ถาม :  ทำไมพระสวดมนต์ ต้องทำเสียงพระสวดมนต์ด้วยคะ ?
      ตอบ :  ไม่เข้าใจ
      ถาม :  ทำไมไม่ทำเสียงเป็นธรรมดา ?
      ตอบ :  ปกติของเขาอย่างนั้น
      ถาม :  ก็สวดธรรมดา ?
      ตอบ :  ธรรมดามันจะมีจังหวะของเขาอยู่ พอมันมีจังหวะของเขาอยู่ ความเคยชินมันก็จะออกเป็นอย่างนั้นเลย พระนั่นรู้สึกปกติแต่โยมเห็นว่าผิดปกติ เขาจะมีจังหวะมีอะไรของเขาอยู่โดยเฉพาะบางบทนี่จะมันมากเลย อย่างเช่น บทขันธปริต “วิรูปปักเข หิเมเมตตัง” บางวัดเขากระทุ้งกัน ศาลาสะเทือน (หัวเราะ)
      ถาม :  การย้อนกลับไปในอดีตนี่จะเป็นไปได้มั้ยครับ ?
      ตอบ :  ต่อไปข้างหน้าปัจจุบันนี้มันก็ย้อนได้อยู่แล้ว คุณใช้อดีตังสญาณก็ย้อนไปดูซิ
      ถาม :  หมายถึงจะเอาตัวย้อนกลับเข้าไปไม่ได้ใช่มั้ยครับ ?
      ตอบ :  เอาตัวกลับเข้าไปเลย เดี๋ยวรอก่อนรอคนมันสร้างไทม์แมชีนก่อนไม่รู้ว่าชาติหน้าบ่าย ๆ จะทำได้มั้ย ? เครื่องมืออย่างนั้นไม่มีจริงจินตนาการมันถึงแต่ว่าถ้าใช้สภาพจิตย้อนไปได้แต่เปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ อดีตอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น หนังบางเรื่องทีจะเปลี่ยนแปลงอดีตเพื่ออนาคตเป็นไปอีกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ทำไปแล้วล่วงเลยไปแล้วก็จบลงแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าใช้อดีตังสญาณย้อนไปดูก็สามารถจะรู้ได้ว่า ตอนนั้นอะไรเป็นอะไร แต่ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้ทั้งนั้นไปได้แค่จิต กายไม่สามารถจะย้อนกลับไปได้ “แบ๊คทูเดอะฟิวเจอร์” เห็นหนังมันโกยเงินดีแท้
      ถาม :  อนาคตนี่แก้ไขไม่ได้เหรอคะ ?
      ตอบอนาคตนี่เปลี่ยนแปลงได้ไม่ใช่แก้ไขได้ ถ้าเราทำปัจจุบันดีอนาคตจะดี อย่าลืมว่ากรรมในปัจจุบันที่เรารับอยู่เกิดจากอดีต แต่ว่าจากจุดตรงนี้วินาทีผ่านไปมันก็เป็นอดีตแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเราทำปัจจุบันตอนนี้ดีอนาคตต้องดี
      ถาม :  เวลาเราเข้าสมาธิ เราไม่สนใจว่าเวลาจะช้าหรือเร็วแล้วมันจะมีการเปลี่นแปลงอะไร?
      ตอบ :  ไม่มี การเปลี่ยนแปลงของเวลาไม่มี เวลาเป็นปกติของมัน แต่สภาพการรับรู้ของเรามันเปลี่ยนแปลง ยิ่งเราดิ่งลึกอยู่ในสมาธิมากเท่าไหร่บางทีมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ลืมตาขึ้นมาผ่านไปเป็นอาิทิตย์แล้วก็มี
      ถาม :  สภาพการรับรู้เหรอครับ ?
