด้วยบทบาท ไอ้พวกรู้มาก ถ้ามากอะไรนั่นน่ะ รวมทั้งอาตมาด้วย (หัวเราะ)
      ถาม:  แล้วคนที่เป็นนอกศาสนา แบบเป็นพราหมณ์คือเขานับถือเทพเจ้า แบบนี้เขาเรียก ?
      ตอบ:   เขาเป็นเดียรถีย์ คำว่า “เดียรถีย์”แปลว่า ผู้ที่อยู่นอกศาสนา
      ถาม:  ถ้าพวกเดียรถีย์พวกนี้ เอามาเทียบกับหมาที่ชอบฟังเทปหลวงพ่อ กับพวกที่ไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้านี่ (ไม่ชัด)
      ตอบ:   ถ้าในภพภูมิคนดีกว่า เพราะภูมิมนุษย์สูงกว่าภูมิสัตว์ เดรัจฉานอยู่แล้ว แต่ถ้านับถึงหลักปฏิบัติหมาดีกว่า เพราะว่าหมาก็ยังฟังเทศน์ฟังธรรม แต่คนไม่ได้ฟังเลย
      ถาม:  กรรมที่เราได้รับอย่างพวกที่เป็นหมา เขาจะได้รับมั้ยคะ
      ตอบ:   ก็มันโดนเตะมั้ยล่ะ เผลอ ๆ ก็รถทับตาย คือมันจะเล็กจะน้อยก็ตามต้องรับอยู่แล้ว
      ถาม:  มีคนเขาบอกว่า เขาเป็นเดรัจฉานแล้วก็ไม่มี...
      ตอบ:   ถามมันดูสิ บางตัวนี่โดนยิงซะพรุน ถ้าไม่ต้องรับกรรม มันจะไปโดนทำไม บางตัวนี่รถทับ ไม่ทับเปล่า คันหลังมาทับกลายเป็นบะช่อกระจายเต็มถนนเลย ถ้าไม่ต้องรับกรรม แล้วทำไมเขาโดนอย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลที่ทำกรรมมาแล้วจะไม่ต้องรับกรรมนั้น ยกเว้นว่าหลุดพ้นไปเลย ไม่ว่าจะเป็นพระอรหันต์หรืออะไรก็ตาม ถ้าหากว่ายังมีขันธ์ห้าคือร่างกายนี้อยู่กรรมมันหาทางสนองจนได้แม้แต่พระพุทธเจ้า มันยังเอาจนวาระสุดท้าย
      ถาม:  โทษก็เท่า ๆ กับคน ?
      ตอบ:   ก็ดูว่าทำมาเท่าไหร่ ทำมากก็ได้เยอะหน่อย คนขยันนี่ ทำน้อยก็รับน้อยหน่อย
      ถาม:  ถ้าหนูเอาที่เขี่ยบุหรี่ไปเป็นของขวัญวันปีใหม่ พระที่ท่านสูบบุหรี่ บาปหรือเปล่าคะ ?
      ตอบ:   มันจะไปบาปตรงไหน ให้ท่านดีใจมั้ยล่ะ ? ให้ไปเถอะ การให้น่ะ แล้วอีกอย่างมันก็เป็นสิ่งที่ท่านจะใช้อยู่แล้ว
      ถาม:  กลัวว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ท่านเสียสุขภาพ
      ตอบ:   บุหรี่ไม่เกี่ยวจ้ะ สนับสนุนให้เสียสุขภาพ นั่นท่านเต็มใจเสียเอง บุหรี่ไม่ผิดศีลด้วย
      ถาม:  แล้วอย่างนี้ จะเป็นสามีทานหรือเปล่าคะ ?
