ถาม :  มันไม่มีคาถาเรียกฝนด้วย ?
      ตอบ:  มี แต่ขณะเดียวกันคนที่ห้ามกำลังใจมันขนาดนั้น แล้วเราจะไปนั่งแก้คืนมัน ๒ ชั่วโมงมั้ยล่ะ ? ปัจจุบันนี้ก็อยู่ในลักษณะที่ว่า กำลังใจแต่ละคนไม่เท่ากัน ปีนี้เขาบ้าสักยันต์กัน เดี๋ยว ๆ ก็ดอกไม้ธูปเทียนมาแล้ว อาจารย์เขียนให้หน่อย ก็เขียนให้มันไป เดี๋ยวไอ้โน่นก็จะเอายังงั้น ไอ้นี่ก็จะเอายังงี้
              คนแรกที่มาให้เขียนก็คือท่านเอกพงษ์ พอเขียนเสร็จ พวกนี้กำลังใจมันน้อย เราก็คิดว่าเอ่อ...ทำอะไรหนัก ๆ ให้มันหน่อย จะได้มั่นใจถึงเวลาก็แกล้งทุบหลังมันบั๊กเบ้อเร่อ ทำเป็นว่ากูอัดให้แล้ว ปรากฏว่าทุบมันพลั่กเดียวเท่านั้นเอง เส้นไหล่จม ๒ เส้นเลย เดี้ยงอยู่ ๓ วัน บอกให้ตายเถอะวะ เขียนมันดันมายันเราเองไม่ไปยันคนอื่น มันยันคนเขียนซะก่อน ไม่ไหว ก็ยังดีอยู่ว่า พวกยันต์มันจะมีคาถากำกับ หลอกให้เขาภาวนาได้อย่าง ๆ เขามีฉันทะ ...อยากได้ของขลังก็ต้องขยันหน่อย ลักษณะเหมือนสมัยก่อนหลวงพ่อหลอกอาตมา จริง ๆ ท่านไม่ได้หลอกหรอก ท่านบอกของดี ๆ ให้เพียงแต่ว่าถ้าบอกตรง ๆ มันไม่ทำ
      ถาม:  โดนเจ้าเหมียวกัด ก็ตบหัวไปแล้ว เขี้ยวมันหักฟันมันหัก ทำยังไง ?
      ตอบ:  แก้ไม่ได้ ไม่รู้จะแก้ยังไง เมื่อตอนที่เสือน้อยมันกัด เราก็ไม่ได้เจตนาหรอก มันกัดเสร็จก็เลือดท่วมเชียว เราก็คิดว่าเลือดเรา ที่ไหนได้ฟันมันหัก หมามันเป็นขี้เรื้อน คราวนี้ไม่คุ้นกับมันน่ะ ไปถึงวัดท่าขนุนใหม่ ๆ มีแต่พันธุ์หนังกลับก็ไปรักษาให้มัน จำไว้เลยว่ารักษาหมาขี้เรื้อนง่ายที่สุดเลย น้ำมันพืช ๑ ขวด ยิ่งเยอะยิ่งดี แล้วก็กำมะถันผงมาปนกัน คลุกกันให้เป็นโคลนไปเลย แล้วก็จับมันทาทั้งตัวทีเดียว กำมะถันถ้าเป็นอย่างแท่ง ๆ ก็มาตำหน่อย ตำให้ละเอียดเป็นผงไปเลย ก็ผสมกันคลุกกันให้เหลวเป็นโจ๊ก แล้วก็ทาให้มันครั้งเดียวหาย
              คราวนี้เราไปอยู่วัดใหม่ ๆ หมามันไม่คุ้นด้วย พอไปล็อคคอทามันก็กัดเอา พอมันกัดปุ๊บ เจ้าอาวาสเอยลูกศิษย์เอยกระเจิดกระเจิงไปหมด เหลือเราจับมันอยู่คนเดียว อยากกัด กัดไป ทาเสร็จแล้วค่อยปล่อย พอมันกัดเห็นเลือดเต็มปาก ก็คิดว่าเออ...มันกัดเราแล้วเลือดออก ที่ไหนได้ ไปดูอีกทีเขี้ยวมันหัก
      ถาม:  มันกัดเข้า ?
      ตอบ:  มันกัดตรงข้อพอดี ปวดอยู่หลายวัน อาจจะโดนกระดูกมั้ง ? เขี้ยวหักไปเลย
      ถาม:  เจ้าเหมียวมันกัด ๓ เขี้ยว ?
