สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ถาม : อยากทราบเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณพเนจรเจ้าค่ะ ว่าเขาน่ะ สามารถสิงตามที่ต่าง ๆ ได้ไหม ?
ตอบ : พวกวิญญาณพเนจรในความหมายของเรา ภาษาพระเรียกว่า สัมภเวสี สัมภเวสี คือ พวกที่เร่ร่อนไปตามที่ต่าง ๆ เพราะว่ายังไปตามบุญตามบาปของตนไม่ได้เนื่องจากตายก่อนหมดอายุขัย มันก็เหมือนกับว่า ถ้าหากว่าเขาหิว ๆ ขึ้นมา ก็อาจหาทางแทรกใครสักคนหนึ่ง เพื่อที่จะบอกกล่าวอะไรบางอย่างหรือว่าขอให้เขาทำบุญให้หรือว่าขออาหารกินเลยนะ แต่ว่าไม่ได้ทำได้เนิ่นนานอะไรหรอกสักแป๊บเดียวก็ต้องออกแล้ว สิงได้เหมือนกัน
ส่วนใหญ่แล้วกำลังเขาน้อย ถ้าไม่ใช่คน ๆ นั้นช่วงวาระบุญขาดลงจริง ๆ โอกาสที่เขาได้รับประทาน...ยาก เพราะงั้นก็ต้องรอญาติโยมตัวเองทำบุญให้ไป สิงได้ แทรกได้เหมือนกัน แต่ว่า ...โอกาสน้อยเหลือเกิน
ถาม : ถ้าหากมาแทรกในคนที่มีวาระจิต เขาเอาจิตมาแทรกได้ไง ?
ตอบ : แค่กดทับลงมา บังคับให้เราทำอาการตามที่เขาต้องการ จิตของเราก็ยังอยู่นะ จิตของเรายังอยู่แต่กำลังจิตที่เหนือกว่าของเขาเขาใช้กำลังที่เหนือกว่ากดลงมาเพื่อเราทำอาการตามที่เขาต้องการ
ถาม : แล้วสภาวะอย่างเทพที่มา
ตอบ : แบบเดียวกัน ไม่ได้มาเข้าตัวเราหรอก ยืนอยู่ข้างนอกนั่นแหละ แต่ใช้อำนาจจิตที่เหนือกว่ากด และก็บังคับให้ร่างกายของเราทำตามที่เขาต้องการให้พูด ให้แสดงท่าทางต่าง ๆ ตามที่เขาต้องการ
ถาม : แล้วทำไมบางคนรับได้ บางคนรับไม่ได้ ?
ตอบ : ต้องมีกรรมเนื่องกันมาด้วย ถ้าไม่มีกรรมเนื่องกันมา ต่อให้เขาต้องการเราเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถจัดการอะไรเราได้หรอก ถ้าเจ้าของร่างไม่ยอมจริง ๆ ...ไม่มีสิทธิ์ ส่วนใหญ่แล้วบรรดาร่างทรงต่าง ๆ ก็ต้องมีกรรมเนื่องกันมา ถึงสามารถคุมได้ ควบได้ แทรกได้ สิงได้ ในช่วงนั้นนะ
ถาม : แล้วอย่างพวกต้นไม้ที่มีแก่นนี่ เขาสามารถเข้าไปแทรกที่ตรงนั้นได้ อยู่ได้ยังไงเจ้าคะ ?
ตอบ : อันนั้นเป็นเทพ เทวดานี่สามารถขยายร่างให้ใหญ่ได้ เล็กได้ ตามต้องการ อัตภาพปกติของเขา คือ สามคาวุต...ถ้าเทียบเป็นมาตราปัจจุบัน คือ ๑๒ กิโลเมตร เกือบโยชน์หนึ่ง โยชน์หนึ่งมัน ๑๖ กิโลเมตร เขาสามารถที่จะทำร่างให้เล็กลงได้ ขนาดที่อรรถกถาท่านเปรียบเปรยเอาไว้ว่า ๑ ปลายเข็มหมุด เทวดาท่านอยู่ได้ ๘ องค์ ต้นไม้มันใหญ่เบ้อเร่อน่ะ
แต่จริง ๆ แค่อาศัยเอาวิมานไปแปะเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ต้องร่อนไปเร่มา หาคนจัดจราจรไม่ได้ เดี๋ยวชนกันบรรลัยหมด อันนี้พูดเล่นนะจ๊ะ ไม่ชนกันหรอกนะ แต่ท่านก็ดูเหมือนกัน ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในสถานที่ ที่ผิดปกติ อย่างเช่นว่า ขึ้นตามกำแพง ขึ้นตามหลังเขา อย่างพวกโพธิ์ พวกไทร ถ้าหากว่าเหล่านั้นโดนคนทึ้ง โดนคนถอนทิ้งในระยะเวลาอันใกล้เขาก็ไม่อยู่ให้เสียเวลาหรอก ขี้เกียจหาที่ใหม่
ถาม : แล้วอย่างพวกบอนไซเขาก็อยู่ได้ ?
