เก็บตกบ้านวิริยบารมี เดือนมิถุนายน ๒๕๕๔
ถาม : เวลานำท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ไปตั้ง ต้องหันหน้าเหมือนพระ คือหันไปทางทิศตะวันออกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : แบบเดียวกัน เอาปลอดภัยไว้ก่อน แต่ถ้าตั้งท่านบนหิ้งพระ ก็ให้ท่านต่ำกว่าพระนิดหนึ่ง
อย่างของอาตมาจะมีโต๊ะหมู่ตัวใหญ่และมีตัวเล็กอีก ๙ ตัว ๙ ตัวนั้นก็ตั้งพระพุทธบ้าง ตั้งพระสงฆ์บ้าง ท่านท้าวมหาราชเราก็ตั้งไว้ที่บนโต๊ะใหญ่ ข้างหน้าสุดเลย ท่านแม่ก็อยู่ด้านหนึ่ง ท้าวมหาราชก็อยู่ด้านหนึ่ง พอดีได้ที่เลย
จริง ๆ แล้วท่านแม่จะเอาขึ้นไปเสมอพระสงฆ์ก็ได้ เพราะท่านไปพระนิพพานแล้ว แต่ว่าในรูปลักษณ์ผู้หญิงที่สร้างขึ้นมา คนที่ไม่รู้เขาจะตำหนิเอาได้ ว่าเอาผู้หญิงไปวางเสมอพระ ฉะนั้น...จะทำอะไรต้องเกรงใจคนบ้าง อย่าให้ตัวเราต้องไปสร้างโทษให้คนอื่นเลย
ถาม : พระนารายณ์ทรงฤทธิ์ของวัดเขาวง เอาไว้ระดับเดียวกันได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ ท่านเป็นเทวดาเหมือนกัน
ถาม : ฮก ลก ซิ่ว ของจีนค่ะ ?
ตอบ : ฮก ลก ซิ่ว นี่มีตัวจริงบ้างไม่มีตัวบ้าง แต่ในเมื่อเขาเคารพเขาเชื่อถือก็ตั้งไปเถอะ อยู่ระดับเดียวกันได้ไม่เป็นไร เพราะนั่นก็ถือเป็นเทพที่คนจีนเขาเคารพอยู่เหมือนกัน
ฮก คือ อำนาจวาสนาบารมี
ลก คือ ความร่ำรวย ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
ซิ่ว คือ อายุวัฒนะ ปราศจากโรค
คนจีนเขาถือว่ามีครบ ๓ อย่างนี้ จัดเป็นความสุขสุดยอดของมนุษย์แล้ว แต่อย่างท้ายนี่ยากหน่อย ถ้าไม่ได้สร้างบุญมาดีจริง ๆ อย่างพระพากุลเถระ ไม่มีทางที่จะปราศจากโรคได้
แพ้เหล่าโจ้วที่เป็นเซียนอายุวัฒนะ ท่านอายุได้ ๘๐๐ ปี ลูกก็ตาย หลานก็ตาย เหลนก็ตาย ส่วนตัวเองยังอยู่ ท่านเบื่อเต็มทีไม่มีคนคุยรู้เรื่องแล้ว ท่านก็เลยไปดีกว่า
บันทึกเขาเขียนว่าท่านเดินหายเข้าป่าไปเฉย ๆ หากว่าใครมีความสามารถถึงขนาดปรับธาตุตัวเองได้อย่างท่าน ก็ยึดอายุให้นานได้ แต่ถ้าไม่อยากลำบากก็อย่าไปทำเลย อยู่นานยิ่งหาคนคุยด้วยได้ยาก
ฮก อำนาจวาสนาบารมี ก็ต้องพุทธปูชา มหาเตชะวันโต บูชาพระพุทธเจ้า
ลก ร่ำรวย ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เอารวยอย่างเดียวนะ ก็ต้อง สังฆปูชา มหาโภคะวะโห
การบูชาพระสงฆ์ ถือว่าจะส่งผลให้สำเร็จไปด้วยโภคสมบัติต่าง ๆ เนื่องจากว่าส่วนใหญ่การบูชาพระสงฆ์ก็คือ เราถวายอามิสทาน โดยเฉพาะเรื่องของการใส่บาตร
แต่ซิ่วนี่ต้องไปที่ศีลอย่างเดียวเลย รักษาศีลดีอายุยืนนาน ผู้ไม่มีปาณาติบาตย่อมไม่เจ็บไข้ได้ป่วย มีอายุยืนนาน
*************************
“เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า ทำไมบุญจึงมีความอัศจรรย์ ส่งผลได้มากขนาดนั้น ?