      ตอบ:  กลายเป็นแมวเขี้ยวหลอไปแล้ว ไม่มีจริง ๆ มันถึงได้คาบลูกแบบพิสดาร จนกระทั่งลูกมันประเภทกระโดดไปชนหน้าต่าง คอหักตาย เพราะปกติเขาคาบต้นคอ นี่ต้องงับทั้งตัวเลย เพราะเขี้ยวมันไม่มี
      ถาม:  สัตว์ที่ต่ำกว่าหมา มีชีวิตจิตใจแต่ว่าปัญญาอ่อน ?
      ตอบ:  ไม่ใช่ สัตว์ก็คือคน เขามีความรู้สึกความต้องการเหมือนคนทุกอย่าง เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายของเขาบังคับ เลยทำให้เขากินไม่ได้อย่างใจ นอนไม่ได้อย่างใจ ต้องการอะไรคนก็ไม่สามารถจะสนองตอบให้ ต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าหน่อย จำไว้ว่าสัตว์ที่อยู่ใกล้คน ที่คนเลี้ยงเขา กรรมของการเป็นสัตว์เดรัจฉานของเขาจะหมดแล้ว ถ้าใจเกาะคนจะเกิดเป็นคน ถ้าใจเกาะพระเกิดเป็นเทวดา จำนังแสบได้มั้ยล่ะ ? เทวดาหน้าอีเห็นน่ะ ?
      ถาม:  เขาเหมือนคน ?
      ตอบ:  ไม่ใช่เหมือน มันใช่เลย เพียงแต่ว่ากรรมที่เขาทำ ทำให้เขาต้องลำบากอยู่ในภูมิของเดรัจฉาน ก็เลยไม่สามารถที่จะสื่ออะไรกับคนที่ไม่ได้ทิพจักขุญาณได้มากนัก
      ถาม:  แต่เขาฟังเรารู้เรื่องตลอด ?
      ตอบ:  เขารู้ แต่วาเวลาเขาสื่อสารมันก็เป็นภาษาของเขา เป็นภาษากายมั่ง เป็นภาษาตามั่ง ประเภทยิ้มด้วยหู กระดิกหาง
      ถาม:  เหมือนเขาฟังคำพูดเราออก แต่ทำไมคนฟังคำพูดเขาไม่ออก ?
      ตอบ:  ก็ส่วนใหญ่แล้วคนมันห่วยแตกสู้หมาไม่ได้ เคยเห็นหมาตัวไหน หัดพูดภาษาต่างประเทศบ้างมั้ย ? ไม่มี แต่เอาหมาไทยกับหมาต่างประเทศมาสิ มันคุยกันได้ทุกตัวแหละ เขาเรียกว่า กรรมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดโดยวิบากกรม เขาสื่อสารกันได้ หมาไม่ต้องฝึกทิพจักขุญาณ ไม่ต้องฝึกกสิณหรอก มันเห็นผีทุกตัวแหละ ฤทธิ์โดยวิบากกรรม พระพุทธเจ้าบอกไว้ชัดเลยฤทธิ์มี ๑๐ อย่าง
              เพราะฉะนั้นเราจริง ๆ สู้หมาไม่ได้นะ หมามันเจ๋งกว่าเยอะ ที่วัดถึงเวลาหมาไม่ยอมกินข้าว หลวงพ่อก็สงสัย ท่านแม่บอกว่าก็เขาไปดุมัน ต้องพูดกับมันเพราะ ๆ มันถึงจะกิน มาอีกทีหนึ่ง ประเภทว่าแมวไม่ยอมกินอาหาร ท่านก็บอกว่าให้เรียกชื่อเก่ามันสิ บอกว่าชื่อเก่าชื่ออะไร ? ชื่อชูศรี พอเรียกชูศรีเอ้ยมากินข้าว วิ่งอ้าวมาเลย
              พวกสัตว์ดีอยู่อย่างหนึ่ง ตรงจุดที่ว่ามันมีกิริยา มายามันไม่มี ทำอะไรมันก็แสดงออกตรง ๆ ของคนเรานี่ปรุงแต่งเยอะไปหน่อย ไปเจอที่ไหน ? คงจะแถว ๆ เส้นทางระหว่าง บ่อพลอย ออกด่านช้างไปโน่น ไปวัดท่าซุงนั่นแหละ จำได้ว่าเข้าปั๊ม เราก็จะเดินไปฉี่ พออ้อมพ้นตึกปั๊บ จ๊ะเอ๋กับหมาตัวหนึ่ง ความคิดมันออกชัดเลยนั่นแน่กูได้กินแน่แล้ว มันรู้เลย แล้วมันก็เดินตามเดี๋ยวนั้น เราเองก็ต้องไปซื้อขนมให้มันกิน มันรู้ขนาดนั้น มันรู้ว่าคน ๆ นี้สงเคราะห์มันได้
      ถาม:  แสดงว่ามันมีเจดตปริยญาณ ?
