ถาม: (ไม่ชัด) ท่านจะไปเป็นองค์สุดท้าย
ตอบ: องค์นั้นพระไภษัชยคุรุ พระไภษัชยคุรุ คนจีนเรียกตี่จั๊ง ท่านตั้งมโนปณานไว้ว่า ตราบใดที่ยังมีสัตว์โลกเวียนว่ายอยู่ในวัฎฏสงสาร ตราบนั้นท่านจะไม่เข้านิพพาน พระไภษัชคุรุ คำว่าตั้งนานนี่มันนานมาก......... ลากเสียงยาว ๓ กิโลเมตร ยังยาวไม่เท่า ที่สร้างพระกริ่งรูปพระไภษัชคุรุ พระกริ่งพิชัยสงครามนั่นแหละ ต้องกำลังใจระดับนั้น เพราะว่าการจะตัดเคราะห์ตัดกรรมให้กับคน ถ้าเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าท่านจะยอมรับกฎของกรรม แต่พระโพธิสัตว์นี่ ถ้าเพื่อความสุขผู้อื่นบางทีท่านก็ฝืนกรรมเอา แล้วกำลังท่านสูงซะด้วย ท่านฝืนได้นี่
ถาม : ท่านได้รับพุทธพยากรณ์รึยัง ?
ตอบ: น่าจะได้แล้ว แต่คราวนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานเท่าไหร่
ถาม : เวลาอาราธนานึกถึงท่าน....?
ตอบ: ไม่ต้องหรอก นึกถึงพระพุทธเจ้าก็พอแล้ว องค์ไหนก็ได้ พระพุทธเจ้าทั้งหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระอรหันต์ทั้งหมด พรหมทั้งหมด เทวดาทั้งหมด พระโพธิสัตว์ปัจจุบันถ้าไม่ใช่พรหมก็เทวดา
ถาม : ถ้ายังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ ในยุคพระศรีอาริย์จะได้มั้ย ?
ตอบ: ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทันมั้ย เพราะว่าถ้าคุณเพิ่งคิดอย่างงี้ มันก็อีกนาน ไม่เป็นไรหรอก เจอพระพุทธเจ้าต่ำ ๆ ซัก ๑ ล้านองค์ เดี๋ยวก็ได้รับพยากรณ์เอง ไม่ใช่ ๑ ล้านพุทธันดร นับไม่ได้เลย เพราะพุทธันดรนี่ช่วงองค์หนึ่งถึงองค์หนึ่งใช่มั้ย แล้วมันต้องกัปเดียวกันด้วยนะ ถ้าต่างกัปนี่บางทีมันต่างกันลิบโลก จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่าทีปังกรแล้วโลกว่างจากพระพุทธเจ้าศาสนาไป ๑ อสงไขยกัปพอดีเลย ๑ อสงไขยกัป แล้วเสร็จแล้วก็มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่าโกณฑัญญะ เกิดขึ้นองค์เดียว
สมัยสมเด็จพระพุทธเจ้าทีปังกรท่านมี ๔ องค์ คือ สมเด็จพระพุทธเจ้ามีนามว่า ตัณหังกร เมธังกร สรณังกร ทีปังกร ๔ องค์ แล้วก็ว่างไป ๑ อสงไขยกัปเต็ม ๆ แล้วก็มาสมัยพระพุทธเจ้ามีนามว่า มังคละ กับสุมนะ ขึ้นมา ๒ องค์ แล้วก็ว่างไปอีก ๑ อสงไขยเต็ม ๆ สะใจ ถ้าไปเจออย่างนั้นเข้าก็อ่วม
พยายามดูทุกข์ให้เห็น พยายามเกาะนิพพานให้ได้ พยายามศึกษาว่าธรรมอันใด ทำให้คนเข้าสู่นิพพานได้ง่าย ยิ่งทำได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งได้รับพุทธพยากรณ์เร็วเท่านั้น ต้องรู้ละเอียดกว่าผู้อื่นอย่างน้อย ๔ เท่า
ถ้ากำลังใจผ่องใสมั่นคง ความปรารถนานั้นก็จะสามารถที่จะเข้าถึงได้ง่าย เพราะว่าจิตใจผ่องใสมั่นคงกำลังมันสูง
ถาม : เจาะจงถวายสังฆทานให้ จะได้อยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้น ?