      ตอบ :  สภาพการรับรู้มันเปลี่ยนแต่เวลาจริง ๆ ไม่ได้เปลี่ยน เท่าที่เคยผ่านมาคือว่าตื่นนอนตอนตีสองห้าสิบห้ากะว่าเดี๋ยวไปล้างหน้าแล้วทำกรรมฐาน คราวนี้มันยังเหลืออีก ๕ นาทีกว่าจะได้เวลากรรมฐาน ก็ว่าคาถาเงินล้านซักจบหนึ่งก่อน ตั้งใจว่าคาถาเงินล้านครบ ๑ จบลืมตาขึ้นมาฟ้าสว่าง ใช่เลย คว้าบาตรออกบิณฑบาตแทบไม่ทันพวกออกเดินแล้วล่ะ คาถาจบเดียวล่อไปซะจนสว่างเลย จากตี ๒ ห้าสิบห้า
      ถาม :  หลับหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ไม่ได้หลับจ้า ยืนยันว่าไม่ได้หลับเพียงแต่ว่าสมาธิมันลึกไปหน่อย ยิ่งสมาธิลึกมากเท่าไหร่ระยะเวลามันผ่านไปโดยที่เราไม่รู้ตัวมากเท่านั้น จิตมันดำ้เนินหน้าที่ของมันไปก็จริง แต่มันดำเนินไปในลักษณะที่เรียกว่าละเอียดมาก ระยะเวลาที่ของหยาบผ่านไปบานเลยนะ เผลอแป๊บเดียวข้างนอกเลยไปหลายชั่วโมง
      ถาม :  อย่างนี้เรียกว่าขาดสติหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ไม่ได้ขาด รู้ตลอด เพียงแต่มันไม่ได้สนใจภายนอกเท่านั้นเอง ถ้าไม่รู้มันท่องคาถาไม่ได้
      ถาม :  ทำไมให้พรสั้นบ้างยาวบ้างล่ะคะ ?
      ตอบ :  ก็ขี้เกียจมั่งขยันมั่ง ปัญหานี้ตอบเลี่ยงนะไม่ใช่เรื่องจริง
      ถาม :  ต้องอุทิศกรวดน้ำด้วยมั้ยคะ ?
      ตอบ :  ไม่ต้อง การกรวดน้ำไม่จำเป็นเปียกมือต้องไปเช็ดซะเปล่า ๆ แค่เราตั้งใจว่า ผลบุญที่เราทำนี้จะอุทิศให้แก่ใครก็นึกเจาะลงถึงชื่อถึงนามสกุลเขาไปเลยถ้ารู้นะ ไม่รู้ก็เจาะจงนึกถึงหน้าเขา ถ้าไม่เคยเห็นหน้าได้ยินแต่เสียงก็นึกถึงเจ้าของเสียงนั้น ถ้าไม่เคยรู้จักหน้ารู้จักเสียงไม่เคยรู้อะไรได้แต่กลิ่นอย่างเดียว นึกถึงเจ้าของกลิ่นนั้นเขาได้รับแล้ว จำนะแค่นั้นแหละ
      ถาม :  ถ้าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ?
      ตอบเจ้ากรรมนายเวรก็คือการกระทำของเรา ๆ ทำกรรมอะไรไว้เราต้องรับในสิ่งนั้น แต่เนื่องจากว่าบุคคลที่เรากระทำในลักษณะเจ้ากรรมนายเวรส่วนใหญ่หมายถึงผู้ที่เราเคยฆ่าเขาไว้ ทำอันตรายเขาไว้ คนที่ถูกฆ่าถูกทำอันตรายเขาจะไปตามกรรมของเขาแล้ว แต่ว่ากฏของกรรมคือผู้ที่ติดตามเราอยู่ มันเหมือนอย่างกับว่าเราฆ่าคนตาย คนนั้นตายลงไปแล้วเขาไม่ได้มาตามทวงมาอะไรเรา แต่ว่าตัวบทกฏหมายต่างหากล่ะที่คอยลงโทษเราอยู่ มันเป็นซะอย่างนั้น ตัวเจ้ากรรมนายเวรก็คือผลของกรรมที่เราทำไว้ ถ้าเราทำดีก็รับผลดีไปทำชั่วก็รับผลชั่วไป
      ถาม :  ..........................
      ตอบ :  ครั้งแรกที่ขโมยตำราหลวงพ่อได้ก็สารพัดวิธีทีจะทำ คราวนี้มันมาถึงตรงตำราเสกข้าวสาร เสกทราย ท่านก็บอกว่าให้เอาข้าวสารมาเขียนตัว “เฑาะ” แล้วเสกด้วยอิติปิโส ๓ จบ เอาไว้แก้สถานที่ที่มันร้ายมันไม่ดีอะไร จะให้กลับจากร้ายเป็นดี เราก็งง ๆ เอาข้าวสารมาเขียน ข้าวสารมันเม็ดนิดเดียวจะไปเขียนยังไง คือบังเอิญว่าเคยเห็นคนจีนเก่ง ๆ ที่สลักหนังสือลงบนเม็ดข้าวสาร นี่ดูต้องนั่งทำอย่างนั้นหรือเปล่า ? ไปถามหลวงพ่อ ๆ ท่านชม ไอ้ควายไม่รู้จักใส่ภาชนะใหญ่ ๆ แล้วเขียนเอาหรือไง อ๋อ ! เราเพิ่งถึงบางอ้อ ท่านบอกให้เอาข้าวสารมาเราก็พาซื่อจะล่อมันทีละเม็ดเลย นี่แหละความฉลาดของฉัน ครูบาอาจารย์ชมน่าคิดมั้ย ?
