ถาม :  เกี่ยวกับเรื่องที่เราเลี้ยงปลาเงินปลาทองในตู้ค่ะ ถ้าเราเลี้ยงปลาเงินปลาทองนี่เหมือนเราทำบาปกักขังหรือเปล่าคะ ?
      ตอบ :  คือถ้าเราเจตนาเลี้ยงเขาให้ได้รับความสุขความสะดวกสบาย ถ้าเราทำบุญทำกุศลอื่นเอาไว้ตัวเมตตาปราณีตัวนี้จะเสริมบุญกุศลนั้นให้สูงยิ่งขึ้นไป แต่ถ้าเราไม่ได้ทำบุญกุศลอื่นใดเอาไว้เลย แต่ว่าเลี้ยงสัตว์โดยการกักขังอย่างเดียวจะเกิดเป็นเวมาณิกเปรต เปรตพวกนี้มีทิพยสมบัติเหมือนเทวดาหมดทุกอย่าง เพียงแต่ออกจากวิมานไม่ได้
      ถาม :  แล้วอย่างถ้าเราตั้งใจเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามล่ะคะ ?
      ตอบ :  มันก็มีโทษเหมือนกัน แต่ไหน ๆ เราซื้อมาแล้วก็เลี้ยงซะให้มีความสุขที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ คือ ถึงเวลาก็ให้อาหารเจ็บไข้ได้ป่วยก็รักษาพยาบาลไปทำตามหน้าที่ไป เพราะปลาเหล่านี้เราปล่อยไม่ได้อยู่แล้ว เพราะหากินเองไม่เป็นนะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสงเคราะห์ด้วยความเมตตาต่อไป
      ถาม :  ถ้าเราไม่ได้ซื้อมาก็เหมือนกับเราไม่ได้กักขังเขาใช่มัยคะ ?
      ตอบ :  ก็ไม่ได้กักขัง
      ถาม :  ก็ปล่อยเขาใครจะขายก็ขายไป ?
      ตอบ :  เรื่องของเขาอย่าไปยุ่งกับเขาก็แล้วกัน ถ้ามันมาถึงแล้วก็รับผิดชอบไป มันตายยากแถมแตกลูกแตกหลานอีก
      ถาม :  แล้วอย่างเราเลี้ยงปลาดุกไว้ขายล่ะคะ เราไม่ได้ฆ่ามัน แต่ เราเลี้่ยงไว้ขายเฉย ๆ ?
      ตอบ :  อย่างนั้นของเราต้องตัดกำลังใจลงอย่างแบบภรรยาของพรานกกุตมิตร ท่านเป็นพระโสดาบันนะ แต่ว่าสามีที่เป็นพรานจะออกล่าสัตว์ แกบอกแม่อีหนูส่งหน้าไม้มาก็ส่งให้ แม่อีหนูส่งบ่วงเชือกมาก็ส่งให้ แม่อีหนูส่งหอกมาก็ส่งให้
              คราวนี้พระเห็นก็แปลกใจมากเป็นพระโสดาบันอีท่าไหนสนับสนุนสามีให้ฆ่าสัตว์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้กลับไปถามเธอ ว่าเธอคิดยังไง พอกลับไปถามท่านบอกว่าท่านเป็นภรรยามีหน้าที่ทำตามคำสั่งสามี ๆ ให้ส่งอาวุธก็ส่งให้ตามคำสั่ง ส่วนสามีจะเอาอาวุธนั้นไปทำอะไรเราไม่รับรู้ กำลังใจท่านตัดแค่นั้นเลย เพราะฉะนั้นส่วนที่เป็นบาปท่านไม่มี
              ฉะนั้นเราเลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ก็นำเขามาแล้วตั้งใจเลี้ยงดูเขาให้มีความสุขความสะดวกสบาย ถ้าคนมาซื้อเราขายแต่เขาซื้อไปทำอะไรเราอย่าไปคิดต่อแล้วกัน นั่นมันเป็นเรื่องของเขาแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่กับเรา ๆ สงเคราะห์เขาเต็มที่แล้ว ถัดจากนั้นไปไม่เกี่ยวกับเรา
      ถาม :  ถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจว่าเราจะเลี้ยงปลาให้มันอ้วนแล้วมันจะได้ราคาดีเหรอคะ ?