      ตอบ:  ตัวนั้นน่ะ พิเศษสุด นาน ๆ เจอทีหนึ่ง แต่ถ้าอย่างคุณทหารนั่น ทรงฌานเป็นปกติ ทรงฌานเป็นปกติ ถึงเวลาพระจะนั่งรถรางไปทำวัตรเย็นที่วิหารร้อยเมตร พอห้าโมงตรง รถรางจะออก คุณทหารก็โดดขึ้นรถราง
              แต่คราวนี้มันเป็นขี้เรื้อนคนก็รังเกียจกลิ่นมัน พอคนรังเกียจกลิ่นมัน ก็ไล่มัน มันก็ อ๊ะ...ไม่ไปก็ได้ วิ่งเองก็ได้วะ มันก็วิ่งไป ไปถึงวิหารร้อยเมตร ก็เข้าไปข้างใน ปกติพระจะนั่งตามลำดับพรรษา ถ้าองค์ไหนไม่มาที่ก็โหว่อยู่ คุณทหารจะไปนั่งเกาขี้กลากตรงนั้นน่ะ ประจานซะ อยากไม่มาดีนัก
              พอพระเริ่มทำวัตรขึ้นโยโส ภควา มันหมอบป๊อกลง ใจใสนิ้งเลย ฌานสี่เต็มกำลังเลย แล้วมันตั้งเวลาได้ด้วย ตั้งเวลาได้ถึงขนาด พอพระ...อรหังสัมมาสัมพุทโธ มันลุกพรืดสะบัดตัววิ่งไปเตรียมทำกรรมฐานต่อแล้ว เราก็ เออ...ไอ้ตัวนี้มันยอดว่ะ มันเจ๋งกว่าเราเยอะเลย
              ปรากฏว่าคนเขารังเกียจเพราะว่ากลิ่นมันไม่ดี ในเมื่อรังเกียจมัน ถึงเวลาเขาปิดประตูวิหารร้อยเมตรไม่ยอมให้เข้า โอ้โห...มันหอนอยู่หน้าประตูวิหารอย่างกับจะขาดใจ ประเภทว่าจะทำความดีทำไมต้องขวางด้วย เราก็คิดนะ วันนี้ล่ะมึงเอ๊ย มีเรื่องแน่เลย จริง ๆ ด้วย หลวงพ่ออกเสียงตามสายประกาศเลย บอกว่าถ้าไอ้ทหารมันจะเข้าวิหารร้อยเมตร ปล่อยมันเข้าไป มันไม่เคยทำสกปรก หัดสังเกตดูมั่ง คือหมาตัวอื่นเห็นเสาต้องฉี่ คุณทหารไม่เคยฉี่
              หลังจากนั้นไม่นานก็ตาย หลวงพ่อบอกไปเป็นพรหมแล้ว กำลังของฌานอายหมามั้ยล่ะ ? เออ...อีกตัวหนึ่งก็ท่านใหม่ ไอ้นี่พระโพธิสัตว์ โอ้โห...กัดแหลก กัดทุกคนที่ขวางหน้า หมาอย่างท่านใหม่นี่น่ากลัวที่สุดเลย มันหนีมันไม่หนีไกล มันหนีแค่สุดปลายไม้ จะตีมันนี่ ไม้ผ่านปุ๊บมันโดดสวนเลย โอ้โฮ...สุดยอดหมาจริง ๆ น่ะ ของเราเนี่ยเคยโดนมันกัดครั้งหนึ่ง ๑๑ เขี้ยว ทางด้านนี้มือแปไป ๔ เดือน ตั้งแต่ช่วงนี้ลงมามันกัดเข้าหมด ทางข้างบนมันกัดแล้วเป็นรอยขีด ๆ นูน ๆ เท่านั้น
              ถามหลวงพ่อบอกทำไมมันกัดเข้าครับ ? ท่านบอกว่าถ้านอกมือนอกเท้าแล้วกันไม่ได้ ถ้าของดีแค่ไหนก็กันไม่ได้ ท่านบอกน้าของท่านสมัยก่อนไปยิงกับโจร พอปืนมันหมด บรรจุลูกไม่ทัน ก็คว้าดาบโดดใส่กันฟันตั้งแต่เช้ายันเพล บอกไปเสียหลักหน่อยหนึ่ง ไปสะดุดตอแล้วเขาฟันเอา ก็เผลอยกมือกัน โดนมือแปไปเหมือนกัน ส่วนอื่นยังไง ๆ ก็ฟันไม่เข้า เสื้อขาดกะรุ่งกะริ่งหมด แต่ว่าถ้านอกข้ออกมานี่เข้า
