เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓
ถาม : ไปนั่งภาวนาที่วัดเขาวง ระหว่างภาวนาความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ดังก้อง แต่เหมือนไม่ใช่เสียงของเรา มีเสียงประหลาดทั้งหญิงทั้งชายตลอดเวลา พยายามดูความคิดตรงนั้น ในที่สุดก็หายไป ?
ตอบ : มีสองวิธี จะดูก็ได้หรือไม่ใส่ใจก็ได้ ถ้าไม่สามารถกวนเราให้ขุ่นได้ เขาก็จะเลิกไปเอง
ถาม : รู้สึกว่าที่ผ่านมาลงเหวครับ ?
ตอบ : บางทีเรารู้สึกว่าเราทำดี ทำถูกมาตลอด แต่กว่าจะรู้ตัวก็ไปอยู่ก้นเหวแล้ว เขาหลอกได้เนียนมาก ถ้ารู้ตัวก็ย้อนกลับ
อาตมาโดนมาแล้ว...! ระมัดระวังตลอดอยู่สามปี เหมือนกับเขาทำอะไรเราไม่ได้เลย แต่ความจริงทางเดินลดลงต่ำทีละมิลลิเมตรเดียว สามปีผ่านไปอยู่ก้นเหวตอนไหนไม่รู้ โดนอีกแล้วตู เขาโคตรเก่งเลย
ถาม : ที่เคยคิดว่าดี ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด ?
ตอบ : เริ่มต้นใหม่จ้ะ อย่าไปเสียเวลาคร่ำครวญอยู่
*************************
ถาม : ก่อนนี้มาทำบุญบ่อย ๆ แล้วแฟนไม่เข้าใจ ก็ทะเลาะกัน หนูเลยเก็บของออกมา ตอนนี้เขาขอให้กลับมาอยู่เหมือนเดิม ไปไหนมาไหนเขาจะไม่ว่า เขาก็หันมาปฏิบัติเริ่มต้นสวดมนต์ หนูควรจะให้โอกาสเขาดีไหมคะ ? อยากจะอยู่คนเดียวมากกว่า แต่ก็สงสารเขาเหมือนกันค่ะ ?
ตอบ : ต้องตัดสินใจเอง
ถาม : กลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดไม่ได้ แล้วเราจะกลับไปเสียเวลาอีกครั้งหนึ่งค่ะ ?
ตอบ : เรื่องชีวิตคู่ พระพุทธเจ้าบอกว่าจะอยู่กันยืนยาว จะต้องมีสมชีวิธรรม คือ มีความเสมอกันในชีวิต ต้องมีสมลีลา มีศีลเสมอกัน สมจาคา มีการให้เสมอกัน สมปัญญา มีปัญญาเสมอกัน สมสัทธา ศรัทธาเสมอกัน ถ้าไม่เสมอกันก็มีปัญหา
ถาม : ถ้าเขาบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว หันมาเริ่มฝึกปฏิบัติมากขึ้น ?
ตอบ : ก็คงประเภทหัวถนนกับท้ายถนน กว่าเขาจะไล่ตามเราทันก็อีกหลายยก คงต้องมีกระทบ กระทั่งกันเป็นปกติ เพราะชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน
ถาม : ถ้าตัดสินใจทิ้งเขาไปเลย จะผิดไหมคะ ?
ตอบ : จะไปผิดตรงไหน...!
ถาม : เหมือนกับว่าเขายังไม่เอยากเลิกกับเรา แต่เราไม่อยากอยู่กับเขา ?
ตอบ : จะไปกล่าวการกระทำถูกผิดชัดเจนนั้นไม่ได้ ต้องรอดูผลต่อไปในภายหน้า อย่างลูกสาวคนโตของอาตมา เขาบอกตั้งแต่เรียนมัธยมว่าชีวิตนี้ไม่แต่งงาน ใคร ๆ ก็หาว่าบ้า พูดอย่างนี้ได้อย่างไร แก่ตัวไปใครจะดูแล จนกระทั่งตอนนี้พี่น้องเพื่อนฝูงแต่งกันไป ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง บ้านแตกสาแหรกขาดบ้าง ส่วนเขาก็อยู่สบายคนเดียว และทุคนก็บอกว่าเป็นอย่างเขาก็สบายดี
เห็นหรือยังว่า ตอนแรกคนอื่นเห็นว่าผิด แต่ตอนนี้ทุกคนเห็นว่าถูก เพราะฉะนั้น...สิ่งที่ทำ เราจะไปผิดถูกไม่ได้ จนกว่าผลนั้นจะเกิดชัดเจนเสียก่อน
ถาม : ท่านจะไม่ให้คำแนะนำอะไรหรือคะ ?
ตอบ : แนะนำว่า ให้ตัดสินใจเอาเอง
ถาม : ลำบากใจ
ตอบ : ที่จริงก็มีแค่ได้กับไม่ได้ สองอย่างเท่านั้นเอง
ถาม : พรุ่งนี้จะไปอยู่วัดเขาวง จะช่วยได้ไหม ?