      ตอบ :  จ้า
      ถาม :  นั่นมันก็โดนเหรอคะ ?
      ตอบ :  มันก็โดนอยู่ แต่ว่าเขาจะเอาไปทำอะไรมันเรื่องของเขา เราไม่เกี่ยวนี่ เราไม่ได้ตามไปฆ่าเขานี่ เรื่องของธรรมะนี่เขาตรงไปตรงมาใครฆ่าคนนั้นผิด
      ถาม :  แต่มันก็ขึ้นชื่อว่ากักขังเขานะ ทำให้เขาอึดอัด ?
      ตอบ :  ตรงนี้มันมีส่วนอยู่ แต่อย่าลืมว่าถ้าหากว่าเราไม่เลี้ยงเขา ๆ ก็ไม่รอดมันมีบุญมีบาปอยู่ด้วยกันให้ใจของเราเกาะในด้านบุญไว้เสมอ อย่าเผลอไปเกาะในด้านบาป เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่ของเราคิดหานรกเก่งมากเลย เขาไม่ให้ลงก็ตะเกียกตะกายจะลงให้ได้ ตัดความคิดตัวเองให้เป็น เอาอย่างภรรยานายพรานกกุตมิตรท่าน ๆ ตัดแค่นั้น ทำตามหน้าที่หลังจากหน้าที่แล้วไม่รับรู้
      ถาม :  แล้วอย่างคุณพ่อสั่งให้ซื้อปูเป็น ๆ มา สั่งให้ทำกับข้าวให้กินหน่อย หนูก็ต้องทำอย่างนี้ถือว่า ...?
      ตอบ :  อย่างนี้ผิดแน่ ๆ โดนทั้งคู่ทั้งคนสั่งทั้งคนทำ
      ถาม :  ทั้ง ๆ ที่ใจเราไม่อยากทำ
      ตอบ :  มันไม่อยากทำแต่มันลงมือไปแล้ว โถ....เมตตาเหลือเกินขอสักทีเถอะ ก็แย่ซิจ๊ะ
      ถาม :  มีคนจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคนที่คิดไม่ดีกับเขาน่ะค่ะ มันจะมีผลยังไงคะกับคนที่ยังอยู่ ?
      ตอบ :  มันเคยมีตัวอย่าง คือว่าเขาเองนะ เขาไม่นึกว่าผลมันจะเป็นอย่างนั้น คือ มีคนคิดไม่ดีทำไม่ดีกับเขา ๆ เองเขาก็พยายามที่จะทำดีตอบด้วยการแผ่เมตตาก็ดี ด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ก็ดี แล้วปรากฏว่าฝ่ายที่คิดไม่ดีเขาตาย เป็นผลที่เขาคิดไม่ถึง มันอาจจะเป็นเพราะสู้แรงบุญไม่ได้ก็ได้ แต่ถ้าเขาเจตนาทำโดยที่รู้ว่าถ้าทำแล้วอีกฝ่ายหนึ่งจะตายนี่ดีไม่ดีจะมีโทษนะ เพราะจิตเป็นวิหิงสาวิตกมุ่งร้ายต่อคนอื่นเขา แต่ถ้าหากว่าตั้งใจทำใช้ความดีสู้ความชั่วชนิดที่เรียกว่าชนะความไ่ม่ดีด้วยความดี ถ้าอย่างนี้ก็ทำไปเถอะ แต่ถ้าเจตนาทำแล้วรู้ว่าทำแล้วศัตรูมันตาย อย่างนี้ก็ผิดแน่ ๆ
      ถาม :  แล้วถ้าเจตนาว่าทำแล้วให้เขาเป็นสุข ๆ เถิดอย่างนี้มีผลยังไง ?