ตอบ : ถ้าเป็นไม้มีแก่น ก็อยู่ได้ สบายเสียอีก เจ้าของดูแลดี
ถาม : แล้วอย่างพวกที่เป็นเครื่องรางของขลัง พวกไม้มีแก่น เช่น รัก-ยม อย่างนี้ล่ะเจ้าคะ ?
ตอบ : พวกอย่างนี้ พิธีเขามีอยู่ พิธีกรรม ถ้าหากคนทำถูกต้อง ใช้คำว่า พุทธาภิเษก ก็ได้ ของทั้งหลายเหล่านั้นเทวดาจะรักษา แต่ถ้าทำพิธีกรรมแบบไสยศาสตร์ ก็อาจได้เปรต อสุรกายไปแทน ต้องดูว่าการกระทำเขาแบบไหน ทำแบบหมอไสยศาสตร์หรือทำแบบถูกต้อง
ถาม : แล้วเช็คดูยังไงคะ ?
ตอบ : อันนี้ต้องอาศัยทิพจักขุญาณหน่อย เชื่อยากนะ หัดเองให้เป็นง่ายดี
ถาม : ยังกะหัดกันง่าย ๆ เลยเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ง่ายจ้ะ...ง่าย ไม่ยากเลย กล้ายืนยัน
ถาม : ทีนี้พวกที่เล่นไสยศาสตร์ พวกอาคมอะไรอย่างนี้จะมีการปล่อยของตามวันพระ ช่วงวันพระเราจะทำยังไงที่จะไม่ให้โดนที่เขาปล่อย หรือว่าช่วยคนที่ถูกของที่ปล่อยออกมาแล้ว ให้เขาทุเลาลง ?
ตอบ : แยกเป็น ๒ ประเด็น อันดับแรกก็คือว่า บรรดาหมอไสยศาสตร์ วิชาการเขาเรียกง่าย ๆ ว่า มันร้อน เมื่อมันร้อนถึงเวลาถึงวาระ อย่างเช่น ทุกวันอังคารหรือวันเสาร์ เขาจะต้องทำการปล่อยของนั้นออกไป ถ้าเขาไม่ปล่อยของนั้นออกไป ของนั้นจะเข้าตัวเขาเอง เขาก็ต้องทำพิธีของเขาไป สิ่งทั้งหลายที่เขาปล่อยไปนี้เรียกว่า "ลมเพ-ลมพัด" ถ้าหากว่า ใครมีเคราะห์กรรม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อไปถึงมันจะกระทบ ทำให้เกิดเสียงดัง อย่างเช่น เหมือนยังกับใครสาดทรายใส่หลังคากราวไปเลย...หรือไม่ก็มีเสียงใครเคาะข้างฝาโป๊กเป๊ก ตุ้บตั๊บ
โบราณถึงได้แนะนำว่า ถ้าได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ อย่าไปเอ่ยปากทัก ถ้าหากว่าเอ่ยปากทักของดีแค่ไหนก็คุ้มไม่ได้ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของบ้านแล้วเราเปิดประตูบ้านให้โจรมันเข้ามา ตำรวจเขาเห็นเจ้าของบ้านเต็มใจต้อนรับ คิดว่าคนรู้จักกันก็ไม่มายุ่งด้วย ประเด็นที่สอง ถ้าหากว่าถ้าเรากลัวจะโดนของนั้น อันดับแรกอย่าไปเอ่ยปากทักอะไรง่าย ๆ อันดับที่สอง พยายามภาวนาให้กำลังใจของเราทรงตัว จะได้มีสติอยู่กับตัวเราเสมอ ไม่ตกใจอะไร ถ้าตกใจง่าย ๆ เอ่ยปากทักอะไรขึ้นมา เขาจะเข้าแทรก เข้าสิง เข้าทับได้ หรือว่าจะมีผลให้ร้ายได้ในตอนนั้น