              จำวิธีไปนะ พอได้ไปแล้วว่าอิติปิโส ๓ จบ อิติปิโสของหลวงพ่อ สวากขาโต สุปฏิปันโนด้วย ขออาราธนาบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดาทั้งหมดมีท้าวมหาราชเป็นที่สุด ขอให้ผีหรือยักษ์ที่อยู่ในที่นั้นแล้วไม่มีประโยชน์นำสิ่งที่ไม่ดีมาให้ ๆ ออกไปจากที่นั่น ถ้าหากว่าผู้ที่อยู่แล้วมีประโยชน์มีคุณให้ก็ให้อยู่ให้ เสร็จแล้วก็ว่านะโมพุทธายะแล้วซัดข้าวสาร ซัดในบ้านก่อนนะ อย่าไปซัดรอบนอกก่อน ซัดรอบนอกก่อน ซัดรอบนอกก่อน มันออกไม่ได้นะ ซัดในบ้านก่อน เวลาซัดภาวนาว่า “นะโมพุทธายะ” แล้วก็ค่อยซัดรอบนอกวนเป็นรั้ว เสร็จเรียบร้อยแล้ว หาภาชนะมาใส่ อย่าลืมนะไปถึงตั้งใจบูชาพระรัตนตรัยว่านะโม ๓ จบสวดอิติปิโส ๓ จบ อิติปิโสหลวงพ่อคือ สวากขาโต สุปฏิบันโน ด้วยนะ ว่านะโม ๓ จบ สวดอิติปิโส ๓ จบตั้งใจอธิษฐานของบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดามีท้าวจาตุมหาราชเป็นที่สุด ขอให้ผีหรือยักษ์ที่ไม่ดีที่ให้โทษออกไปให้พ้นจากสถานที่นั้น ถ้าหากว่าท่านที่ให้คุณก็ขอให้อยู่ได้ แล้วตั้งใจซัดข้าวสารว่า “นโมพุทธายะ” ซัดข้าวสารไปเรื่อย ภาวนา “นะโมพุทธายะ” ไปเรื่อยซัดข้าวสารข้างในบ้านก่อน พอซัดในบ้านเสร็จไม่ต้องมากหรอกนะ ไม่ต้องทั่วหรอก ซักกำมือหนึ่งก็ได้ หรือว่าจะซัด ๔ ทิศ ๆ ละหน่อยหนึ่งก็ได้แล้วที่เหลือก็ซัดเป็นวงรอบสถานที่ของเราเลย
      ถาม :  ซัดแต่หน้าบ้าน หลังบ้านเข้าไม่ได้ ?
      ตอบ :  ไม่เป็นไร ก็เอาข้างใน เดินวนข้างในก็ได้
      ถาม :  ข้าวที่ทำน่ะครับ เอาไว้ไปโปรย....(ไม่ชัด)....?