      ตอบ :  ทำไปเถอะของเราก็ได้บุญด้วยของเรา เขาจะเป็นยังไงก็เรื่ืองของเขา
      ถาม :  ถ้าเราจะทำบุญอุทิศให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่คิดร้ายกับเราจะอธิษฐานยังไงดีคะ ?
      ตอบ :  ไม่ต้องอธิษฐานอะไรมากหรอก ขอให้อย่ามีเวรมีกรรมและเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลยก็พอแล้ว สวดได้มั้ย ? สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง (หัวเราะ) ถ้าสวดแต่ปากก็เหนื่อยเปล่า จะให้ได้ประโยชน์กำลังใจต้องเป็นไปตามนั้นเลย ถ้าสวดแต่ปากมันไม่ค่อยได้อะไร เหนื่อย
      ถาม :  (ถามเรื่่องเกี่ยวกับพญานาค) อยากรู้ว่าทำไมพระที่ธุดงค์อย่างหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ทุก ๆ พระองค์ท่านบอกว่าท่าานต้องพบกับพญานาคด้วยล่ะครับ ?
      ตอบ :  ก็เขามีอยู่ทั่ว ๆ ไป พญานาคเขาก็มีอยู่ทั่วไปในสถานที่ไหนที่เขาอยู่ทั่วไป ในสถานที่ ๆ เขาอยู่ถ้าเข้าไปโอกาสพบก็เยอะ
      ถาม :  ในหนังสือบอกว่ามีพญานาคอยู่ตนหนึ่งเคยเป็นมนุษย์รักษาศีล ๕ แล้วพญานาคตนนั้นก็มาพบกับหลวงปู่องค์หนึ่ง หลวงปู่องค์นี้ท่านก็พยายามหนี แต่พญานาคตัวนี้ก็จะตามแต่ไม่ให้ตามในลักษณะของคน โดยหัวนี่จะเป็นพญานาคตามท่าน แต่ตัวนี่จะทอดยาวไปที่แม่น้ำโขง
      ตอบ :  แล้วไงล่ะ ?
      ถาม :  อย่างนี้จะต้องมีบุญมีกรรมร่วมกันหรือเปล่า ?
      ตอบ :  มันก็ต้องมี งั้นจะตามให้เสียเวลาทำไม แล้วอีกอย่างหนึ่งบางทีท่านเห็นเป็นพระดีท่านก็อยากได้บุญ ในเมื่ออยากได้บุญท่านก็ตามมากราบมาไหว้
      ถาม :  ในหนังสือบอกว่าท่านเคยทำผิดศีล ๕ ท่านจึงมาเกิดเป็นพญานาค ?
      ตอบ :  นั่นแค่ศีล ๕ ศีล ๒๒๗ มาเกิดเป็นพญานาคในธรรมบทก็มี พระยาเอรกปัตตนาคราชบวชเป็นพระจำพรรษาอยู่ชายทะเล ๒ หมื่นปี สมัยต้นกัปนี่คนอายุเยอะนะ แสดงว่าตอนนั้นอายุต้องเกิน ๒ หมื่นปี เพราะแกจำพรรษาอยู่ ๒ หมื่นปีแล้วใช่มั้ย ? วันหนึ่งแกลงไปสรงน้ำกลังว่ายน้ำไปว่ายน้ำมา เรือสำเภาก็ผ่านมา คราวนี้เรือสำเภามันค้าขายทางไกลมันเดินทางเป็นเดือนเป็นปี ตะไคร่น้ำมันเกาะเรืออยู่ ท่านเองท่านว่ายไปเกาะเรือแล่นไปดึงตะไตร่น้ำหลุด ทีนี้การพรากของเขียวทำของที่เป็นต้นไม้ใบหญ้าหลุดออกจากที่นี่ของพระเขาถือว่าผิดศีล