ตอบ : ถ้าสมาธิทรงตัวจะช่วยได้มาก แต่ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวก็ตัดใจไม่ได้เหมือนเดิม
ถาม : หนูว่ายังไม่หมดเวรหมดกรรมกับเขา ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ถ้าเราตัดใจว่าหมดก็คือหมด
ถาม : เคยยื้อเหมือนกันนะคะ จะเลิกหรือไม่เลิก สุดท้ายเขาก็ยอมลาไปเอง ตอนนี้หนูจะตัด แต่เขาไม่ยอมตัด ?
ตอบ : ถ้าเราอยู่ห่าง ๆ ไว้ เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้
*************************
ถาม : อารมณ์รักหรืออารมณ์โกรธ เป็นพลังงานหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช่
ถาม : รู้สึกกระทบแล้วเกิดอารมณ์ได้ง่าย ?
ตอบ : อย่าไปก่อให้เกิดพลัง..ก็จบ ถ้าเราไปช่วยเพิ่มพลัง ก็จะไปเรื่อย ถ้าไม่สตาร์ทเครื่องก็จอด ไปสตาร์ทเครื่อง เข้าเกียร์ ก็ไปเรื่อย
ถาม : ไม่ว่าอะไรที่กระทบ รัก โลภ โกรธ หรือหลง ก็เป็นความรู้สึกในใจที่แตกต่างกัน ?
ตอบ : เรารับเข้ามาแล้วไปปรุง ตอนรับเข้ามา ถ้ายังไม่ปรุงก็ยังไม่ก่อเกิด และตอนที่ปรุงนั้นเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้เจริญเติบโตได้เร็วมาก มีพลังงานที่จะทำร้ายเราได้มาก ทำอย่างไรที่จะหยุดไว้โดยไม่รับเข้ามา
*************************
ถาม : การฟังธรรม ช่วงหลัง ๆ ฟังแล้วจะรู้สึกผ่านหูไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้เกิดความรู้สึกฟังแล้วอยากปฏิบัติตาม ฟังแล้วมีความพยายาม ?
ตอบ : ถ้าไม่ใช่ที่ตรงกับอารมณ์การปฏิบัติของเราในปัจจุบัน บางทีก็ผ่านหูไปเฉย ๆ แต่ถ้าตรงเราก็จะฉวยมาเพื่อปฏิบัติ อย่างเราฟังก็ได้แค่อนุสติเฉย ๆ
ถาม : ช่วงหลังฟังแล้วไม่คว้าไว้ ?
ตอบ : ถือว่าปกติ จนกว่าจะไปได้ที่ตรงกับใจของเราเมื่อไร ก็โดดคว้าไว้
ถาม : แล้วมีอะไรตรงไหนที่ควรจะโดดคว้าไว้ ?
ตอบ : ไม่มี…ต้องบรรเลงเอง สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธเย
ถาม : ขอคำแปลครับ ?
ตอบ : ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน บุคคลหนึ่งจะทำให้อีกบุคคลหนึ่งบริสุทธิ์หาได้ไม่ นี่เป็นพุทธพจน์โดยตรง ฉะนั้น...ใครที่สามารถทให้คนนั้นบรรลุธรรมได้ คนนี้บรรลุธรรมได้ แปลว่ากำลังค้านพุทธพจน์
*************************
ถาม : การปฏิบัติมีไหมคะ ที่มีความรู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว ไม่รับอะไรแล้ว ?
ตอบ : ไม่ใช่อิ่ม แต่เป็นเพราะตัน ไปต่อไม่ได้ คราวนี้ต้องย่ำเท้าอยู่กับที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก เบื่อไม่ได้ จนกว่าจะก้าวผ่านไป ช่วงนี้จะเบื่อเพราะปฏิบัติไม่เจริญ
ถาม : ไม่เบื่อค่ะ แต่เหลือแค่ทำให้สำเร็จ ?