              นี่สังเกตมา ๓-๔ ทีละ อาตมาเองโดนเองประจำนั่นแหละ ข้อมือข้อเท้านี่จะเข้า คือว่ามันเป็นขี้เรื้อนเหมือนกัน ก็ไปทายาให้ มันลักษณะเดียวกัน คราวนี้พอทา ๆ กว่าจะทั่วตัว ก็นานหน่อย มันเริ่มร้อนมันก็สะบัดจะออก เราก็ล็อคไว้ พอล็อคปุ๊บมันกัดเลย
              กระทั่งหลวงพ่อไปตีมัน มันก็ฮึ่มใส่ ถามหลวงพ่อบอกทำไมมันเป็นยังนี้ครับ ? ท่านบอกว่าไอ้เจ้าเนี่ยชาติก่อนมันตายขณะกำลังตะลุมบอนอยู่ มันก็เลยไม่แยกมิตรไม่แยกศัตรูหรอก ใครที่คิดว่าอันตรายมันกัดไว้ก่อน ท่านใหม่เขาจะมีอาชีพหลักก็คือวิ่งนำหน้ารถหลวงพ่อตอนเช้า ๆ บ่าย ๆ ตอนเช้าหลวงพ่อจะมาทางด้านตกกลางน้ำหรือวิหารร้อยเมตรมาหน้าตึกที่ริมน้ำ หรือออกจากหน้าตึกริมน้ำนี่จะไปรับแขกที่ตึกรับแขก และท่านใหม่จะมีหน้าที่วิ่งนำหน้ารถ ตอนนั้นใครอย่าขวางนะ ขวางมันกัดแหลกจริง ๆ เป็นหน้าที่ของมันน่ะ
              มีอยู่ ๒ คนที่มันไม่กัดคืออาตมากับท่านน้อย ท่านน้อยถ้าเห็นท่านใหม่ควบเข้ามาอย่างกับสิงโตละก็จะตะโกนลั่นเลย ไอ้ใหม่ กูเองโว้ย ก็เออ...จะได้สติ ส่วนของเรานี่ไม่หนีมัน คนอื่นหนีมัน มันไล่กัดเอา ของเราไม่หนีอยู่ได้
              คราวนี้จะมีหลวงพี่วิรัชกับหลวงพี่ชลอนี่คู่ปรับของใหม่มันเลย หลวงพี่ชลอนี่ท่านใหม่มันแค้นมากเลยล่ะ จะย่องตามอยู่ตลอด เผลอเมื่อไหร่กัดทันที เพราะว่าหลวงพี่ชลอแกเลี้ยงหมาไว้ ๔ ตัว พวกไอ้แฟนต้า สไปร์ท หลวงพ่อมีโคล่า หลวงพี่ชลอเขามีน้ำอัดลมยี่ห้ออื่น
              นั่นแหละ วันนั้น ท่านใหม่มันออกไปทางด้านหลังหอฉันใหม่ เป็นถิ่นของไอ้ ๔-๕ ตัว มันก็รุมฟัด พอรุมฟัด ท่านใหม่มันก็สู้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก มีปัญหาตรงพี่ชลอแกเข้าข้างหมาตัวเอง แทนที่จะห้ามหมาตัวเอง ไม่ห้าม ดันไปช่วยตีไอ้ท่านใหม่ โอ้โห...มันจำจนวันตายเลย นั่นแหละ หลวงพี่ชลอไปไหนต้องถือไม้ติดมือไว้ อย่าเผลอนะ เผลอเมื่อไหร่มันถึงตัวมันไม่บอกด้วย
              ส่วนอีกคนหนึ่งนี่ หลวงพี่วิรัชโดนมันกัดรักษาตัวอยู่ครึ่งค่อนเดือนกว่าจะหาย ไปให้เขาเหลาไม้มา ไม้รวกอันแค่นี้ยาวเป็นวาเลย กะจะตีกับท่านใหม่ พอถึงเวลาเจอะหน้ากัน ท่านใหม่โฮกใส่ พี่วิรัชมืออ่อนตีนอ่อน กองให้มันกัดแต่โดยดี มันดุอย่างกับเสือจริง ๆ หมาตัวนี้