ตอบ: ดูว่าตัวคนทำได้เท่าไหร่ ตัวคนทำได้เท่าไหร่ ตัวคนรับได้เท่านั้น แต่ว่าตัวปัตตานุโมทนามัย มีข้อยกเว้นอยู่นิดหนึ่งว่าต้องให้คนทำได้ก่อน ตัวเราถึงจะได้
เพราะฉะนั้น ถ้าหากกำลังใจของเราอย่างเช่นว่า เราทำบุญกรรมฐาน บุญกรรมฐานถ้าจิตเข้าถึงฌาน ตีซะว่าปฐมฌานหยาบก็แล้วกัน ปฐมฌานหยาบกำลังจะได้เป็นพรหมชั้นที่ ๑ ที่เรียบกว่าปาริสัชชาพรหม คนที่โมทนาบุญก็จะได้ตรงนั้นเลย เพราะฉะนั้น คนทำได้เท่าไร คนโมทนาได้เท่านั้น ไอ้กูจะเอา นั่นไม่ใช่นะ ไอ้กูจะเอานั่นตั้งกำลังใจผิด ปัตตานุโมทนามัย ยินดีในผลบุญของคนอื่นที่เขาได้ทำ ขณะที่เราไม่มีโอกาสได้ทำบุญอันนั้น ไม่ใช่สาธุ กูจะเอา นั่นเด็กเข้าใจผิดหมด
ถาม : วันที่ ๕ ธันวาคม คนเอาดอกไม้ไปถวายรูปในหลวง มีอานิสงส์ไหม ?
ตอบ: มี เพราะว่า...กล่าวถึงโน่นดีกว่า ถูปารหาบุคคล บุคลลที่สมควรสร้างสถูปคือเจดีย์ไว้บูชา พระพุทธเจ้าบอกว่าประกอบด้วย ๑.องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒.พระปัจเจกพุทธเจ้า ๓.พระอรหันต์ ๔.พระเจ้าจักรพรรดิ บุคคล ๔ ประเภทนี้สมควรสร้างสถูปขึ้นบรรจุอัฐิไว้เป็นที่บูชา เพราะว่าผู้ใดผู้หนึ่งตั้งใจถวายท่านด้วยความเคารพ อย่างน้อยอานิสงส์ก็จะได้ไปสุคติ สุคตินี้ต่ำสุดก็สวรรค์ขึ้นไป
เพราะว่าพระเจ้าจักรพรรดิจะเป็นผู้ประกอบด้วยศีลด้วยธรรม สั่งสอนคนให้อยู่ในศีลในธรรมเป็นปกติ คราวนี้เรามาดูในหลวงของเรา ว่ามีจริยาแบบนั่นไหมล่ะ ? ในเมื่อในหลวงของเราท่านมีจริยาแบบนั้น คนที่ตั้งใจบูชาก็เหมือนบูชาพระเจ้าจักรพรรดิ อีกอย่างหนึ่งท่านก็ว่าเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำก็เพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสั่งสอนมาล้วนแต่อยู่ในศีลในธรรมทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าตั้งใจบูชาท่าน คุณความดีก็เหมือนกับบูชาพระเจ้าจักรพรรดิ เคยได้ยินไหม ถูปารหาบุคคล บุคคลที่ควรสร้างสถูปเจดีย์ไว้บรรจุอัฐเพื่อบูชาท่าน พระอานนท์ท่านละเอียดจริง ๆ ก่อนพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ท่านถามละเอียดยิบเลยว่าต้องทำอย่างไร ? แต่ละขั้นตอนแบบไหน ๆ จะจัดงานพระศพอย่างไร ? ถามหมด ขาดอยู่อย่างเดียวแหละ ไม่ได้ถามว่าศีลข้อไหนที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้เพิกถอนได้ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์ สืบไปในสมัยข้างหน้า สิกขาบทบางสิกขาบท ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ตถาคตอนุญาตให้สงฆ์สวดเพื่อเพิกถอนสิกขาบทนั้นได้ คือให้ประกาศยกเลิกได้