เพราะว่าบุญอยู่ในลักษณะทวีคูณ ยิ่งสภาพจิตของผู้รับบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็เหมือนกับคนแข็งแรง
สมมติว่าคนแข็งแรงหยิบของชนิดหนึ่ง แล้วขว้างออกไป อย่างเราขว้างได้แค่ใกล้ ๆ แต่ท่านสามารถขว้างไปไกลลิบเลย คือส่งผลให้มากขึ้นตามกำลังของท่าน
ฟัง ๆ ดูในเรื่องของบุญ บางทีก็เหมือนกับโฆษณาชวนเชื่อ แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า ส่วนที่เขาทำนั้นจำเป็นที่จะต้องเลือกเนื้อนาบุญ
ทั่ว ๆ ไปเราเห็น เราเจอ เราสามารถทำได้ ให้ทำไปเลย ไม่จำเป็นต้องเลือก แต่ถ้ามีโอกาสประกันความเสี่ยง มีให้เลือกได้ เราก็เลือกทำกับเนื้อนาบุญที่ดี พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำได้ทุกที่ ทำไปเถอะ แต่ตรงไหนที่เรามั่นใจ เราก็เป็นขาประจำหน่อย”
*************************
ถาม : ถ้าทิศตะวันออกกับทิศเหนือตั้งพระหมดแล้ว สามารถตั้งพระทิศตะวันตกกับทิศใต้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ควรเสี่ยง แต่จะลองดูก็ได้ จะได้รู้ผล
ถาม : ควรพยายามหาทิศตะวันออกให้ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เราจะเชื่ออย่างเดียวไม่ได้ ต้องลอง...! เกิดผลอะไรขึ้นจะได้พูดเต็ม ๆ ปาก ว่าลองมาแล้ว
ถ้าหากหามุมไม่ได้อีกแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าหามาเพิ่ม...!
*************************
ถาม : บางครั้งใช้มรณานุสติแล้วกดโทสะไม่อยู่ วันก่อนผมโกรธมาก ถ้าตายไปตอนนี้...?
ตอบ : ไม่ต้องห่วง ลงนรกแน่นอน...!
ถาม : ทุกครั้งเอาอยู่ แต่ครั้งนี้คิดว่าเรายังไม่ตาย ขอก่อน ขอโกรธก่อน มีวิธีแนะนำไหมครับ ?
ตอบ : มี…อย่าให้อารมณ์ถึงที่สุด รีบเผ่นออกจากสถานการณ์นั้นก่อน
นึกถึงที่หลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ ท่านบอกว่า หัดเป็นนักหลบเสียบ้าง อย่าเอาแต่เป็นนักรบอย่างเดียว สถานการณ์ที่รบแล้วตายอย่างเดียว แล้วยังรบอยู่ เขาเรียกว่าโง่...! ชัดไหม ?
เราไม่ยอมออกจากเหตุการณ์ ก็ต้องระเบิดอารมณ์จนได้ สมัยก่อนตอนที่อาตมาสู้กับพวกนี้อยู่ อาตมาไม่เกรงใจใครหรอก ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องทำให้เกิดโทสะ ก็จะหันหลังเดินหนีไปเลย ใครจะว่าเสียมารยาทก็ช่างหัวมัน ต้องเอากำลังใจของตัวเองไว้ก่อน ยังดีนะที่คุณยังคิดถึงมรณานุสติได้ ถ้าเป็นอาตมาสมัยก่อนไม่เสียเวลาคิดหรอก ลงมือไปแล้ว...!
*************************
“ใครดูข่าวที่หมาคราบเอาใบไม้มาแลกข้าวบ้าง ?