              นั่นแหละ หลวงพี่ชลอตีมัน สังเกตเห็นชัดเลย มันไม่หลบไกล มันแค่ดึงตัวพ้นปลายไม้ แล้วโดดสวนเลย โอ้โห...หมาหยั่งนี้น่ากลัว เสร็จแล้วกรรมการสงฆ์ปรึกษากันจะจับมันมาปล่อยกรุงฯ จุดมุ่งหมายก็คือให้เทศบาลเก็บแทน เป็นพระฆ่าหมาไม่ได้ หลวงพ่อบอกว่ามีของดีอยู่แล้ว ไม่รู้จักใช้ ท่านบอกว่าหมาดุน่ะมันดี คนมันจะได้เกรง เรารู้อยู่ว่าตอนไหนมันทำหน้าที่อะไร ตอนเช้ากับบ่ายที่มันจะต้องวิ่งนำหน้ารถก็อย่าไปขวางทางมันสิ มันก็หมดเรื่องไปแล้ว ถ้ากลางคืนท่านใหม่มันส่ายอาด ๆ อยู่ในวัด ใครมันจะกล้าเข้าวัดล่ะ ขนาดพระด้วยกัน ยังเตรียมเผ่นอยู่แล้ว
              คราวนี้มันหายไป ๒ วัน ไม่มาวิ่งนำหน้ารถ หลวงพ่อก็ให้ทหารตำรวจไปเดินหาซิว่าอยู่ที่ไหน พอเช้าวันที่ ๓ เช้ามืดกำลังทำกรรมฐานอยู่ มีเทวดาอยู่องค์หนึ่งเดินขึ้นมา หน้าเป็นท่านใหม่เป๊ะเลย เทวดาหน้าหมา ถามว่า เฮ้ย...เทวดามีหน้าอย่างนี้ด้วยเหรอ ? บอกว่ากลัวท่านจะจำผมไม่ได้ครับ ถามว่าแล้วตอนนี้หายหัวไปไหนมา ? บอกผมตายแล้วครับ ตกน้ำตาย ทำภาพให้ดู แก่แล้วทะลึ่งเล่นซนเป็นหมาเด็ก ๆไปยื้อพวกผักตบชวาเล่น ดึงไปดึงมา เย่อไปเย่อมา ลื่นพรืดตกลงไป
              คราวนี้ตัวเองแก่แล้ว ตะเกียกตะกายเกาะแพอยู่ไม่กี่ทีหมดแรงก็จมบ๋อง ตอนทำภาพให้ดูนี่มันลอยอืดแล้ว ปลาดอดตุบตับ ๆ อยู่ กลิ่นมาพร้อมเลย บอกไอ้ฉิบหาย รีบเอาไปไกล ๆ เลยมึง ปกติแล้วท่านใหม่มันไม่ได้กลัวเราหรอก แต่ว่ามันเกรงเพราะว่าบอกกับมันไว้ บอกว่าถ้าหากว่าเอ็งกัดข้านะ ข้าจะเอาหนังสติ๊กยิงกบาลเอ็ง หมามันจะกลัวหนังสติ๊ก เพราะว่ายิงมันได้ไกล ๆ มันก็เลยเกรงใจ
              ปรากฏว่าพอถึงเวลาตาย แทนที่ไปหาคนอื่น มาหาคู่กัดก่อน มาบอกให้ฟังบอกว่าเขาตายแล้ว ไม่ต้องไปหาเขา มันลอยน้ำไปแล้ว พอเช้าก็บอกพวกทหารตำรวจเขา บอกไม่ต้องไปหาท่านใหม่หรอกนะ มันตายแล้ว เมื่อเช้ามันแวะมาหา บอกให้ช่วยถวายสังฆทานให้มันด้วย พวกแกถวายสังฆทานให้มันด้วยก็แล้วกัน
              ทหารตำรวจเขาเชื่อ แต่พระไม่เชื่อ ไปแอบถามหลวงพ่อตอนออกรับแขก หลวงพ่อเลยยืนยันให้ เขาไปถามในลักษณะว่าอาตมาบอกว่าไอ้ใหม่ตายแล้วเป็นเทวดาด้วย จริงรึเปล่าครับหลวงพ่อ ? หลวงพ่อบอก เออจริง มันเป็นเทวดา ปกติแล้วต้องอยู่ชั้นดุสิต เพราะเป็นพระโพธิสัตว์
              โอ้โห...สุดยอดน่ะ แต่ว่าท่านใหม่ไม่ไปดุสิต หลบอยู่แค่ดาวดึงส์ ถามแล้วว่าทำไมถึงหลบมาอยู่ดาวดึงส์ ? บอกถ้าอยู่ดุสิตต้องมีหน้าที่เทศน์สอนเทวดา มันขี้เกียจเทศน์ พระโพธิสัตว์จะรู้ธรรมมาก ถึงเวลาต้องเทศน์สอนเขา มันขี้เกียจเทศน์ แล้วบอกว่าต่อไปจะเป็นยังไง อีกไม่นานจะลงมาเกิดใหม่อีกที ใครเป็นคู่ปรับมัน...เจออีก ตกลงว่าหมานี่เขาไปเป็นเทวดาเป็นพรหมกันเป็นแถว
      ถาม:  ก่อนตายนี่สำคัญมาก ?