คราวนี้พระอานนท์ไม่ได้ถามว่าข้อไหน ด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้าก็เลยไม่มีใครประกาศยกเลิก ก็เลยคาราคาซังมาจนทุกวันนี้ อย่างข้อห้ามจับเงินอย่างนี้ ปัจจุบันนี้ไม่เหมาะสมแล้ว เพราะว่าไปไหนก็ต้องใช้ เป็นเราจะละเอียดแบบนั้นไหม ท่านถามหมด จะจัดการพระศพอย่างไร ? ท่านบอกว่าจัดการพระศพของท่านเหมือนกับพระเจ้าจักรพรรดิ แล้วพระเจ้าจักรพรรดิจัดการพระศพอย่างไร ? ท่านก็บอกว่าให้ห่อด้วยผ้าขาว ๕๐๐ ชั้น สำลี ๕๐๐ ชั้น สลับกัน แล้วนำลงในรางทองคำที่บรรจุด้วยน้ำมันหอม จุดไฟเผา แล้วถึงเวลาเก็บอัฐิจะทำอย่างไร ? ก็ให้บรรจุไว้ในเจดีย์เพื่อให้เขาบูชา
ถาม : อาราธนาทำน้ำมนต์รดคนที่โดนของ ?
ตอบ: ได้เลย ว่าไปเลยเต็ม ๆ ตั้งใจสวดอิติปิโสด้วยความเคารพนะ ขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ให้รักษาโรคในกายของเขาให้หายโดยฉับพลัน เสร็จแล้วจะรดหรือให้เขากินก็ว่าไปเลย เพราะว่าพระกริ่งพิชัยสงคราม นี่ทำมาทุกด้านจริง ๆ นะ ขนาดคนต้องการด้านลาภด้านผล เขาไปบนเพื่อให้ได้โน่นได้นี่ก็ดี เอาไปค้าขายก็ดี ก็ได้ผล แต่ว่าถ้าหากใช้เพื่อป้องกัน ให้ใช้คาถา มหาวิชชโยโหหิ อสังวาโส สัมปะติจฉามิ ถ้าหากว่าใช้ในการรักษาโรคภัย ทำเป็นน้ำมนต์ให้เสกด้วย อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ ถ้าหากว่าจะใช้ในลักษณะให้ลาภ ก็ให้ควบกับคาถาเงินล้าน แล้วอาตมาก็มีสิทธิ์สร้างได้แค่นั้นแหละ ห้ามทำอีกแล้ว ใครมีก็โชคดีไป ตอนนี้รุ่น ๑ เหลืออยู่ ๔๗ องค์ รุ่น ๒ ยังเหลืออยู่ ๕-๖๐๐ องค์ ยังไง ๆ ก็ราคาเดียวกัน ๑๐,๐๐๐ ถ้วน ๆ กว่ามันจะรู้ว่าดีก็รอให้คนอื่นลือกันไปก่อนนะ
เนี่ย... ผ้ายันต์ เมื่อซัก ๒ อาทิตย์ที่แล้วมามีคนบุกตามไปถึงที่วัดเลย จะตื้อเอาให้ได้ บอกว่าแจกเฉพาะที่นี่เท่านั้น ไล่เขากลับแล้วมันก็ตามมาเอาที่นี่ไปจนได้ เพราะว่าเพื่อนเขาได้ไปแล้ว ไปติดร้านเสริมสวยบอกว่าคนเข้าวันเป็นร้อยเลย เขาบอกว่าร้านเสริมสวย คนเข้าวันละ ๒๐ ก็ถือว่ามากแล้ว คราวนี้พอหมดสัญญาเช่ามันย้ายร้านแกะเอายันต์ไปด้วย