เขาเป็นคนแล้วไปเกิดเป็นหมา ยังเคยชิน มีหิริโอตัปปะอยู่ ว่าไม่ควรเอาของใครฟรี พอคนให้อาหาร เขาก็ไปคาบใบไม้มาให้
หมาที่วัดท่าขนุนก็มีอยู่ตัวหนึ่ง ทำแบบนี้เหมือนกัน พอถึงเวลาเขาจะเอาใบไม้มาแลก ใบไม้ต้องเป็นใบสะอาดด้วยนะ ใบไม้สกปรกเขาไม่เอามา ความรู้สึกของเขายังเป็นคนอยู่ เหมือนกับว่าเวลาไปตลาดแล้วซื้อของต้องจ่ายเงิน เขาจึงหาใบไม้มาแลก จะเอาอย่างอื่นมาแลกก็หาไม่ได้”
*************************
ถาม : แกะทองที่เลี่ยมพระเครื่องออกไปขาย จะมีโทษหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าเจตนาแรกตั้งใจทำถวายเป็นพุทธบูชา แล้วไปแกะทองออก อย่างนั้นจะมีโทษ ถ้าตอนแรกไม่ได้เจตนาก็ไม่เป็นไร
*************************
ถาม : อภัยทานกับธรรมทาน อย่างไหนมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ ?
ตอบ : เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
ในทานทั้งหลาย ธรรมทานนั้นชนะทานทั้งปวง ในรสทั้งหลาย รสแห่งธรรมนั้นชนะรสทั้งปวง
*************************
ถาม : อภิสังขารมารคืออะไรครับ ?
ตอบ : อภิสังขารมาร แปลว่า สิ่งที่ยิ่งกว่าการปรุงแต่ง ก็คือในส่วนของบุญบาปที่เป็นมารได้ อย่างเช่นว่า เราสร้างบุญ แล้วสิ่งที่ตอบแทนมาเป็นความดี ความสุข เราก็เพลิดเพลินติดอยู่แค่นั้น ทำให้เข้าถึงมรรคผลไม่ได้
เราสร้างบาป ก็พาเราตกต่ำลงสู่อบายภูมิ เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ เท่ากับขวางเราจากทางของความดี เขาก็เลยเรียกว่าอภิสังขารมาร เพราะถือว่าเป็นผู้ขวาง หรือผู้ฆ่าเราจากความดีเหมือนกัน
ถาม : มีโทษมากไหมครับ ?
ตอบ : แค่ไปพระนิพพานไม่ได้เท่านั้นแหละ ไม่มากหรอก...!
*************************
“อาฬวกยักษ์อยู่ที่เมืองอาฬวี พระพุทธเจ้าท่านเสด็จไปโปรด เหล่าบรรดาบริวารของอาฬวกยักษ์ได้ทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าเข้าไปยังสำนัก เหมวตยักษ์กับสาตาครียักษ์ผ่านไปเห็นก็ทำความเคารพพระพุทธเจ้า แล้วรีบไปยังสถานที่ประชม ไปบอกอาฬวกยักษ์ว่า ลาภใหญ่กำลังเกิดกับท่านแล้ว พระสมณโคดมไปเยือนสำนักของท่าน
ปรากฎว่าอาฬวกยักษ์ไม่ได้รู้สึกดีใจ รีบกลับไปยังสำนักตน เพราะมียักษ์สาว ๆ อยู่เยอะ กลัวพระพุทธเจ้าจะพาไปหมด ต้องบอกว่ากำลังใจของคนที่ต่างกันทำให้คิดต่างกันจริง ๆ
พออาฬวกยักษ์เข้าไปถึง เห็นพระพุทธเจ้าอยู่ข้างใน บรรดาสาวสรรกำนัลในของตัวเองกำลังปรนนิบัติเต็มที่ ไปถึงก็ไล่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านก็เดินออกไป เดินไปได้ครึ่งทาง อาฬวกยักษ์ก็แปลกใจไหนว่าพระสมณโคดมมีอำนาจ ครอบงำตั้งแต่ภควพรหมลงมา พอเราไล่ทำไมไปง่าย ๆ อย่างนี้ ?