              ในเมื่อของพระนี่ผิดศีลแต่ท่านเองท่านก็ไม่มีโอกาสจะเปลื้องอาบัติคือความที่ศีลขาดนั้น เพราะว่าจำพรรษาอยู่องค์เดียวตายเสียก่อน จำพรรษาอยู่ ๒ หมื่นปีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โทษที่ผิดศีลทำให้ไปเกิดเป็นพญานาค ถึงจะมีความสุขที่มีทิพยสมบัติแต่พญานาคเป็นเดรัจฉาน ในเมื่อเป็นเดรัจฉานถึงจะอยู่ในภพของความเป็นทิพย์ก็จริงแต่โอกาสที่จะเข้ามรรคผลมันไม่มี แต่เนื่องจากว่าท่านเองเคยเป็นพระมาก่อนตั้งใจรักษาศีลมาถึง ๒ หมื่นปี ความดีเดิมมันอยู่ในใจมันก็นึกว่า เออ....เราเป็นพญานาคมาตั้งนานแล้ว ไม่ทราบว่าโลกนี้มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วหรือยัง ท่านก็เลยแต่งปริศนาบทหนึ่งให้ลูกสาวคือนางนาควิกาแปลงกายเป็นมนุษย์แล้วยืนอยู่บนพังพาน คือท่านจะแผ่แม่เบี้ยแล้วให้ยืนอยู่ข้างบนแล้วร้องเพลง ถ้าหากว่าใครแก้ปริศนาเพลงนั้นได้จะยกนางนาควิกาและสมบัติให้ โอ้โห...หนุ่ม ๆ ไปแย่งกันแก้ปริศนาตรึมเลย แก้ไม่ได้
              พอดีว่ามีอุตรมาณพนี่ตามธรรมบทบอกว่าเป็นเนื้อคู่ของนางนาควิกาเขา เดินทางจะไปแก้ปัญหานี้เหมือนกัน ได้ยินอยากได้นี่ พญานาคถ้าเป็นคนมันลักษณะนางฟ้าดี ๆ สวยนี่ ก็อยากได้ก็จะไป พระพุทธเจ้าเสด็จไปขวางทางเพราะว่าเห็นถ้าโปรดอุตตรมาณพนี่แล้วจะเป็นพระโสดาบัน เสด็จไปขวางทางพระอุตตรมาณพเห็นพระพุทธเจ้าก็เข้าไปกราบ พระพุทธเจ้ารู้ก็ทำเป็นไม่รู้ก็ถามเธอจะไปไหนหรือ ? อุตตรมาณพก็เล่าเรื่องให้ฟังว่ามีพญานาคตัวใหญ่แบกหญิงสาวไว้บนพังพานมาร้องเพลงปริศนาธรรมอย่างนี้ ๆ ถ้าใครแก้ปริศนาธรรมได้จะได้หญิงสาวเป็นภรรยาและยังได้สมบัติจากพญานาคด้วย พระพุทธเจ้าพอได้ยินก็บอกว่าปริศนานี้พอแก้ได้ก็เลยสอนให้อุตตรมาณพพร้อมเพลงแก้ ตกลงพระพุทธเจ้าสอนร้องเพลงด้วยนะ ใครบอกว่าพระในพุทธศาสนาไม่ร้องเพลงนี่ไม่จริงนะ ว่าไปแล้วต้นตำรับด้วย คราวนี้อุตตรามาณพก็ไปร้องเพลงแก้ ร้องเพลงแก้ปุ๊บพญาเอรกปัตตนาคราชรู้เลยว่าพระพุทธเจ้ามาเกิดแล้ว เพราะว่าถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้าจะไม่มีใครแก้ปริศนาธรรมนี้ได้
              คราวนี้ท่านดีใจท่านก็ฟาดหางเล่น ปรากฏว่ามันกลายเป็นคลื่นใหญ่ซัดเอาชาวบ้านตกน้ำไปจมเลย ต้องไปงมคืนทีละคน ๒ คนเสร็จแล้วท่านก็แปลงเป็นคนจูงมือนางนาควิกากับอุตตรมาณพไปหาพระพุทธเจ้า เพราะถามอุตตรมาณพแล้วว่าใครเป็นแก้ปัญหานี้ อุตตรมาณพก็สารภาพว่ามีพระสมณโคดมสอนมาก็ไปกราบกัน พระพุทธเจ้าก็เทศน์โปรดอุตตรมาณพกลายเป็นพระโสดาบัน นางนาควิกากับเอรกปัตตนาคราชได้ทิพยสมบัติมากขึ้น แต่ไม่ได้มรรคผลอะไรเข้าถึงไตรสรณคมเท่านั้น คราวนี้เราจะเห็นว่ามันไม่ใช่ศีล ๕ ที่ล่วงละเมิดแล้วทำให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ๒๒๗ ก็เจ๊งเหมือนกัน นั่นนิดเดียวด้วยนะ
      ถาม :  เหตุจะเกิดจากการผิดศีลหรือไม่ผิดศีลก็สามารถมีสิทธิ์เกิดเป็นพญานาคได้ใช่มั้ยครับ ?