เขาบอกคนก็หายเงียบไปเลย เลยตามไปดูว่ามันเป็นของที่ไหน พอเห็นวัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มันตามไปถึงเลย ขับรถไปก็คร่ำครวญไป ทำไมมันไกลขนาดนี้ ไปถึงยังไม่ได้อีก ไล่กลับมาอย่างเลือดเย็นเลย บอกให้มาเอาที่นี่ เขาตามมาเอาจริง ๆ มันอยากได้มากขนาดนั้น คิดดูเราทำมาเพื่อการป้องกัน แต่อย่างว่าพุทธานุภาพ พุทโธอัปมาโน เขาบูชาด้วยความเคารพจริง ๆ ตั้งใจอธิษฐานขอให้เป็นเรื่องการทำมาหากินก็ยังได้
แบบเดียวกับสมัยที่อยู่วัดท่าซุง พอหลวงพ่อทำมีดหมอชาตรีรุ่นแรก เราเองก็รู้ว่ามีดหมอป้องกันภัย รักษาโรค ติดตัวเป็นมหาอำนาจ ก็อยากจะลองดูว่าด้านลาภผลเป็นยังไง ตอนเช้าตั้งใจบูชาพระ หยิบมีดหมอมาอธิษฐาน ขอทดสอบดูหน่อยว่าด้านลาภผลเป็นยังไง วันนี้จะออกบิณฑบาตแล้ว ปรากฏว่าแทบตายเลย กับข้าวถุงอย่างเดียว ๔ เข่งใหญ่ ๆ บอกเลิกสงสัยไปเลย ขนาดด้านลาภที่ไม่ใช่เรื่องโดยตรง ยังขนาดนี้ แล้วเรื่องของการที่ประเภทป้องกันภัยรักษาโรคที่เป็นหน้าที่โดยตรงนี่ ไม่ต้องพูดถึงเลย ใครอยากลอง ลองเถอะ
ถาม : มีดหมอทำไมต้องทำปลอกด้วย ?
ตอบ: ควรจะทำปลอกไว้ เพราะว่ามีดหมอด้ามฤๅษี เขาไม่มีปลอกให้ แต่ว่าหลวงพ่อท่านตกลงกับท้าวมหาราชาว่า ถ้าใครชักมีดหมอออกจากฝัก แปลว่าต้องการความช่วยเหลือแล้ว ดังนั้นอย่าไปชักสุ่มสี่สุ่มห้า พอเย็นนั้นทำมีดหมอเสร็จ คงประมาณทุ่มครึ่ง ก็จะจัดจำหน่ายเดี๋ยวนั้นเลย เพราะว่ามีแค่ ๘๕๐ ด้าม ปรากฏว่ารุ่งขึ้น หลวงพ่อท่านฉันเช้าไปก็หัวเราะไป ท่านบอกว่าท้าวมหาราชท่านมาฟ้องว่าลูก ๆ ของหลวงพ่อ ชักมีดหมอเล่น ทำให้ท่านเตรียมพร้อมมาเก้อ ตกลงกันเลยนะว่าถ้าชักมีดหมอเมื่อไหร่ ท่านต้องเตรียมกองทัพเทวดาของท่านไว้เตรียมช่วยเหลือเลย มันเหมือนอย่างกับให้สัญญาณภัยไว้ในมือ มึงกริ๊งกูกริ๊ง เล่นเอาท่านวิ่งวุ่นไปเลย ปรากฏว่าไม่มีใครใช้ นอกจากมาชักดูด้วยความชื่นชม ของกูสวยอย่างนั้นของมึงสวยอย่างนี้
หลวงพ่อบอกเสร็จเลย ไม่ค่อยมีใครกล้าชัก จะชักแต่ละทีก็ต้องบอกท่านก่อนว่าจะใช้งานอะไร หรือไม่ก็วันนี้เอามาทำความสะอาดนะครับ อย่าวิ่งเก้อ ต้องบอกท่านก่อนนะ ไม่งั้นยุ่งเลย เท่าที่เจอ ๆ มา คือ ไอ้พวกผีเข้า ถ้าพกมีดหมอหลวงพ่ออยู่ ไม่ทันได้ใช้หรอก เหยียบบันไดบ้านมันเผ่นหนีแล้ว
ถาม : แล้วดาบฟ้าฟื้นล่ะครับ ?