      ตอบ :  อันนี้มันต่างหาก จะเป็นข้าวหรือว่าทรายก็ได้ใช้เสกวิธีเดียวกันนั่นแหละ ใช้เขียนตัวเฑาะ เวลาเขียนว่าคาถาว่า ท.เฑาะ มานี่มามะ แล้วเสร็จแล้วก็ขึ้นอุนาโลมก็ว่าอุนาโลมมาปะนะชายะเต เขียน ๓ ตัว แล้วว่าอิติปิโส ๓ ห้อง ๓ จบเป่าจบละครั้งหนึ่งอาราธนาบารมีให้พระท่านช่วยสงเคราะห์ ใครจะทำดูก็ได้ถ้ากำลังใจถึงมันขลังทั้งนั้นแหละ มีอยู่เที่ยวหนึ่งที่หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยกบ บ้านห้วยกบอยู่สังขตะติด ๆ กับพม่าเลยหน่อยหนึ่งก็เป็นเวียคะดี้ มอละข่าแล้วหน่วยนั้นอยู่ ๆ คนงานพอเขาไปตั้งหน่วยแล้วคนงานเดี๋ยวป่วยเดี๋ยวตาย เดี๋ยวป่วยแล้วก็ตายทีละคน ๆ จนถึงคนที่ ๙ ขวัญหนีดีฝ่อกันทั้งหน่วย นั่นก็หัวหน้าสากลซึ่งย้ายจากหน่วยจัดการต้นน้ำยางโทนขึ้นไปก็วิ่งมาหา บอกอาจารย์ครับช่วยผมหน่อยเถอะ ถ้าคนงานขืนตายอีกซักคนไอ้คนงานผมอีก ๓๐-๔๐ คนที่เหลือมันลาออกหมดแน่เลย เราก็ไปพอกลางคืนไปก็ไปดูสถานที่ให้ ปรากฏว่ามันเป็นสนามรบเก่า พวกพม่ามันตีมอญแล้วมอญมันถอยไปอยู่จุดนั้นซึ่งมันเป็หุบเขาอยู่นั่น มันก็ยึดเป็นที่มั่นของมัน แล้วมันฝังพวกอาถรรพ์ไสยศาสตร์ไว้เพียบเลย คราวนี้พอมันเลิกรบกันแล้วมันไม่ได้ถอนไปด้วย คนไปอยู่ก็ซวยล่ะซิ มันก็ตายเอาทีละคน ๆ
              ตอนที่เขาพาไปดูนี่เขามีเครื่องหมายของเขาอยู่นะ คือในสมัยก่อนเขาทำไว้ตรงไหน เขาปักเครื่องหมายเอาไว้พวกมันจะรู้เอง เขาจะได้ไม่เดินเข้าไปหยั่งกับวางระเบิดเลย แต่สมัยนี้มันผุหมดแล้วนี่มันก็เป็นดินเป็นป่าอยู่เหมือนเิดิม ใครลุยเข้าไปอาถรรพ์มันไม่เสื่อมก็เดี้ยงไปเอง ก็นั่นแหละใช้วิธีนั้นแหละ ทำข้าวสารไปซัดเป็นอันว่าเรียบร้อย เราทำแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดูมันไม่น่าขลังเลย แต่มันก็หาย คนงานก็อยู่ได้จนปกติมาจนทุกวันนี้
      ถาม :  พวกนี้เขาอยู่ได้นานมากเลยเหรอคะ ?
      ตอบ :  พวกนี้เขาอธิษฐานทิ้งไว้นี่เรื่องของคนได้ฤทธิ์ได้อภิญญา ประเภทอธิษฐานทิ้งเอาไว้ ๑๐๐ ปี ๒๐๐ ปี นั่นเรื่องเล็กเลย เพียงแต่ว่าเรื่องขจองอภิญญาต้องกำหนดเวลา ถ้าหากว่าไม่กำหนดเวลามันจะทำไม่ขึ้น อย่างเช่นว่าเราจะเสกดินเสกหินให้เป็นทองอย่างนี้ก็ต้องกำหนดเอาไว้ ๕๐ ปีให้มันคืนสภาพ ๑๐๐ ปีให้มันคืนสภาพ คนรับคนสุดท้ายก็ซวยไป สบายใจขึ้นเนอะ ไม่เห็นเป็นเรื่องยากเลย
              มีรายหนึ่งอยู่โรงงานที่อ้อมน้อยชื่อคุณอารี ชื่นมีเชาว์ เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง เชื่อมั้ยว่าบริษัทของเขาออเดอร์เพียบเลย เพราะว่าเขาทำพวกออกแบบภาชนะบรรจุภัณฑ์ พลาสติกสวย ๆ ให้พวกแชมพู ให้พวกครีม พวกยาสระผม สารพัด บริษัทก็จ้างเขาทำออกทีล๊อทใหญ่ ๆ เขาเองเขามีคิวซี คือควอลิตี้คอนโทรลของเขาตรวจสอบคุณภาพตลอด แล้วเชื่อมั้ยพอเขามาตรวจทีไรเขาสุ่มทีไรนะหีบไหนหีบนั้นจะต้องเจอไอ้ที่มันใช้ไม่ได้ก็แปลกใจมาก เขาก็มานิมนต์