      ตอบ:   ก็ถ้าหากว่า เป็นของดีที่สุดที่เรามี มันก็ใช่แหละ แต่เพียงว่าอย่าให้มีลักษณะว่าเราใช้เองก่อนละกัน ถ้าเราใช้เองมันจะเป็นทาสทานถ้าหากว่ายังไม่ได้ใช้เป็นของที่เราจะใช้มันก็กลายเป็นสหายทาน
      ถาม:  บอกว่ารักหลวงปู่ฟั่นมาก ทราบหรือเปล่าว่าช่วงหลัง ๆ นี่ท่านละสังขารเพราะว่าญาติโยม(ไม่ชัด)
      ตอบ:   อันนั้นไม่ได้ใส่ใจเลยจ้ะ เพราะเราไม่ค่อยนิยมกวนพระอยู่แล้วแล้วมาจนถึงทุกวันนี้ก็เลยกลายเป็นพระที่ไม่ยอมให้โยมกวนอีก ถึงเวลาก็ไล่ ๆ เรื่องนั้นน่ะ มันอยู่ที่พระท่าน ถ้าเป็นเรื่องที่สมควรจะสงเคราะห์ท่านก็รับ แล้วส่วนใหญ่ก็แหมหนุ่ม ๆ มันก็ไม่ใช้ ต้องรอให้แก่แล้วค่อยขลัง ไปขลังตอนแก่ก็แย่เหมือนกัน ใช้ตอนแก่มันเหนื่อยกว่าตอนหนุ่มหลายเท่านี่ก็เสร็จล่ะสิ อาตมาตอนนี้งดกิจนิมนต์ทั่วไปเรียบร้อยแล้วจ้ะ ใครนิมนต์ตอนนี้ก็ไม่ไป ยกเว้นเรื่องเพื่อส่วนรวมในการสงเคราะห์คนหมู่มากจริง ๆ ซึ่งจะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
      ถาม:  ถ้ากวนพระแบบที่ท่านเห็นสมควรก็คือว่า คนที่ยินดีในการที่มีคนไปกวนนั้นไม่บาปใช่มั้ยคะ ?
      ตอบ:   ถ้าสมควรท่านก็รับ ถ้าไม่สมควรท่านก็ไม่รับ ของอาตมานี่ สมควรน้อย ไม่สมควรเยอะ
      ถาม:  (ไม่ชัด)
      ตอบ:   เด็ก ๆ จิตใจเขาฟุ้งซ่านน้อยกว่า ความใสสะอาดของจิตมีมากกว่า ตัวทิพจักขุญาณก็เลยเป็นได้ง่าย ของเก่ามีนี่ถ้ามันใช้ตรงช่อง กำลังใจตรงช่องมันได้ทั้งนั้นแหละ
      ถาม:  คุณพ่อหนูจะตามใจมาก จะไม่ค่อยที่จะสอน ยังไงก็ปล่อยก็จะเป็นเฉพาะกับคุณพ่อ ถ้าอยู่กับหนูก็ไม่เป็น พ่อก็หาว่าดุลูกเลยกลัว เหมือนเขารู้เองว่าอยู่กับคนนี้เขาต้องทำตัวแบบนี้ อยู่กับคนนั้น ต้องทำตัวแบบนั้น แล้วอย่างนี้ในอนาคต ?
      ตอบ:   ไม่ต้องกังวล ทุกคนมีกรรมเป็นของตัว ถ้าเขาทำดีมาถึงวาระถึงเวลากรรมก็ชักให้เขาไปดีเอง ของเราเข้าวัดอายุเท่าไหร่ ? แล้วเปรียบกับเขาดูสิ ยังไงก็สู้ลูกไม่ได้หรอก ถึงเราจะเป๋ไปเยอะก็เถอะ ตอนนี้เราก็เลี้ยวกลับมาแล้ว
      ถาม:  ลำน้ำกะสะมันคือ? มีจริง ๆ ?
      ตอบ:   แม่กะสะอยู่หลังทุ่งใหญ่จ้ะ มันจะไหลเข้าพม่าไปลงแม่น้ำสุริยะ จริง ๆ จะเรียกว่าห้วยก็ได้นะ แต่มันเป็นห้วยใหญ่หน่อย
      ถาม:  มันมีปลาคล้าย ๆ ปลาไหลร้องอ้อแอ้ ตัวยาว ๆ ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า ?
      ตอบ:   ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เห็นว่ามันเป็นยังไง
      ถาม:  เขาบอกว่า ร้องเสียงเหมือนเด็กทารกค่ะ
      ตอบ:   ร้องเหมือนเด็กทารกไม่ใช่ปลาไหล เป็นซาลามานเดอร์ ซาลามานเดอร์ลักษณะคล้าย ๆ ปลาไหล แต่มันจะมีขาสั้น ๆ สี่ขา
      ถาม:  แต่มันอยู่ในน้ำเหรอคะ ?
