ธุดงค์พบจงอางยักษ์

              จงอางในป่าใหญ่จริง ๆ โยม ตอนนี้ที่หน้าวัดมีลงมาตัวหนึ่งกัดควายตายไปตัวหนึ่ง วัวตายไปตัวหนึ่งรอบเขี้ยวมันห่างกันแค่นี้ ( ประมาณ ๓-๔ นิ้วฟุต) ไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก ปี ๓๗ ชาวบ้านเขายิงตายไป เส้นผ่าศูนย์กลางลำตัวมันแปดนิ้ว งูเหลือมใหญ่ ๆ ยังหายากเลย แต่ตัวนั้นเป็นจงอาง คราวนี้เด็กคนงานที่หน่วยต้นน้ำ เอาหางมันมาท่อนหนึ่งใหญ่ประมาณฝ่ามือบอกว่าจะมาทำเข็มขัด บอกว่าเอ็งรีบเอาไปทิ้งโดยด่วนจี๋ให้ไกล ๆ เลย งูใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่จะมีคู่ เดี๋ยวถ้าคู่ตามมาได้ตายกันยกหน่วย แค่นั้นเอง

              ปรากฏว่ามันตามมาช้าไปหน่อย มันมาปีที่แล้วนี่ ตอนนนี้กำลังซุ่ม ๆ อยู่แถวนั้นแหละ ชาวบ้านเขาไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายอะไร เดี๋ยวก็เสร็จมันอีก มันกัดตายไปสองตัวแล้ว รอบเขี้ยวมันห่างกันแค่นี้ แล้วลองนึกดู หัวมันยังงี้แล้วตัวมันจะยังไงเอ่ย ก็คงไม่หนีไอ้ตัวที่แล้ว มีแต่จะใหญ่กว่าด้วยซ้ำไป ไม่ใช่อนาคอนด้านะ บ้านเราไม่มี อันนี้จงอางจริง ๆ เลย จงอางในป่ามีใหญ่มาก ที่แน่ ๆ ก็คือว่า ไอ้เรื่องวาระบุญวาระกรรมมันมีอยู่ เขาโตมาได้ถึงขนาดนั้นแล้วอยู่ ๆ มาตายเอาดื้อ ๆ วันนั้นเขาออกหากินแล้วก็เลื้อยกลับโพรง
              หัวหน้าคนงานคุณมานิตย์ วรรณะโพธิ์ เจอเขาพอดี มันเป็นจงอางบนหลังลายที่เป็นบั้ง ๆ ใครเคยเห็นบ้างมั้ย ? แล้วมันก็ไปเลื้อยไอ้ตอนที่ฝนตกใหม่ ๆ แล้วเขาเพิ่งเผาป่าก็ติดเอาขี้เถ้ากระมอมกระแมมมาด้วย แล้วเขาเห็นใหญ่ขนาดนั้นเขาก็บอกลูกน้องว่า เฮ้ย ! กูเจองูเหลือมมันเลื้อยเข้าไปในโพรงมึงไปยิงมากินที
              ไอ้ลูกน้องก็นำปืนแก๊ปอัดปืนไป คราวนี้งูใหญ่และมีพิษจะไม่กลัวอะไรง่าย ๆ พอได้ยินเสียงคนเดินก็โผล่หน้าจากโพรงมาดู ไอ้ลูกน้องก็เอาปากลำกล้องทิ่มใส่จมูกแล้วก็ยิงเลย โชคดีมากที่ตาย ไม่อย่างนั้นสงสัยได้ตายกันยกหมู่บ้าน ปรากฏว่าพอมันดิ้นป่าแตกหลุดออกมาได้ คนยิงก็กองอยู่ตรงนั้นแหละเข่าอ่อนไปไหนไม่เป็น ถ้ามันรู้ว่าเป็นจงอางและใหญ่ขนาดนั้น คิดว่าเอารางวัลที่หนึ่งให้มันซักคู่หนึ่งเข้าไปมันก็ไม่กล้าหรอก อีคราวนี้ลูกพี่ แหม! บอกซะอย่างดีเลยว่าเป็นงูเหลือม มันก็เชื่อลูกพี่มัน ลากออกมาตัวยาวสิบฟุตกว่า สิบฟุตกว่า ๆ ก็สามเมตรเศษ ๆ อย่างกับงูเหลือม ดี ๆ นี่เอง ตัวยักษ์เลยขนาดเขาลากมา คนเห็นยังใจคอไม่ดี ไอ้ตอนเป็น ๆ น่ากลัวขนาดไหนไม่รู้
              อีกทีหนึ่งไปอยู่ป่า ตอนกลางคืนได้ยินเสียงมันเลื้อยมา ตัวประมาณขวดน้ำใบโน้นน่ะ ส่องไฟไป แหม! ตามันเป็นประกายสะท้อนแสงเสว่างขึ้นมาก็เลยเกว่งไฟฉายให้มันรู้ว่าทางนี้มีคนมันจะได้ไม่เลื้อยเข้ามาก็ไม่รู้จะหนีไปไหน อยู่ริมบึงหนีไปก็ตกน้ำ งูเขาก็ว่ายน้ำเก่งกว่าเรา แกว่ง ๆ ไฟฉายให้เขารู้ว่าด้านนี้มีคนเขาก็เบนหัวไปทางอื่น