อาฬวกยักษ์จึงบอกให้พระพุทธเจ้ากลับมาก่อน พระพุทธเจ้าท่านก็เดินกลับมา อาฬวกยักษ์ก็งงอีก พระพุทธเจ้าสั่งง่ายขนาดนี้เลยหรือ ? จึงไล่อีก ท่านก็ไปอีก
เมื่อเป็นดังนั้น อาฬวกยักษ์จึงทูลเชิญพระพุทธเจ้าเข้าไป และตั้งปัญหาถาม ปัญหามีหลายข้อด้วยกัน อย่างเช่นว่า การข้ามโอฆะ (ห้วงน้ำแห่งกิเลส) ต้องทำอย่างไร ?
พอพระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบ อาฬวกยักษ์จึงกลายเป็นพระโสดาบัน
ที่เล่ามานี่จะบอกว่าอาฬวกยักษ์ท่านไปพระนิพพานแล้ว สมัยพุทธกาลท่านเป็นพระโสดาบัน แต่ก่อนที่ท่านจะไปพระนิพพาน ท่านก็แวะมากราบหลวงพ่อวัดท่าซุง
ท่านบอกว่า มาขอลาไปพระนิพพาน แล้วท่านก็ดึงผ้าพันคอของท่านที่ใช้เป็นอาวุธ ถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงไว้ใช้งาน
หลวงพ่อวัดท่าซุงถามท่านว่า มีอานุภาพอย่างไร ?
ท่านบอกว่า “ถ้าขว้างลงไปกระทบพื้น ก็เป็นไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก...”
หลวงพ่อบอกว่า “เชิญเอากลับไปเถอะ ไอ้ของระยำอย่างนี้ ข้าไม่เอาหรอก มันรุนแรงเกินไป”
อย่าลืมว่านั่นเป็นแค่ยักษ์ระดับมหาอำมาตย์เท่านั้น ยังไม่ใช่องค์จตุโลกบาลนะ แล้วถ้าเป็นระดับมหาราชของท่านทั้งหลายเหล่านี้ อาวุธของท่านจะมีศักดานุภาพขนาดไหน ?
ฉะนั้น...โลกมนุษย์ของเรานี่ไม่พอให้ท่านใช้เท้าเหยียบข้างหนึ่งหรอก”
*************************
“สมัยเด็ก ๆ อาตมาชอบมุดเข้าไปในซอกเล็กซอกน้อย ผู้ใหญ่เขาเตือนว่า “ระวังผีจะลักซ่อนนะ...” แต่ก็ไม่กลัวหรอก มุดเข้าไปทุกที่
แต่ว่าเพื่อนบ้านใกล้ ๆ โดนเหมือนกัน หายไปอยู่ ๒ วัน ตามหาเท่าไรก็หาไม่เจอ ตอนหลังพระท่านช่วย ทำน้ำมนต์พรหมเสร็จ ก็เห็นเข้าไปนอนอยู่ในสุ่มไก่ มุดเล่นอยู่ในสุ่มไก่ นอนอยู่เฉย ๆ ๒ วัน
พอถามเขาก็บอกว่าเล่นซ่อนแอบอยู่ มีคุณอา ...ไม่รู้คุณอาอะไรของเขา มาชวนไปบ้าน มีขนมให้กิน บ้านคุณอาเขาสวย มีสวนสวย ๆ ไปตลอดทาง กินขนมเสร็จ คุณอาก็บอกว่า “กลับบ้านเถอะ แม่กำลังหาอยู่ ๒ วันแล้ว” เวลาต่างกันขนาดนั้น นั่นกินขนมแค่พักเดียว แล้วก็กลับบ้าน”
ถาม : ถ้าไม่กลับมาจะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าหมดอายุก็ไปเลย ถ้าไม่หมดอายุ ก็เป็นลักษณะนอนเงียบไปเฉย ๆ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะว่าสภาพร่างกายที่ออกไปลักษณะอย่างนั้นเหมือนกับการออกไปด้วยกำลังของฌาน ๔ กำลังฌานช่วยรักษาร่างกายได้
ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องกันมา เขาก็ไม่มาชวนหรอก โบราณเขากลัวผีลักซ่อนก็คือลักษณะนี้ ถึงเวลาเขาก็บังตาไว้
แบบเดียวกับที่เขาใหญ่ ตรงจุดใกล้ เหวสุวัต เขาทำเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ปรากฎว่าเด็กหายไปคนหนึ่ง มีพนักงานป่าไม้ผู้อาวุโสบอกให้จุดธูป ๕ ดอก ปักลงดิน ขอเจ้าพ่อที่ศาลตรงนั้นให้หาเด็กเจอ
จริง ๆ แล้วเด็กก็อยู่แถวนั้นแหละ คนเดินไปเดินมาอยู่ตอลด เด็กนั่งอยู่ตรงลานหินใกล้ ๆ กับสระน้ำ ตอนเขาหากัน เด็กก็เห็นคนเดินไปเดินมาอยู่ แต่พอตะโกนเรียก เด็กเขาบอกว่าไม่ได้ยิน เขาไม่คิดว่าคนมาหาคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาเดินธรรมดา เขารู้สึกว่าเดี๋ยวเดียวเอง แต่ปรากฎว่ากินเวลาไปวันกว่าเกือบ ๒ วัน
สมัยก่อนเรื่องลี้ลับของป่ามีเยอะ พอสมัยใหม่แค่เรื่องไฟฟ้าเรื่องเดียวทำให้ผีหายไปเกินครึ่ง เพราะว่าไฟฟ้ากระพริบด้วยความเร็ว ๕๐ ครั้งต่อวินาที เท่ากับสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา เมื่อผีเขาจะแสดงร่างให้เราเห็น เขาต้องรวบรวมกำลั งดึงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ รอบข้างมารวมเป็นตัวหยาบ
แต่พอไฟกระพริบ ๆ กลายเป็นพลังงานกระแทกกระจายไป จึงทำให้ผีเขารวมไม่ติด ที่โบราณเขาบอกให้เปิดไฟนอนแล้วผีไม่หลอกนี่เป็นเรื่องจริง แต่หมายถึงผีที่มีฝีมือต่ำ ๆ นะ ถ้าไปเจอระดับด็อกเตอร์ผีเข้าเที่ยง ๆ เขาก็มาได้
ฉะนั้น...เราจะเห็นว่าระยะหลังผีหลอกคนน้อยลง เพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะดึงเอาดิน น้ำ ไฟ ลม มารวมเป็นตัวได้ กำลังไฟที่สะเทือนอยู่ตลอดเวลา ทำให้โมเลกุลเกาะกันไม่ติด นี่อธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์แล้วนะ
ถาม : ถ้าเป็นไฟกองใหญ่ ๆ ?
ตอบ : เหมือนกันแหละ ลักษณะเดียวกัน เพราะเปลวไฟที่สะบัดพรึบ ๆ ตลอดเวลา ส่งพลังสั่นสะเทือนอยู่ตลอด โดยเฉพาะว่าทำให้ดิน น้ำ ไฟ ลม ตรงนั้นไม่สมดุลกัน ในเมื่อไม่สมดุลกัน คุณจะประกอบร่างท่าไหน คิดจะเอาดินมาปั้น ตรงนั้นก็เหลือแต่ไฟล้วน ๆ
*************************
ถาม : อ่านนิยาย แล้วรู้สึกคล้อยตามตัวละครไปด้วย ?
ตอบ : มีการปรุงแต่งด้วย เรียกว่าใส่อารมณ์ตาม จิตสังขารนี่ตัวแสบเลย ย่ิงปรุงแต่งมาก โอกาสที่เราจะติดอยู่ใน รัก โลภ โกรธ หลง ก็ยิ่งมาก
สังเกตไหม ? บรรดานางร้ายเข้าไปในตลาดแล้วโดนรองเท้าตบ นั่นเขาปรุงเกินเหตุ เรื่องในจอแท้ ๆ คิดว่าเป็นเรื่องจริง
ถาม : เราไม่ชอบละครตัวนี้ ?