ตอบ: ก็แบบเดียวกัน ดาบฟ้าฟื้นนี้คือมีดหมอรุ่นแรกของท่าน
ถาม : หายากสิครับ
ตอบ: ก็หายาก ได้รุ่นหลังไว้พอแล้ว หลวงพ่อท่านบอกเลยว่า ของของท่านน่ะ จำไว้เลยว่าหารุ่นสุดท้ายไว้ให้ดีที่สุด เพราะว่าถ้าพระก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดีมาช่วยในการพุทธาภิเษกครั้งนี้ มีอานุภาพเท่าไหร่ ครั้งต่อไปจะไม่ต่ำกว่านี้ แต่ถ้ามีพิเศษเมื่อไร ท่านจะบอกเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นรุ่นสุดท้ายจะดีที่สุด เราอย่าไปหารุ่นแรกเลย หลวงพ่อท่านบอกเอาไว้อย่างนั้น ของอาตมา ถ้าพระกริ่งพิชัยสงคราม ก็หารุ่นสองเหอะ อย่าไปหารุ่นแรกเลย แต่ราคาเท่ากันซะแล้ว
พวกตำรวจถือว่าอยู่ติดวัดคนละฝั่งน้ำเอง เราบอกว่าถ้าตะวันตกดินเมื่อไหร่ขึ้นราคา ก็ไม่เชื่อ พอรุ่งเช้ามาเจอองค์ละหมื่นร้องจ๊ากไปเลย สมน้ำหน้า
มีอยู่รายหนึ่งวิ่งมาถึง อีก ๑๕นาที จะ ๖ โมงเย็น เอาไป ๓ องค์ บอกว่ายังไม่ ๖ โมงเย็นครับ ยังไม่ถือว่าตะวันตกดิน เออ...แล้วไป ให้ก็ได้ไอ้พวกตัดสินใจช้า มันต้องเจอของแพงให้เข็ด นี่ติดเอาไว้ในรถ ถึงเวลาต้องใช้เองด้วย มีติดตัวอยู่องค์หนึ่ง ติดรถอยู่องค์หนึ่ง เดี๋ยวหาว่าเราทำเองแล้วไม่ใช้เอง เรารู้ว่าดีเราต้องใช้เองด้วย
ถาม : มีดหมอหลวงพ่อเดิมท่านสั่งไว้เหมือนหลวงพ่อรึเปล่า ?
ตอบ: ลักษณะคล้าย ๆ กัน ว่าต้องลำบากจริง ๆ แต่ว่าของหลวงพ่อเรานี่จะมีสมเด็จคำข้าว สมเด็จคำข้าวนี่ท่านอนุญาตให้ว่า ภายในชีวิตหนึ่ง ขอได้ไม่เกิน ๓ ครั้ง จะต้องประเภทลำบากชนิดเลือดตากระเด็นจริง ๆ ท่านบอกให้หากุหลาบ ๓ สี คือ สีขาว สีเหลือง สีแดง อย่างละ ๑๐ ดอก จัดใส่แจกันบูชาพระตั้งพานปูผ้าขาว เอาสมเด็จคำข้าววางบูชาบนพาน หลังจากนั้นสวดอิติปิโสฯ บูชา เสร็จแล้วให้ภาวนาคาถาเงินล้าน ประมาณ ๑ ชั่วโมง ทำอย่างนี้ติดต่อกัน ๗ วัน แล้วต้องเปลี่ยนดอกไม้ทุกวันด้วยนะ พอวันสุดท้ายทำเรียบร้อยแล้วให้อธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนา
แต่ท่านบอกเอาไว้ว่า ถ้าไม่ถึงขนาดเลือดตากระเด็นจริง ๆ อย่าเพิ่งไปขอ เพราะโควตามีแค่ ๓ ครั้งเท่านั้น ไม่ใช่ว่ากูมี ๓๐ องค์ กูล่อซะ ๙๐ ครั้ง ๓๐ องค์ก็ ๓ ครั้งเหมือนกัน อาตมายังไม่เคยขอซักครั้ง รู้สึกคุณแสงชัยขอไปทีหนึ่งล่ะ
ถาม : ได้มั้ย ?