      ตอบ :  ได้ คือทำบุญแล้วตั้งความหวังว่าจะเป็นก็เป็น
      ถาม :  เป็นได้ใช่มั้ยครับ ?
      ตอบ :  เป็นได้ เพราะจิตมันตั้งมั่นแน่วแน่อยู่ เอามั้ยแค่ดึงตะใคร่น้ำหลุดเท่านั้นนะ ศีลพระไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แต่สำหรับวัดท่าซุงถ้าพรากของเขียวน้อยกว่า ๑ ไร่นี่ปรับอาบัติศีลขาด แต่ถ้าทำมากกว่า ๑ ไร่นี่ไม่เป็นไร
      ถาม :  อย่างนี้ก็ถางหญ้าไม่ได้ซิคะ ?
      ตอบ :  ถางไปซิ แต่ถ้าถามว่าผิดมั้ย ผิด แต่ว่ารักษาวัดวาให้สะอาดเรียบร้อยคนเห็นแล้วเย็นตาเย็นใจ เกิดความศรัทธาขึ้นมา ส่วนเป็นบุญมันมากกว่าลงทุนได้ รู้ว่าลงทุนแล้วกำไรแน่ ๆ แต่ถ้าลงทุนแล้วขาดทุนอย่าไปแตะนะ ถึงได้บอกว่าของวัดท่าซุงสมัยหลวงพ่ออยู่พวกเราแซวกันเอง ว่าถ้าทำน้อยกว่า ๑ ไร่นี่ศีลขาด ต้องเอาให้เยอะกว่านั้น ๑๐๐ ไร่มันถางกันไม่หวาดไม่ไหว เล่นขับรถแทรกเตอร์ลุยกันเลย บางทับงูขาดเป็นท่อน ๆ ไปด้วย
      ถาม :  อย่างนี้จิตของเราก็คิดตัวบุญอยู่ตลอด ?
      ตอบ :  จิตของเรามันต้องเป็นกุศลอยู่ตลอด แต่ถามว่าผิดมั้ย ? ผิด ละเมิดสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามไม่ผิดนี่ไม่มี แต่บังเอิญว่าส่วนที่ทำเป็นบุญมากกว่า หลวงพ่อท่านถึงได้บอกว่าถ้าหากใครมาอ้างว่าทำแล้วผิดศีลข้อนี้แล้วไม่ทำท่านจะฟาดกะบาลให้ ไอ้นั่นมันขี้เกียจแล้ว
      ถาม :  แล้วที่ผมอ่านเจอว่ามีหลวงปู่องค์หนึ่งท่านไปเจอกับฤๅษีดาบส องค์นั้นท่านบอกว่าท่านจำศีลภาวนามาก่อนพุทธกาล ๓,๐๐๐ ปี ?
      ตอบ :  แล้วมีปัญหาตรงไหน ?
      ถาม :  แล้วท่านจะอยู่ยังไง ?
      ตอบ :  ถ้าทำไม่ได้อย่าไปสงสัย เรื่องของท่านพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้แล้วว่าบุคคลผู้ชำนาญในอิทธิบาท ๔ อธิษฐานอยู่ได้เป็นกัป ๓,๐๐๐ ปี เสี้ยวเดียวเรื่องเล็ก
      ถาม :  แต่ท่านบำเพ็ญอยู่ถ้ำในเขตพญานาค ?