ตอบ : ก็แปลว่าอารมณ์ใจของเราไปปรุงแต่งตามโดยไม่รู้ตัวแล้ว ความรัก ชอบเกลียดชังถึงได้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าชอบก็เป็นราคะ ถ้าไม่ชอบก็เป็นโทสะ โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
ถาม : แล้วจะสนุกได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ปรุงก็ไม่สนุก ทุกวันนี้ที่ฝึกอ่านหนังสือ ก็เพื่อทำให้ใจไม่คล้อยตามและอ่านรู้เรื่องด้วย รู้ไว้เพื่อคุยกับเขาก็พอ
*************************
ถาม : ทำสังฆทานเป็นชุด มีพระสวดด้วยกับหยอดตู้สังฆทาน แบบไหนบุญมากกว่ากัน ?
ตอบ : ไม่ว่าจะยกมาถวายอย่างนี้ หรือหยอดตู้ถวายเป็นสังฆทาน ถ้ากำลังใจดี ก็มีอานิสงส์เหมือนกัน
แต่ถ้ากำลังใจยังไม่ดี ยังยึดรูปแบบอยู่ ก็ทำแบบเป็นพิธีการ จะได้รู้สึกว่าตัวเองทำจริง ๆ
เพราะฉะนั้น..บุญจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา ถ้าเป็นอาตมาหยอดตู้ทำง่ายกว่า เวลาได้อะไรก็ได้ง่ายกว่า แต่ถ้ากำลังใจห่วย ๆ จะต้องเห็นของให้ครบก่อนถึงจะรู้สึกว่าได้ทำ ก็รอไปก่อน
*************************
ถาม : สร้างอุโบสถกับวิหารทาน อานิสงส์เดียวกันหรือเปล่า ?
ตอบ : อานิสงส์เดียวกัน เป็นบุญวิหารทานเหมือนกัน
*************************
ถาม : คนที่ได้มโนมยิทธิ จะสามารถใช้ความสามารถญาณ ๘ ได้หมดทุกอย่างไหม ?
ตอบ : ได้…แต่ความสามารถแต่ละอย่างจะไม่เท่ากัน แล้วแต่บารมีที่สร้างเสริมมา ต่อให้ได้ญาณ ๘ ครบถ้วนทุกอย่างเหมือนกัน ก็จะชำนาญแต่ละอย่างไม่เท่ากัน
อย่างเช่นบางคนอาจจะเก่งในทางทิพจักขุญาณ บางคนอาจจะเก่งทางระลึกชาติ บางคนอาจจะเก่งทางรู้ใจคนอื่น
ถาม : บางคนก็ได้ไม่ครบใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ถ้าหากได้ทิพจักขุญาณตัวเดียว อย่างอื่นก็ได้ครบ เพราะว่าเป็นการใช้ทิพจุกขุญาณในการรู้เรื่องต่าง ๆ
ถ้าเราไปดูอดีต เขาเรียกว่าอตีตังสญาณ
ดูอนาคต เรียกอนาคตังสญาณ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าได้ทิพจักขุญาณตัวเดียว เท่ากับได้ครบนั่นแหละ เพียงแต่ว่าจะชำนาญด้านไหนเท่านั้น
*************************
ถาม : พวกฝรั่งเขาไม่ได้ทำบุญในพระพุทธศาสนา ทำไมจึงมีทรพัย์สินเยอะ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าเราเห็นแค่ชาตินี้ ฝรั่งเขามีการให้ทานเป็นปกติ ในเมื่อเขาให้ทานเป็นปกติ ผลทานก็ย่อมเกิดโภคสมบัติต่าง ๆ สมบูรณ์บริบูรณ์อยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่ามีแต่พระพุทธศาสนาของเราเท่านั้นที่ให้ทานแล้วจะให้ผล เรื่องของความดี จะเป็นคนศาสนาไหนก็ตาม ถ้าทำก็ให้ผลอยู่แล้ว
*************************
ถาม : ให้ทานคนไม่ดี กับให้ทานพระอรหันต์ ต่างกันใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ต่างกัน สำคัญตรงที่คุณได้ทำหรือเปล่า ? ถ้าคุณมัวแต่รอพระอรหันต์แล้วจึงค่อยทำ ชาติหน้าบ่าย ๆ คงจะมีโอกาสหรอก
*************************
ถาม : เคยได้ยินว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย สมัยพุทธกาล พระพุทะเจ้าพูดภาษาไทยหรือเปล่า ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญู ท่านสามารถใช้ทุกภาษาได้ แต่ว่าภาษาหลักในการเผยแผ่ธรรมะในสมัยนั้นคือภาษาบาลี เหมือนกับประเทศเราในปัจจุบันนี้ ที่ใช้ภาษากลางคุยกับคนทุกภาคได้
ที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทยนั้น เกิดจากสมมติบัญญัติของพวกคุณทีหลัง สมัยนั้นไม่มีประเทศไทย มีแต่ชมพูทวีป
ถาม : อินเดียสมัยก่อนอยู่รวมกันทุกเชื้อชาติใช่ไหมครับ ?