      ตอบ:  สำคัญ แล้วอีกอย่างหนึ่ง พวกพระโพธิสัตว์นี่กำลังใจเขาเข้มแข็งอยู่แล้ว แล้วเขาเองเท่ากับว่าเขาทำงานให้สงฆ์อยู่ทุกวัน ดุแลของสงฆ์รักษาความปลอดภัยให้หลวงพ่อด้วย
      ถาม:  การสะกดจิตรักษาโรค บางคนที่มีนิสัยประหลาด พอสะกดจิตย้อนหลังพบว่าก่อนตายจะเจออะไรที่... กลายเป็นนิสัย ?
      ตอบ:  มันก็เจอลักษณะนั้น มีอยู่คนหนึ่งเขากลืนยาไม่ได้ กลืนอะไรใหญ่หน่อยมันจะติดคอ ไปสะกดจิตรักษาโรค ปรากฏว่าชาติก่อนเขาโดนเชือดคอตาย มันระแวงอยู่เสมอ ตัวเองมีแผลอยู่ไง กลืนอะไรไปก็เด้งดึ๋งขึ้นมา
      ถาม:  จะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย ?
      ตอบ:  ออสเตรเลีย อุปสรรคทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่ใจเรา อันดับแรก ไปไกลแล้วเหงา อันดับที่สองทนความเย้ายวนไม่ได้ ไหลตามเพื่อนไป ทำไมไปออสเตรเลีย เงินมันใหญ่กว่าเราเยอะ ไปไอ้ที่เงินเล็ก ๆ กว่าไม่ได้เรอะ ?
      ถาม:  ที่ไหนที่เงินเล็กกว่า ?
      ตอบ:  ลาวยังงี้ เขมรยังงี้ พม่ายังงี้ ตอนนี้ลาวแย่หน่อยเพราะว่าบาทหนึ่งนี้สองร้อยกว่าของเขา เขมรนี่ก็ระดับเดียวกัน มีญวนน่ะสิ ญวนนี่บาทหนึ่งได้ประมาณพันหก ของพม่านี่บาทหนึ่งยี่สิบกว่า อินเดียบาทต่อบาท บาทต่อบาทแต่ถ้าแลก ๓ บาทมันให้เราสิบสลึง แสดงว่าของเราเล็กกว่าเขาหน่อยหนึ่ง เงินไทยกับอินเดียนี่สูสีกันนะ บาทต่อบาท แต่ถ้าแลก ๓ บาทเขาให้เราสิบสลึง เพราะฉะนั้นแลกมันทีละบาท
      ถาม:  .......................
      ตอบ:  ไปหางานทำด้วย ร้านอาหารไทยเป็นหลัก จำไว้ว่าอะไรก็ตาม ถ้ายังไม่ได้ทำอย่าเพิ่งกลัว เขาบอกว่าทำไม่ได้ ตื๊อทำมันให้ได้ แล้วจะประสบความสำเร็จในชีวิต
              อาตมาคนหนึ่ง ใครว่าอะไรที่ไม่ได้นี่ ไม่เคยเชื่อเลย หลวงพี่วิรัชเป็นหมอดูชั้นยอดของวัดท่าซุงเลยนะ ตำราของท่านเนี้ยบมากเลย เขายืนยันท่านเล็กพรรษาที่สามคุณสึกแน่ ผมดูมาเป็นสิบละ คนที่ดวงตกลักษณะอย่างนี้สึกหมด ก็บอกแล้วถ้าผมไม่สึกล่ะ ? ท่านบอกถ้าไม่สึกผมยอมเผาตำราทิ้ง ตกลงหลวงพี่วิรัชต้องเผาทิ้งทั้งเซ็ดเลย เสียดายเหมือนกันเพราะว่าเก็บลายมือของคนเอาไว้เป็นปึก ๆ เลย ใครไปดูหมอจะปั๊มลายมือเก็บไว้หมด เอาไว้เป็นตัวอย่างศึกษา เสียดายเหมือนกันคือคนบ้า ๆ อย่างเรานี่มันนอกเหตุเหนือผลอยู่แล้ว คือถ้าท่านท้านี่เราสู้ แต่ว่าตอนนั้นรู้สึกเหมือนกันว่ามันแย่ จะไปแหล่ไม่ไปแหล่เหมือนกัน ที่ตื๊ออยู่ได้เพราะอยากเอาชนะเท่านั้น
              เพราะฉะนั้นอะไรที่เขาบอกว่าเราทำไม่ได้พยายามทำซะ อะไรที่ทำไปแล้วไม่ต้องเสียใจ แต่จงเสียดายถ้าไม่ได้ทำ
      ถาม:  อิทธิพลดวงดาว ชะตาชีวิต ?