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่เราว่าจะช่วยคนเหล่านี้ได้อย่างไร ถ้าเขาโดนแล้ว ตัวเราเองถ้ามั่นใจตัวเองว่าเราทรงความดีระดับหนึ่ง เอาแค่ว่าทรงปฐมฌานได้ก็พอ ทรงปฐมฌาน ตั้งใจทำน้ำมนต์ด้วยความเคารพในคุณพระรัตนตรัย ใช้อิติปิโสฯ ทั้งหมดก็ได้ เอาน้ำมนต์นั้นราด รดหรือให้เขารับประทานก็จะแก้ได้ หรือไม่ก็ไปหาพระที่คุณธรรมพอทรงความดีพอให้ทำน้ำมนต์รดให้ ราดให้ ก็สามารถแก้ได้ถอนได้ ไสยศาสตร์จริง ๆ แล้วไม่น่ากลัว เพราะว่ากำลังใจของเขาเข้าถึงจุดสูงสุดของการภาวนาไม่ได้ เนื่องจากจิตที่มุ่งร้ายต่อผู้อื่น คิดร้ายต่อผู้อื่นทำให้ขาดตัวอุเบกขาในอารมณ์ฌาน ถ้าไม่มีฌานจะเข้าถึงกำลังสูงสุดไม่ได้ เราภาวนาให้กำลังใจทรงตัวแค่เกินอุปจารสมาธินิดหนึ่ง ไม่ต้องถึงปฐมฌานของเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว แต่อย่าเผลอสติ ถ้าเผลอสติ จะโดนได้
หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเคยแนะนำว่า ให้เราภาวนาในตอนเช้าให้กำลังใจทรงตัว แล้วอาราธนาบารมีพระ คือว่ามีพระเครื่องติดตัว ตั้งใจขอบารมีพระให้คุ้มครองเรา ภาวนาให้กำลังทรงตัว แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง จะสามารถป้องกันอันตรายพวกเหล่านี้ได้ทั้งวัน สำคัญอยู่ว่ากำลังใจของเราทรงตัวมั้ย ? แก้ได้ ถ้าสมาธิเราดีพอ ตั้งใจขอบารมีพระทำน้ำมนต์ด้วยตัวเองก็ได้ อิติปิโสฯ ทั้งจบน่ะ ง่ายที่สุด
ถาม : ถ้าเราไปช่วยเขาแล้ว กลัวว่าของนั้นจะเข้ามาที่ตัวเรา
ตอบ : ตอนที่เราช่วยเขาไม่เข้าหรอก เพราะว่าบารมีพระ ถ้าเรายึดมั่นจริง ๆ ของนั้นจะสลายตัวไปเลย แต่พวกท่านทั้งหลายที่เล่นไสยศาสตร์ มักจะรู้ว่าใครเป็นคนช่วย บางทีเขาเลี้ยงผีไว้ด้วย ผีฟ้องเขาก็หันมาเล่นงานเราแทน เราเองน่ะโอกาสเผลอมันมี เหมือนคนจ้องขโมยกับคนระวังไม่ให้โดนขโมยของ ให้คนระวังระวังยังไง เดี๋ยวก็พลาดจนได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่กรรมอันเนื่องกันมาจริง ๆ ประเภทมาล้มพราด ๆ มาดิ้นอยู่ตรงหน้า อย่าไปยุ่งกับเขาเลย อันตรายเปล่า ๆ
ถาม : ถ้าเราจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องช่วย มีวิธีที่จะป้องกันตัวเราในระยะยาวอย่างไร ?
ตอบ : ทำตะกรุดหรือผ้ายันต์ด้วยพุทธมนต์ ถ้าอาราธนาพระสงเคราะห์ได้ก็วิเศษเลย ติดตัวไว้บอกให้อาราธนาทุกวันและอย่าเอาออกจากตัวจะป้องกันได้
ถาม : ถ้าอาราธนายันต์เกราะเพชร...วัดท่าซุง...