      ตอบ:   คนจีนเขาเรียกปลาทารก อัวอัวฮื้อ มันอยู่ในน้ำ ครึ่งน้ำครี่งบก บนบกก็อยู่ได้ ในน้ำก็อยู่ได้ ตัวแก่ ๆ นี่ฉลาดเป็นกรดเลย (หัวเราะ) ไม่ใช่ปลาไหลนะ ซาลามานเดอร์ คนไทยเรียกพวกกระท่าง บางคนเรียกจิ้งจกน้ำ มันจะมีขาเล็ก ๆ อยู่ ตัวมันคล้าย ๆ ปลาไหลนั่นแหละ แต่มันจะมีขาเล็ก ๆ อยู่ คนจีนเขาบอกว่า ถ้าตัวไหนอายุเป็นร้อยปี เขาเอามาปรุงยาอายุวัฒนะ (หัวเราะ) คนจีนอะไร ๆ มันก็คว้ามาเป็นยาไปหมด
      ถาม:  ช้างน้ำเขาอยู่คล้ายช้างตัวใหญ่ ๆ เป็นกลุ่ม ?
      ตอบ:   ลักษณะเป็นอย่างนั้น แต่ว่าเขาอยู่ได้ทั้งในน้ำ ทั้งบนบก
      ถาม:  เขาจัดเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ?
      ตอบ:   เรียกว่า ครึ่งบกครึ่งน้ำแล้วกันง่ายดี แล้วช้างน้ำนี่มันแปลก ฝรั่งเขาก็เจอกัน ไม่ใช่แต่คนไทย ในบันทึกโลกลี้ลับของอาเธอร์ ซี คลาก เขาเขียนถึงร้อยเอกฟรานเซ่นเป็นชาวสเปนไปเที่ยว กรุงไนโรบี ในเคนยาหายไปสองปี กลับออกมาอีกที เป็นมาลาเรียมางอมเลย เพื่อนก็ถามว่าหายหัวไปไหนมา เขาบอกว่าตามไปเฝ้าดูช้างโขลงหนึ่งเป็นช้างตัวเล็ก ๆ อยู่ได้ทั้งในน้ำ ทั้งบนบก ลองคิดดูไนโรบี ในเคนยาต่างกับเราคนล่ะซีกโลกเลย เสร็จแล้วเขาก็มาลาเรียขึ้นสมองตาย เพื่อนก็เลยคิดว่ามันเพ้อเพราะฤทธิ์มาลาเรียแต่เขาก็บันทึกเอาไว้ เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องแปลก และที่แน่ ๆ คือ เขามีหนังกับงามาด้วย เป็นเครื่องยืนยันด้วย คนก็เลยไม่กล้าปักใจเชื่อว่า เป็นเรื่องเพ้อไปเพราะฤทธิ์มาลาเรียหรือเปล่า ? แต่เขาบอกว่าหนังนั่นคลี่ออกมาเต็มที่แล้วนะ ได้แค่ ๕ ฟุต ถ้าห่อกลับไปก็ประมาณ ๒ ฟุตครึ่ง แล้วนึกถึงภาพมันปล่องขึ้นมาอีก มันเหลือเท่าไหร่ ตีซะว่าฟุตครึ่ง มันก็จะเป็นหมูตัวอ้วน ๆ น่ารัก (หัวเราะ) แต่ว่าจากงาที่เคยเห็นมาสามคู่ มันจะเล็กประมาณนิ้วก้อย ยาวกว่านิ้วก้อยสักครึ่งหนึ่ง ราว ๆ เท่าครึ่งของนิ้วก้อย เพราะฉะนั้นถ้าตัวขนาดนั้นก็ใกล้เคียงไง แล้วที่เขาถามว่า ทำไมที่จับได้มีแต่ตัวเล็ก ๆ พวกนั้นมันคือ ลูกสัตว์ มันซนทุกตัวแหละ เจอคนไม่ค่อยหนีหรอก มันจะวิ่งมาเล่นด้วยท่าเดียว มันไม่รู้หรอกคนอันตรายแค่ไหน
      ถาม:  ช้างงาดำ เขาเป็นช้างงาดำจริง ๆ หรือว่า ?
      ตอบ:   ดำจริง ๆ จ้ะ
      ถาม:  เป็นพันธุกรรมแฝงที่เสีย หรือว่าเป็นอาถรรพ์ ?
      ตอบ:   โบราณเขาถือว่าจะต้องเป็นช้างที่ลักษณะช้างสำคัญคือ ช้างเผือก หรือว่าช้างที่เป็นโพธิสัตว์ มันเป็นของคู่บุญประจำตัวเขา เหมือนกับแมวตาเพชรอะไรแบบนี้