      ตอบ :  อยู่เป็นพัน ๆ ปียังอยู่ได้ แต่อยู่ในเขตพญานาคทำไมจะอยู่ไม่ได้ อยากรู้ว่าทำได้ยังไงก็ทำอภิญญาให้คล่องเดี๋ยวก็จะรู้เอง
      ถาม :  แล้วจริง ๆ เป็นยังไง ?
      ตอบ :  จริง ๆ คือเกิดใหม่ซะอีกรอบหนึ่งก็ได้เดี๋ยวก็รู้เอง ของพระเขาไม่เสียเวลาหรอกจ้า ย้อนอดีตก็ผิดไปอนาคตก็ผิด มันต้องหยุดกับปัจจุบันห้ามไปอดีตห้ามไปอนาคตวางกำลังใจผิดตายตอนนั้นเดี๋ยวซวย เรื่องของพระจำไว้ให้แม่น ๆ เลยนะ ถ้าเป็นพระอริยเจ้าไปแล้วหมดปัญหาไป แต่ว่าท่านที่เป็นฌานโลกีย์นี่มันจะกดกิเลสไว้ชั่วคราวเท่านั้น การกดกิเลสไว้ได้ชั่วคราวนี่ถ้าประมาทกิเลสมันตีกลับเมื่อไหร่ จะหนักกว่าเดิมหลายเท่า เหมือนกับเก็บกดไว้นาน
              บรรดาครูบาอาจารย์ชื่อดัง ๆ อย่างอาจารย์นิกร อาจารย์ยันตระ หลวงพ่อภาวนาพุทโธ เหล่านี้น่าสงสารมาก เพราะว่าเมื่อท่านทำความดีไปถึงระดับหนึ่ง คนเริ่มเห็นแล้วก็นิมนต์กันหัวไม่วางทางไม่เว้นท่านไม่มีเวลามารักษาอารมณ์ใจของตนเองให้ทรงอยู่ได้เหมือนก่อน ถึงเวลากิเลสมันตีกลับมาก็เจ๊ง จริง ๆ แล้วน่าสงสารนะ เพราะฉะนั้นพระของเรามันต้องมีเวลาเฉพาะของตัวเองปฏิบัติอยู่ประมาทไม่ได้เลย ต้องทำอารมณ์ของตัวเองให้ต่อเนื่องอยู่ตลอด ยิ่งเป็นพระอริยเจ้าท่านยิ่งจำอารมณ์ต่อเนื่องไม่ยอมปล่อย ท่านจะไม่ยอมประมาทว่าได้แล้วอย่างเด็ดขาด มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะฉะนั้นว่าพระที่ดี ๆ อยู่ แล้วเสียไปนี่โอกาสให้ว่ากำลังใจของท่านมันย้อนกลับไปด้านเดิม เพราะฉะนั้นเป็นตัวอย่างมีอีกองค์ที่เห็นได้ชัด ๆ เห็นว่าตอนนี้นุ่งดำห่มดำไปแล้วไม่ใช่เหรอ
      ถาม :  แต่คำสอนของท่านก็ยังใช้ได้อยู่ ?
      ตอบ :  คำสอนน่ะถ้าหากว่าสอนอย่างพระสุธรรมเถรลูกศิษย์เป็นอรหันต์ แต่ท่านเองไม่ได้อะไรเลยเพราะท่านดีแต่สอนแต่ตัวเองไม่ทำเอง ถ้าคำสอนของท่านตรงถูกต้องตามพระพุทธวจนะที่ปฏิบขัติตามแล้วได้ แต่ถ้าพวกว่าผิดเพี้ยนไปเราทำตามไปโอกาสพลาดมันมีเอาจริง ๆ ก็เล่นตามพระไตรปิฎกเลยมั้ยล่ะ ลองไปดูเล่มหนา ๆ เป็นตู้ลองดูมั้ยล่ะ ?