      ตอบ:  มันมีผลอยู่ อย่าลืมว่าแค่ดวงจันทร์แค่นี้ ยังทำให้น้ำขึ้นน้ำลง แล้วโดยเฉพาะผู้หญิงกับดวงจันทร์นี่ไปด้วยกันอยู่แล้ว ๒๘ วันเจอกันทีหนึ่ง
              ดาวอื่น ๆ ก็เหมือนกัน แต่ว่าขณะเดียวกันว่า เราก็อย่าปล่อยให้เขามีอิทธิพลต่อเราฝ่ายเดียว ถ้าหากว่าความดีของเราสูง ความเข้มแข็งของใจของเราสูง เขาก็มีอิทธิพลน้อย ในเรื่องของดวงเรื่องของโหราศาสตร์ที่แม่นที่สุด ถ้าหากว่าเรามั่นคงในเรื่องของทาน ศีล ภาวนา เรื่องไม่ดีทีจะเกิดขึ้นมีไม่เกิน ๒๕% ที่เหลือมันสู้ความดีไม่ได้
      ถาม:  มีผลต่อการปฏิบัติใช่มั้ยคะ ?
      ตอบ:  มี ถ้าเราสามารถดึงเอากลังเข้ามาใช้ได้ก็สนุก แต่อย่าเล่นแบบอาตมานะ เกือบตาย
              มีอยู่วันหนึ่งนอนภาวนา ตอนนั้น...ฝึกกรรมฐานไม่นาน เห็นประจุไฟฟ้าในบรรยากาศ เห็นอันนี้บวก อันนี้ลบ เต็มไปหมดเลย แล้วมานึก ๆ นี่แหละ ถ้าดึงเข้ามาในตัวได้ก็เหมือนอย่างกับกำลังภายใน ใช้งานได้ด้วย เราก็ลองเอากำลังใจรวบรวมมันเป็นจุดเดียว แล้วดึงมันลงมาใส่ตัว เจ้าประคุณเถอะ เกือบพิพากษาประหารชีวิตตัวเอง รู้สึกเหมือนตัวมันพอง วูบออก เส้นเลือดมันจะระเบิด สมองมันจะกระเด็นออกทางกระหม่อม ตรงลูกกะตาจะหลุดออกไปเลยยังงั้น ชั่ววินาที ๒ วินาทีแค่นั้นเอง ต้องรีบตัดกำลังใจคลายมันออก ผลปรากฏว่านอนแผ่หรา เยียวยาตัวเองอยู่ ๒ ชั่วโมงกว่าจะกระดิกได้ ตั้งแต่นั้นมาเข็ด ง่ายแค่ไหนก็ไม่เอาแล้ว วิธีมักง่าย มันจะพาเราตายเร็ว ตอนนั้นลืมนึกไปว่ามันเยอะเกินไป โลภมากเอาเยอะ ๆ ยิ่งดี เกือบจะโดนไฟช็อตตายโดยไม่มีสาเหตุ
      ถาม:  ฝึกกำลังภายใน ฝึกไป...?
      ตอบ:  ท้าย ๆ มันก็เป็นเรื่องของจิตหมด ดูอย่างในมังกรคู่สู้สิบทิศ ตอนนี้มันสัมพันธ์กับฟ้าดินแล้ว แต่ว่ายังมีอีกขั้นหนึ่ง เขาบอกสู่อนุภาพ ตอนนี้มันเหลือแต่จิตล้วน ๆ
              สมัยก่อนคนไทยของเรา เวลาฝึกมวยฝึกอาวุธ มันจะต้องหัดสมาธิภาวนาไปด้วย ระยะแรก ๆ การใช้อาวุธ ท่าเท้า การเคลื่อนไหวของร่างกายต้องสัมพันธ์กันหมด ในเมื่อสัมพันธ์กันหมด พอมันเริ่มกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็อยู่ในระดับที่เรียกว่าม้าย่อง พอต่อไปกำลังจิตเริ่มส่งออกมันกดดันคู่ต่อสู้ได้ จะอยู่ในจุดที่เรียกว่า เสือย่าง คือเดินแบบเสือ แค่เดินคู่ต่อสู้ก็รู้แล้วละว่าไอ้นี่มันเอาเราตายแน่ บางคนแพ้ตั้งแต่ไม่ทันจะลงมือ เพราะระดับมันห่างกันมาก พอสุดท้ายเขาเรียกสีหยาตรเดินแบบพญาราชสีห์ นี่พลังจิตออกกดดันคู่ต่อสู้
              ส่วนใหญ่ยอมแพ้ตั้งแต่ก่อนจะลงมือ ที่อ่าน ๆ ไปนั่นแหละ สังเกตมั้ยว่าพอถึงระดับสุดท้ายแล้ว ของเขาสามารถที่จะใช้กำลังของเขาควบคุมคนอื่นได้ เหินเตะ ท่านี้เขาเรียกหนุมานเหินหาว จะเป็นการใช้กำลังใจคุมร่างกายตัวเองให้ลอยขึ้นตามเตะคู่ต่อสู้ ถ้ามันไม่หมอบคาตีนก็ไม่เลิก