ตอบ : ได้...เพราะว่ายันต์เกราะเพชรของวัดท่าซุง นี่ ต่อต้านพวกไสยศาสตร์โดยตรงเลย ได้รุ่นเก่าไปแล้วยิ่งดี รุ่นที่ราคา ๓๒๐ นั่นน่ะ อันนั้นชัวร์ ๆ เพราะว่าพ่อทำ อย่างลูกเก่งแค่ไหนก็คงสู้พ่อไม่ได้หรอกนะ เอารุ่นเก่าดีกว่า เรื่องของยันต์เกราะเพชรหรือว่าธงแดงนะ ต่อต้านพวกไสยศาสตร์โดยตรงเลย เพราะว่ายันต์เกราะเพชรก็แตกลูกมาจากธงแดงนั่นแหละ ธงมหาพิชัยสงคราม ...ยันต์เกราะเพชรเป็นลูก ....ธงมหาพิชัยสงครามเป็นพ่อ (หัวเราะ)
ถาม : แล้วจริงหรือเปล่าคะที่ว่ามียันต์เกราะเพชรแล้ว ไสยศาสาตร์จะเข้าได้แค่ข้อมือ ?
ตอบ : มันต้องดูด้วย ถ้าเรามีติดตัวไว้เฉย ๆ ไม่เคยนึกถึงไม่เคยอาราธนาก็เจ๊งเหมือนกัน มันไม่เข้าแค่ข้อมือหรอก
ถาม : ถ้าให้เขาพกติดตัวด้วยยันต์เกราะเพชรแล้ว ...ต้องให้รักษาศีลด้วยไหมคะ ?
ตอบ : จำเป็นต้องมี ถ้าสามารถรักษาศีล เจริญภาวนาได้ ปลอดภัยแน่นอน เหมือนกับใส่เกราะไว้แต่หากว่า ไม่มีการรักษาศีล ไม่มีการเจริญภาวนา สักแต่่ว่าติดตัวอยู่ บางทีก็ช่วยอะไรไม่ได้ ที่บอกว่า "เข้าได้แค่ ข้อมือ" ถ้ากำลังใจเราทรงตัวจริงเข้าใกล้ไม่ได้ซะด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากว่ามีเคราะห์กรรมอะไรบางอย่าง ก็เข้ามาได้แค่ข้อมือ แค่ข้อศอก ถ้าเราอาราธนากำลังใจมั่นคงจริง ๆ ไม่เกินข้อศอก
ถาม : ในกรณีที่เราได้ฌานหรืออะไรพิเศษขึ้นมา แล้วเรากลัวว่ามันจะสูญไป หายไป จะทำอย่างไรให้คงอยู่กับเรา ?
ตอบ : ซ้อม....ต้องใช้ให้บ่อย ๆ นะ ต่อให้เป็นฌานสมาบัติ หรือทิพจักขุญาณ หรือวิชชา ๓ อภิญญา ๕ อภิญญา ๖ สมาบัติ ๘ อะไรก็ตาม ก็ต้องซ้อมบ่อย ๆ กำลังใจเหล่านี้เป็นกำลังของฌานสมาบัติเสียส่วนใหญ่ กำลังฌานสมาบัติ ถ้าร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย เหนื่อยมาก ๆ หิวมาก ๆ ส่วนใหญ่มักจะเสื่อมของมันเอง ต้องทำให้ทรงตัว ชนิดที่ต้องการเมื่อไหร่ เข้าได้ทันทีหรือว่าพิจารณาจนช่ำใจจริง ๆ ว่าธรรมะกองนี้เรารู้ตลอดแน่แล้ว อย่างนั้นถึงจะอาศัยได้ ถ้าหากทำทำ ทิ้งทิ้ง ไม่ต่อเนื่องกัน โอกาสที่จะเสื่อมมีสูงมาก เพราะงั้นต้องทำให้ต่อเนื่อง แล้วก็ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งขึ้นใจจริง ๆ
ถาม : ต้องภาวนาอะไรก่อนไหมคะ ?
ตอบ : ภาวนาอะไร ? กรรมฐานกองไหนใช้คำภาวนาตามนั้น ถ้ามีเวลามากก่อนทำกรรมฐา นสวดมนต์ไหว้พระอะไรของเราก่อนก็ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่มีเวลาของเราเอง ก็เริ่มต้นด้วยบทภาวนาไปเลยก็ได้
ถาม : ถามเรื่องการสิงของวิญญาณเมื่อกี้นี้เจ้าค่ะ พอดีไปที่บ้านหลังหนึ่งค่ะ มีกอไผ่อยู่หน้าบ้าน เป็นกอใหญ่พอสมควร พอไป เราก็เห็นวิญญาณสิงอยู่ในกอไผ่...เราก็บอกว่า เดี๋ยวทำบุญส่งไปให้นะ พอทำเสร็จวิญญาณตัวนั้นไป อีกไม่นานวิญญาณตัวใหม่ก็มาอยู่ตรงนั้นอีก อันนี้เพราะอะไรเจ้าคะ ?