ตอบ : แม้ในปัจจุบันเขาก็อยู่กันสามร้อยกว่าเชื้อชาติ เพราะมีถึงสามร้อยกว่าภาษา
ถาม : แสดงว่าคนไทยที่อยู่ในประเทศไทยปัจจุบันนี้ โดนไล่ลงมาใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เสียเวลาไปคิด ไปนั่งภาวนาจะดีกว่า
*************************
ถาม : เรื่องมโนมยิทธิ ผมนั่งสมาธิแต่ไม่ได้กำหนดภาพพระ พอรู้สึกว่าจิตนิ่ง ก็เห็นภาพชัดขึ้นมา ใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : สำคัญตรงที่ว่าใช้งานได้ไหม ? ถ้าเป็นการฝึกปฏิบัติเฉย ๆ เรากำหนดภาพพระอย่างเดียวก็ใช้ได้
แต่ถ้าตั้งใจทำในมโนมยิทธิ ถึงเวลากำหนดภาพพระขึ้นมาแล้ว ในเรื่องญาณคือเครื่องรู้ต่าง ๆ (ญาณ ๘) อย่างใดอย่างหนึ่ง เราต้องทำได้ ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเราใช้งานไม่ได้ ก็เท่ากับเป็นพุทธานุสติเฉย ๆ
*************************
ถาม : ถวายสังฆทาน ควรเลือกเนื้อนาบุญหรือเปล่า ?
ตอบ : มีโอกาสก็เลือก ไม่มีโอกาสทำดะไปเลย เพราะสังฆทานเป็นบุญพิเศษ ทำที่ไหนก็อานิสงส์เท่ากัน
ถาม : เลือกกับไม่เลือกต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : ต่างกันตรงที่ว่า ถ้าเลือก...โอกาสทำจะน้อย
สังฆะ คือ หมู่สงฆ์ ผู้รับเป็นเพียงตัวแทนเท่านั้น เพราะฉะนั้น...จะทำที่ไหนก็อานิสงส์เท่ากัน
ถาม : พระรูปเดียวรับสังฆทาน ?
ตอบ : เหมือนกัน เพราะว่าท่านเป็นตัวแทนสงฆ์เท่านั้น
ถาม : ถ้าเจาะจงบุคคลละครับ ?
ตอบ : อานิสงส์จะลดลงมามาก เพราะว่าไม่ใช่สังฆทาน
*************************
ถาม : ไม่รู้ว่าผมใช้มโนมยิทธิหรือเปล่า แต่ในใจนึกถึงคำว่านิพพานอย่างเดียว ใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : จัดเป็นอุปสมานุสติ กำลังใจเกาะพระนิพพาน ใช้มโนมยิทธิไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ขอให้นึกถึงพระนิพพานได้ก็แล้วกัน
ถาม : ถ้าตายตอนนี้ ผมจะไปไหมครับ ?
ตอบ : ไปแน่ แต่…ไม่รู้ว่าไปไหน …!
ถาม : ผมจะได้ไปนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีใครบอกได้ จนกว่าจะถึงเวลานั้นเอง กำลังใจมุ่งตรงต่อเป้าหมาย พยายามปฏิบัติในกติกาที่ทำให้เราไปพระนิพพานได้ ส่วนจะไปได้หรือไม่ได้...ช่างมัน
*************************
|