              ปัจจุบันเท่าที่รู้มีทำได้อยู่คนเดียว ก็คือคุณสเกน แก้วผดุง ตอนนี้เปิดค่ายมวยอยู่อังกฤษ ต้องอัดกับพวกไอ้มืดไอ้หรั่งตัวยักษ์ ๆ ประจำ สเกนเขาให้ฝรั่ง ๆ ๒ คนขี่คอกัน แล้วเอาดาบเสียบลูกแอ๊ปเปิ้ลชูขึ้นไปสุดแขน สูงประมาณเท่าไหร่ น่าจะเกิน ๓ เมตร คุณสเกนเตะถึงลักษณะเหมือนกระโดดในสายตาคนอื่นเขา แต่ถ้าหากว่าในสายตาของพวกเราก็คือมันลอยขึ้นไปเฉย ๆ หลวงพ่อบอกว่าใช้กำลังใจไม่มาก แค่คุมอุเพ็งคาปิติให้อยู่ในระดับนั้นก็พอ กำหนดใจเมื่อไรให้ได้ตรงจุดนั้นก็ใช้ได้แค่นั้นเอง ไม่ได้ใช้กำลังใจเยอะเลย แต่อย่าลืมว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของสมาธิ
              เพราะฉะนั้นปัจจุบันของเราอย่างที่หัด ๆ กันอยู่ในเรื่องของอาวุธ อย่างพวกสำนักพุทไธสวรรย์ ตามปัจจุบันมันห่วยแตกแล้ว ถ้าสามารถใช้ได้แค่นั้นเมืองไทยเราไม่รอดจากข้าศึกมาจนทุกวันนี้เหรอก
              เคยอ่านประวัติพระยาสีหราชเดโชหายตัวได้อึดใจหนึ่ง ก็ลักษณะนั้นแหละ พอถึงเวลากลั้นใจว่าคาถา เขาเรียกคาถาวิรุฬจำบัง ข้าศึกจะมองไม่เห็นทั้งตัวทั้งเงา ไปได้ชั่วอึดใจหนึ่ง ชั่วอึดใจหนึ่งนี่ ประเภทมันเหลือเฟือที่จะฟันหัวฝ่ายตรงข้าม มันจะเหลืออะไร ก็อาวุธยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่เขามองไม่เห็น นั่นคือการใช้พลังจิตอย่างหนึ่ง
              มารุ่นหลัง ๆ นี่หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา เจ้าของหนึ่งในเหรียญเบญจภาคี แพงที่สุดในประเทศไทย หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเปิดสำนักสอนกระบี่กระบองในวัด สมัยนั้นมันยังมีการค้าขายอยู่ ค้าขายสำเภากับจีนอยู่ มีมือกระบี่จากเมืองจีนมา อยากทดสอบวิชาตัวเองว่าอยู่ระดับไหนแล้ว ก็ตามลุยไปทีละสำนัก เขาชนะมาตลอด พอไปถึงวัดพระญาติก็ขอลองด้วย หลวงพ่อกลั่นบอกว่าท่านเป็นพระ ท่านสอนแต่ลูกศิษย์ ถ้าคุณอยากลองยอมให้ลอง แต่ว่ามีข้อแม้ หลวงพ่อกลั่นท่านบอกว่าจะปิดให้ตีเพลงหนึ่ง เพลงหนึ่งนี่เขาตีกลองกันลิ้นห้อยเหมือนกัน มันไม่ใช่แป๊บเดียว อย่าลืมว่าเพลงหนึ่งอาจจะมีซักร้อยแปดกระบวน จะปิดให้ตีเพลงหนึ่ง ถ้าคุณไม่สามารถทำอันตรายได้คุณต้องกลับเมืองจีนแล้วอย่ามารังควานคนไทยอีก เขาก็ตกลง
              หลวงพ่อกลั่นถือพลองสั้น ๒ อัน ฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธได้ตามถนัด ลูกศิษย์บอกว่าพอหลวงพ่อกลั่นควงพลองมองไม่เห็นตัว เห็นแต่เงาพลองล้อมอยู่ เจ้านั่นตีจนลิ้นห้อ ตีไม่ถูกซักที เข้าไปเท่าไหร่กระดอนกลับหมด ก็เลยยอม วางกระบี่กราบหลวงพ่อกลั่นแล้วก็กลับ ไม่รู้จะสู้ไปทำไม เขายังไม่ทันจะตีคืนเลย คือลักษณะอย่างนั้น