              ส่วนอีกทีหนึ่งนั้นอยู่ที่บ้านกะเหรี่ยง ไอ้ตัวนั้นใหญ่หน่อยน่าจะประมาณนี้ได้ ( ทำมือเท่ากระติกน้ำ) ตอนกลางคืนประมาณห้าทุ่มตื่นขึ้นมาไปปัสสาวะนอกถ้ำ กลับออกเข้ามานอน ทำกุฎิเล็ก ๆ ไว้ในถ้ำเลยเป็นไม้ใผ่ ความรู้สึกบอกว่าให้ปิดประตูซะเดี๋ยวงูใหญ่จะมา ไอ้เราเองก็ หือ ง่วงก็ง่วง จะไปเสียเวลาปิดเปิดอะไร นอนมันดีกว่า มุดเข้ากลดได้ก็นอนสักพักเดียวเท่านั้นแหละ มุงกลดไหวยวบ ๆ แล้วมันก็มุดตามเข้ามาตัวเย็นเจี๊ยบเลย มาถึงมันก็วน หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ ไอ้ตัวเราคนนอนอยู่น่ะความสูงตั้ง ๑๗๐ กว่าเซ็นต์ มันวนสามรอบแล้วหางมันยังอยู่นอกกุฎิเลย
              แล้วมันก็แลบลิ้นมาเลียหน้าเหมือนกับลองชิมดูหน่อยว่าอร่อยหรือเปล่า ? ตอนแรกว่าเป็นคนไม่กลัวอะไรนะ แต่มาเจอสภาพแบบนั้นนี่ แหม! มันนอนแข็งทื่อไม่กล้ากระดิกเลย ได้แต่บอกมันว่าไม่อร่อยหรอกอย่าลองกินเลย เขาลองชิม ๆ ดู ท่าทางจะไม่อร่อยจริงล่ะมั้งเลยคลายออกแล้วก็เลื้อยไปตรงหน้าถ้ำ ไปส่งเสียงร้องพักหนึ่ง เสียงมันร้องวี๊ด วี๊ด ยังไงบอกไม่ถูก เสียงสะเทือนแก้วหูมาก แสบแก้วหูเลย ร้องอยู่ประมาณสิบว่านาทีก็เลื้อยออกไปหากิน

              ตอนหลังพระรุ่นน้ององค์หนึ่ง คือท่านชาติชาย ถามทางขึ้นไปตรงนั้น ก็บอกกับเขาว่าถ้าขึ้นไปถ้ำนั้นระวังให้ดีมันมีงูใหญ่อยู่ คุณชาติชายก็ย้ายไปนอนอีกถ้ำหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน มันจะมีช่องแตกเดินทะลุกันได้ เขาเลี่ยงไอ้ถ้ำนี้ซะ เขาบอกว่านอนอยู่ประมาณห้าทุ่มเหมือนกัน อยู่ ๆ แผ่นดินมันก็ไหวยวบยาบ ยวบยาบ แล้วก็หล่นพลั๊กลงมา อุตส่าห์ย้ายหนีแล้วไปนอนบนตัวมันเลย (หัวเราะ) ไอ้เราตามไปดู มันเป็นแอ่งหินเกือบ ๆ จะกลมเลย ไอ้เจ้านั้นก็ขดเต็มแอ่งหินอยู่แอ่งพอดี รายนี้ไปถึงคลำ ๆ เออมันเรียบพอแล้วก็นอนเลย ไม่ได้ส่องไฟดู ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเลย เขาบอกว่าผมอุตส่าห์หนีมันแล้วนะ ไปนอนบนตัวมันไม่รู้เรื่องเลย ต่างคนต่างโง่พอดีกัน (หัวเราะ) คือ ไอ้งูมันก็คงคิดว่าอะไรว่ะมาถึงก็มานอนเลย ส่วนไอ้คนก็ไม่นึกกว่าเป็นงูก็เลยไม่กลัวพอ ๆ กัน