ตอบ: ได้ ทำไมไม่ได้
ถาม : มีคนจะทำ แต่หาดอกไม้ไม่พอ
ตอบ: นั่นแหละก็เลยพาอาตมาลำบากไปด้วย แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็ทุกข์เบาลง เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าซื้อนะ ซื้อมาตุนไว้ก็ได้เลยมั้ง ซื้อมาตุนไว้ใส่ถุงพลาสติก แล้วก็แช่เอาไว้ในตู้เย็น คงจะไม่เหี่ยวหรอก ต้องใช้ ๗ วันติดกัน เดี๋ยวหาไม่ได้จะยุ่ง สีแดงหาได้เป็นปกติหรอก สีไหนหายากตุนไว้ก่อน ต้องทำ ๗ วันต่อเนื่องกัน ภาวนาคาถาเงินล้าน ภาวนาช้า ๆ ทำด้วยความเคารพต่อเนื่องประมาณ ๑ ชั่วโมง กี่จบช่างมัน ๗ วันติดกันเท่ากับว่าบังคับให้เราแลกด้วยความดีสูงสุดเลย ทาน ศีล ภาวนา
ถาม : ต้องถือศีล ๘ มั้ย ?
ตอบ: ทำอะไรก็ได้ ยิ่งประเภทบริสุทธิ์เท่าไหร่ ผลก็ยิ่งเกิดง่ายเท่านั้น เพราะฉะนั้นกรณีนี้ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จำเอาไว้ก็พอ สั่งเสียลูกหลานต่อ ๆ ไป
ถาม : แล้วพระหางหมากล่ะคะ ?
ตอบ: ไม่ได้บอกไว้จ้ะ บอกไว้แต่สมเด็จคำข้าว แล้วอันนี้อาตมาเองไม่ได้ยินกับหู ได้ยินว่าท่านบอกที่สายลม ลูกศิษย์หลวงพ่อ ข่าวมันแพร่เร็ว ขนาดบอกอยู่ที่สายลมไม่กี่นาทีนี่ถึงอเมริกาแล้ว ก็เลยจำ ๆ เอาไว้ ไม่รู้คนอื่นเขายังจำหรือเปล่า ตอนแรกเราก็คิดว่า เรามีหลาย ๆ องค์ เราก็ขอองค์ละ ๓ ครั้ง ๆ ปรากฏว่าถ้าของ่ายขนาดนั้น ก็ไม่ขลัง มีกี่ล้านองค์ก็เอาไปเหอะแค่ ๓ ครั้งเหมือนกัน ๑ ชั่วโมง ไปช่วยกันทำ อธิษฐานให้หมดหนี้ กำหนดไว้ด้วยนะภายในเท่าไร ถ้าหากว่าไม่กำหนดนี่ยุ่งเลยหมดเหมือนกันนะ แต่อาจจะ ๑๐ ปีข้างหน้า
ถาม : ถ้าอธิษฐานขอพระคำข้าว พระหางหมากเรื่อย ๆ โดยที่ไม่อยาก...(ไม่ชัด)
ตอบ: อันนั้นไม่เกี่ยว โควตาปกติ ท่านบอกว่าขอได้ทุกวัน ขอได้ทุกวันอยู่แล้ว เรื่องเล็ก ๆ แต่เรื่องใหญ่ ๆ นี่ทั้งชีวิตแค่ ๓ ครั้งเท่านั้น เคยแนะนำคนไป ๒-๓ คน ไม่รู้ว่าเขาทำได้ผลรึเปล่า ? ไม่มารายงานเลย
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ: มีสิทธิ์สงบ เรียบร้อย ถ้าอยากให้แขกสงบเรียบร้อย มีวิธีเดียวฝังมันไว้ใต้ดิน มันเป็นสันดานประจำเชื้อชาติ ถ้าพูดกันอย่างภาษาชาวบ้าน ๆ เขาบอกว่านิสัยพวกมันกวนตีนเป็นปกติ เพราะฉะนั้นอย่าไปหวังเลยว่า มันจะสงบเรียบร้อย ถึงคนอื่นสงบกับมัน มันก็ไม่สงบกับคนอื่นหรอก
ถาม : แล้วเราต้องเตรียมตุนอะไรบ้าง ?