ตอบ : บางทีมันเป็นที่อาศัยของเขานะ วิญญาณบางประเภทอาศัยจอมปลวก วิญญาณบางประเภทอาศัยอยู่ในกอไผ่ หรือร่มเงาไม้ใหญ่อยู่อาศัยก็มี คนนั้นได้บุญของเราแล้วไปจากสถานที่นั้น ...มันเท่ากับบ้านว่าง พอบ้านว่างคนใหม่มาเจอ เขาอยู่ต่อ ให้เขาอีก เดี๋ยวก็ไปอีกแหละ
ถาม : อย่างนี้ก็แสดงว่าเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของบรรดาผีสิงทั้งหลายสิเจ้าคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเขาไม่ได้บุญอาจพักถาวรก็ได้ (หัวเราะ) ถ้าหากว่าเราให้บุญเขา ก็พักชั่วคราว ถึงเวลาเขาก็ไป
ถาม : เพราะว่าเจ้าของบ้านได้ยินเสียงกระซิกกระซี้ แบบร้องไห้ ได้ยินชัดมาก แล้วก็เกิดอาการกลัวเราจะเอากอไผ่นั้นออกไหม ? หรือว่าเราจะทำอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าสงสารเขา ก็อย่าไปยุ่งกับกอไผ่ ถ้าสงสารตัวเองมากกว่า ก็เอาให้ราบไปเลย (หัวเราะ) จริง ๆ แล้วเขาแค่อาศัยร่มเงาไม้เท่านั้น
ถาม : เขาจะไม่มาทำร้ายใช่ไหมคะ หรือแค่มาดู ?
ตอบ : ถ้าหากว่าช่วงอกุศลกรรมเข้า แบบที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ดวงตก" บางทีเขาอาจฉวยโอกาสได้ แต่ถ้าในเขตบ้านของเรามีพระภูมิเจ้าที่ได้รับการบูชาถูกต้อง ให้ความเคารพท่าน สิ่งเหล่านี้เข้ามาข้างในไม่ได้
ถาม : แล้วมีไหมคะ แบบไม่ดูแลเจ้าที่ เจ้าที่ปล่อยให้เข้าเลย ?
ตอบ : ไม่มีจ๊ะ ยกเว้นว่า เราไม่สนใจเจ้าที่เลย ไม่เคยขอให้ท่านช่วยเลย ไม่เคยให้ความเคารพท่านเลย ไม่รู้จะช่วยทำไม ?
ถาม : อ๋อ... ก็มีเจ้าที่แบบ มองเฉย ๆ
ตอบ : เทวดาท่านถืออุเบกขามากกว่าเราเยอะ ถ้าหากว่าไม่ให้ความเคารพท่าน ไม่เรียกให้ท่านช่วย ท่านก็นั่งมอง มันเก่งเองนี่หว่า ไม่เรียกให้ท่านช่วย ดูซิว่ามันจะทำยังไง ระวังเอาไว้นะ เจอมาเองแล้ว พกพระอยู่กับตัวเต็มที่ผีมันบีบคอเสียแทบตาย ก็สงสัยว่าพระทำไมไม่ช่วย หลวงพ่อถามว่า "แกอาราธนาบ้างหรือเปล่า บอกเปล่าครับ เออ... สมน้ำหน้ามัน ถ้าเอ็งไม่เรียกให้ท่านช่วย ท่านก็นั่งมอง ดูซิว่ามันจะเก่งแค่ไหน" (หัวเราะ)
ถาม : อย่างนี้ท่านมีการมองด้วยหรือคะ นึกว่าท่านมีการทำงานแบบอัตโนมัติ ?
ตอบ : เราเองยอมทำโอทีไหมล่ะ โดยไม่ได้สตางค์น่ะ
ถาม : อาราธนาที่ว่านี้ ต้องทำยังไงบ้างคะ ?
ตอบ : ตั้งใจนึกด้วยความเคารพ คาถาอาราธนาก็มี ของหลวงพ่อท่านใช้ "อิทธิฤทธิ พุทธนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด" นั่นแหละคำอาราธนา คำอัญเชิญคุณพระเขามีอยู่
|