              พอไปดูโอ้โห !ป่าช้าเก่าผีบานเลย ตั้งใจจะไล่มัน ท้าวมหาราชท่านบอกไม่ต้องไล่ มันแกล้งเราได้ มันก็ต้องช่วยเราได้ ให้ตกลงกับมันว่ามันจะเอายังไง ก็ตกลงกับมันปรากฏเขาบอกว่าให้เจ้าของสถานที่ทำบุญให้เขาซักปีละครั้ง มาอยู่ที่ของผมไม่พอมาทำมาหากินหรือทำอะไรมันไม่เคยบอกผมเลย แล้วผมจะปล่อยให้มันอยู่ทำไมก็แกล้งมันซะ เจริญมั้ยล่ะ ? ก็ตกลงกันได้ก็ทำบุญปีละครั้งเลี้ยงพระปีละครั้ง ๙ องค์ก็สบายไป ทุกวันนี้ไม่เห็นต้องย้ายไปไหนไม่งั้นเตรียมเจ๊งแล้ว ออเดอร์เขาสั่งมาทีหนึ่ง ๓ ล้าน ๕ ล้านเงินมันเข้าเห็น ๆ พอเขาไปสุ่มตรวจเจอเขาก็ยกเลิกไป ตัวเองทำไปก็ขาดทุนฟรีทุกที ไม่น่าเชื่อว่ามันแกล้งกันได้ขนาดนัน ตอนเจ้าหน้าที่ตรวจ ๆ เท่าไหร่ไม่เห็นที่ผิดพลาดหรอกมันบังตาซะ แต่พอคนของเขามาตรวจมันแทบจะจับยัดใส่มือเขาเลยล่ะ หยิบทีไรเจอที่ชำรุดทุกที
      ถาม :  เหมือนเราหยิบนี่ไง ?
      ตอบ :  ใช่ จะเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นพวกอย่างนั้นคุยกับเขาให้ดีจ้ะ ทำได้บอกเขาเลยจะทำบุญให้ปีละเท่านี้ แต่ถ้าเอ็งไม่ช่วยล่ะเจอกัน แต่จริง ๆ แล้วพวกนี้ถ้าเราเป็นมิตรกับเขาได้ก็สบายนะ เขาช่วยได้ทุกอย่าง
      ถาม :  แล้วผีที่เราเจอเขาช่วยเราได้ ............(ไม่ชัด).............?
      ตอบ :  เราถึงได้ใช้คำว่าไม่เกินวิสัยไง ถ้าหากว่าเกินบุญของเราหรือเกินความสามารถของท่าน ๆ ฝืนกฎของกรรมไม่ได้ ที่ทำพระกริ่งพิชัยสงครามนี่ พระกริ่งก็คือพระไภษัชยคุรุ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ คราวนี้พระโพธิสัตว์นี่ท่านไม่ใช่พระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้า บางอย่างที่พระอริยเจ้าท่านยอมรับว่าเป็นกฏของกรรมท่่านไม่ฝืนหรอก พระโพธิสัตว์นี่ถ้าเพื่อความสุขคนอื่นนี่ท่านฝืน กลายเป็นว่างานนี้ทำเพื่อสงครามก็ทำพระกริ่งเป็นตัวแทนพระโพธิสัตว์
      ถาม :  ถ้าเกิดท่านช่วยเรากรรมมันจะตกอยู่กับเราต่อมั้ยคะ ?
      ตอบ :  ไม่เกี่ยว ถ้าท่านช่วยก็แปลว่าบุญของเรามันพอ ในเมื่อบุญของเรามันพอท่านก็สงเคราะห์ให้ได้ก็ได้ไป
      ถาม :  (ไม่ชัด) ถามเรื่องซัดข้าวสาร ?
      ตอบ :  ไม่เป็นไร เราก็เอาข้างใน ถ้าหากว่ากลัวว่ามันน้อยไปก็ซื้อข้าวมาซักถังหนึ่ง เอานี่เททับหน้าแล้วก็ผสมไป เอาของที่เสกแล้วเทไว้ข้างบนนะอย่าเอาของใหม่เททับที่เสกไว้ ถึงเวลาถ้าจะใช้อีกก็ตักขึ้นมา หาใหม่ก็ผสมเข้าไปอีก เอาของเก่าเททับข้างบนไปเรื่อย ๆ คือเราเอาของที่เสกแล้วเทไว้ข้างบนจะผสมหรือไม่ผสมก็ได้เทไว้ข้างบน ถือว่าใช้ได้ทั้งหมด เทไว้กลัวมันจะไม่ขลังก็กวนมันให้เข้ากันก็ได้ กวนไม่พอก็ตำเข้าไปอีก