ตอบ: เตรียมตุนอะไร ดูไปเรื่อย ๆ ก่อน เชื่อเหอะข้าวแกงจานละ ๑๐๐ ก็พอมีกิน ๕๐ ก็ให้มันมี บ้านเราเมืองเราสมัยสงครามโลกคนยังเซ็งลี้กันเป็นปกติ ประเภทว่ามีของ ๑ ชิ้น มาบอกขายให้ ๕๐ บาท ไอ้เราบอกขายต่อเดี๋ยวนั้นเลย ๖๐ บาท ไอ้โน่นไปขายต่อ ๗๐ บาท ไปเรื่อย ๆ อย่างงั้น กว่าจะย้อนกลับมาถึงคนแรก ก็เป็นอันว่าขายต่อไป ๑๐ กว่าเจ้าแล้ว ยังไม่เห็นของเลย เขาเรียกว่าเซ็งลี้ ยิ่งกว่าเล่นหุ้นอีก จับเสือมือเปล่าชัด ๆ เลย เล่นลงฝากขายกันต่อเป็นทอด ๆ
ถาม : (การดูทิศปกติกับการดูเข็มทิศ)
ตอบ: จริง ๆ แล้วคือดูลักษณะนี้ แต่ของเราถึงจะตะแคงจะเอียงขนาดไหนก็ตาม มันจะชี้ทิศของมันเป็นปกติ
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ: ไอ้นี้มันทิศใต้ แต่ว่าอย่าลืมว่า ตรงกันข้ามที่มันชี้ก็คือทิศเหนือ วางแบบนี้ดูง่ายกว่า ถ้าเราตั้งขึ้นต้องนึกภาพว่ามันชี้ไปทางฝั่งโน้น มันไม่ชี้ตรงนี้ หมุนไอ้สีแดงตรงทิศเหนือแล้วก็เริ่มดูได้เลย ตรงข้ามคือทิศใต้ แค่นั้นเอง จริง ๆ แล้วต้องระดับนี้เพราะแกนโลกจะเอียง ๒๓ ๑/๒ องศา เพราะฉะนั้นเข็มทิศกับทิศจริงจะต่างกัน เข็มทิศจะชี้ตามกระแสแม่เหล็กโลก ก็คือมันชี้ทิศเหนือ-ใต้จริง ๆ แต่ว่าถ้าเราเปรียบเทียบกับตะวันออกตะวันตก จะเห็นว่าตะวันออก-ตะวันตก มันเพี้ยน เพราะว่าแกนโลกเราเอียง ๒๓ ๑/๒ องศา เพราะฉะนั้นถ้าหากจะเอาทิศจริง ๆ ไม่ได้ มันจะเพี้ยนหน่อย เราต้องเผื่อไว้ ๒๓ องศาครึ่งมันก็จะเป็นทิศจริง
ถาม : หันเข็มแดงไปทาง ๒๓
ตอบ: เข็มแดงเอาไว้ตรงเหนือนั่นแหละ แล้วปรับให้มันเพิ่มขึ้น ๒๓ องศาครึ่ง หรือไม่ก็แหงนมองตะวันง่ายที่สุด
ถาม : ตะวันเคลื่อนได้ ?
ตอบ: ก็เคลื่อนได้อยู่ อย่างหน้านี้มันเคลื่อนแล้ว เพราะแกนโลกเริ่มพลิกแล้ว ที่โบราณเรียกว่า ตะวันอ้อมข้าว ก่อนหน้านี้มันขึ้นมุมนี้ ตอนนี้มันขึ้นมุมนี้แล้ว ๒๓ องศาครึ่ง ถ้าจะเอาก็เอาเข็มทิศทหาร ขว้างหัวคนยังไม่เสียเลย แล้วมันมีดัชนีคงที่มีการล็อคได้ แล้วมีทั้งองศา มีทั้งมิลเลียม มิลเลียมจะละเอียดกว่าองศา คือว่าวงกลมจะมี ๓๖๐ องศา แต่มันจะมี ๗๒๐ มิลเลียม จะละเอียดกว่า ๑ เท่า ทหารเขานับเป็นมิลเลียม แล้วมีการหาเป้าหมายแล้วก็สกัดกลับ สกัดกลับคือพอเวลาเราไปถึงจุดนั้นแล้ว เราอยากรู้ว่าที่เดิมของเราอยู่เท่าไหร่ เราจะใช้สกัดกลับ สกัดกลับนี่ต้องหารครึ่ง คือว่า ๗๒๐ มิลเลียมก็จะเหลือ ๓๖๐ ถ้าหากว่าน้อยกว่า ๓๖๐ เอาไปลบ ๓๖๐ มันก็จะเป็นทิศที่เรากลับ แต่ถ้ามันเกิน ๓๖๐ ให้เอา ๓๖๐ บวกเข้าไป มันจะเป็นมุมสกัดกลับ เราจะต้องเดินตามองศานั้น มันถึงจะกลับที่เดิม
ไอ้อันนี้อย่าไปรู้เลย ปวดกะโหลกเปล่า ๆ รู้แต่ว่าสามารถขอปืนใหญ่ลงกลางกะบาลตัวเองได้ ภูมิใจที่สุดเลย ผู้กองพิสัยบอก กูยังไม่เคยเจอใครทำได้อย่างมึง แผนที่เข็มทิศทั้งรุ่น เรียนรู้เรื่องอยู่คนเดียว เพราะคนอื่นเรียนไม่รู้เรื่อง มันจะมีช่อง ๑ ตารางเซนติเมตร แล้วต้องซอยออกเป็น ๑๐๐ ช่อง เพื่อที่เราจะอ่านให้ได้ตัวเลข ๖ หลัก จะได้รู้ว่าเป้าหมายปัจจุบันเราอยู่ที่ไหน ส่วนใหญ่เขาจะคำนวณได้แค่ใกล้เคียง เขาจะขอให้ปืนใหญ่ยิงลูกควันแตกอากาศ เพื่อจะได้ชี้จุดว่า ไอ้จุดที่เราอ่านน่ะมันอยู่ตรงไหน ใกล้เคียงถูกต้องแค่ไหน เพื่อเราจะได้รู้ที่หมายของเราว่าเราอยู่ตรงไหน ถ้าเขายิงลูกควันแตกอากาศปุ๊บ แล้วเราก็จะเช็คเอาจากกลุ่มนั้นพอดี
ของอาตมาไม่ต้องเช็ค กลางกะบาลพอดี อาจารย์ภูมิใจมาก กูไม่เคยเจอใครทำได้อย่างมึงเลย ของเราก็ฟลุคมาก ไม่นึกว่าจะอ่านได้ขนาดนั้น ร้อยเอกพิสัย สมบัติเปี่ยม เป็นอาจารย์สอนอีกคนหนึ่ง ร้อยเอกจักรรัตน์ กลัสสุขวัฒน์ รุ่นนี้ปัจจุบันก็น่าจะอยู่ระดับพลตรีหมดแล้วเป็นอย่างน้อย
|