ตอบ : ถูก…ก็ต้องซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก
ถาม : อยากเข้าสมาธิสมาธิแบบดิ่งลึก แต่คนอื่นไม่รู้เข้ามากวนบ้าง มาแกล้งบ้าง ทำให้เราพลาดจากอารมณ์ที่ควรจะได้ ตรงนี้ควรทำในที่ที่มีคนไม่เยอะใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่…ถ้าคนเยอะก็เปลี่ยนเป็นสมาธิแบบใช้งาน
*************************
“โบราณเขาใช้การสังเกตและสั่งสมประสบการณ์ ทำให้บางคนสมารถพยากรณ์ดินฟ้าอากาศได้แม่นมาก ดูลักษณะฟ้า ฝน ลม สัตว์ พืช ก็สามารถบอกได้
อย่างปีไหน ถ้าไม้ไผ่ออกหน่อสูงกว่าต้นเดิม แสดงว่าปีนั้นน้ำมากหรือไม่ก็ไปดูที่ชายตลิ่ง ถ้าปูขุดรูปสูงกว่ารูเก่า แสดงว่าปีนั้นน้ำจะมาก เพราะรูปูจะอยู่พ้นน้ำเสมอ บางทีก็ดูนกกระจาบ ถ้าหากทำรังสูงกว่าปีเก่า แสดงว่าน้ำจะมาก ถ้าต่ำกว่าน้ำจะน้อย ถ้านกนางแอ่นบินหากินต่ำ บางทีเรียดพื้นเลย แสดงว่าฝนจะตก ความกดอากาศต่ำ แมลงก็บินต่ำ
สมัยก่อนมีโยมอยู่คนหนึ่ง สามารถพยากรณ์ว่าฝนจะตกหรือไม่ตกได้แม่นยำมาก ๆ มีคนไปท้าพนันกับเขาอยู่ตลอด บางทีเมฆดำมาเลยนะ แต่เขาบอกว่าฝนไม่ตก คนอื่นก็อดไม่ได้ ไปท้าพนันกับเขา สุดท้ายก็เสียเงินให้ฟรี ๆ แต่พอแดดเปรี้ยง เขาบอกว่าฝนจะตกแล้วฝนก็ตกจริง
ตอนแรกนึกว่าเขาดูลมดูอากาศ ปรากฎว่าไม่ใช่ จริง ๆ แล้วเขาเป็นขี้กลาก ถ้าขี้กลากคันขึ้นมาเมื่อไรแสดงว่าฝนจะตก เพราะว่าเวลาฝนจะตกความกดอากาศจะกดต่ำ ความชื้นในอากาศสูง พอโดนความชื้นแล้วขี้กลากจะคัน
สมัยก่อนอยู่ต่างจังหวัด อาตมาพอจะสังเกตได้บ้าง แต่ไม่แน่นอน แต่พอมาอยู่กับหลวงพ่อแล้วท่านสอน ท่านไม่ได้เจตนาที่จะสอนอย่างเป็นทางการหรอก ท่านปรารภแล้วเราก็ฟัง ๆ มา สำคัญที่ว่าเรารู้จักจดจำเอาไปใช้งานหรือเปล่า ?
*************************
“ในระยะนี้ของที่ระลึกที่เกี่ยวกับในหลวงที่มีออกมา ถ้าไม่เกินวิสัยก็เก็บ ๆ ไว้บ้าง
ช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา วัตถุมงคลที่เนื่องด้วยในหลวงราคาขึ้นอย่างน่าใจหาย สมเด็จจิตรลดา เดี๋ยวนี้ราคาที่ต่ำกว่าล้านหาไม่ได้แล้ว
พระกริ่ง ๗ รอบ ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ในหลวงทรงเททองขณะที่ทรงเป็นภูมิพลโลภิกขุ (พิเศษตรงนี้แหละ) ราคาขึ้นหูดับตับไหม้เลย
รุ่นใหม่มาแรงก็ พระกริ่งปวเรศรุ่นสอง บางคนก็เรียก พระกริ่งปวเรศน้อย ที่ในหลวงทรงเททองตอนพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ปี ๒๕๓๐ มีพระอยู่รูปหนึ่งที่ได้รับพระบรมราชนุญาตไปพุทธาภิเษก ชื่อ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ตอนนั้นท่านยังเป็นพระสุธรรมยานเถระ จัดเป็นพระกริ่งรุ่นเดียวที่หลวงพ่อท่านพุทธาภิเษก และไม่ใช่ของวัดด้วย
พระกริ่งรุ่นนี้เริ่มทำปี ๒๕๒๘ แต่ไปออกปี ๒๕๓๐ ช่วงนั้นพอดีอาตมาบวช เลยไม่ได้ตามหลวงพ่อไปเข้าพิธี แล้วราคาจัดว่าแพงมากสำหรับยุคนั้น ชุดหนึ่งจะมีพระชัยวัฒน์ ๑ องค์ พระกริ่ง ๑ องค์ เขาคิดราคา ๕,๕๐๐ บาท ในสมัยนั้น ก็เลยมีปัญญาเก็บไว้ชุดเดียว ตอนนี้โดนแย่งพระชัยวัฒน์ไปแล้ว เหลือแต่พระกริ่งองค์เดียว
ช่วงนั้นเกิดรายการปลอมกันอุตลุด ของจริงเขาทำด้วยความประณีต แต่ของปลอมเล่นเจาะรูอุดกริ่งเฉยเลย ของจริงเขาคว้านฐาน บรรจุผงจิตรลดาและพระเกศาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วตีแผ่นทองแดงปิด ฉะนั้น...ไม่ใช่เจาะรู..!
ของทุกอย่างที่เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลายเป็นของแพง โดยเฉพาะสมเด็จจิตรลดา หรือพระกำลังแผ่นดิน เป็นพระที่ไม่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษก แต่ในหลวงทรงอธิษฐานจิตด้วยพระองค์เอง เราจะเห็นได้ว่าท่านที่รู้จักพระ รู้จักเทวดาจริง ๆ ปลุกเสกของได้ทุกคน เพราะไม่ได้ทำเอง ถึงเวลาก็อัญเชิญท่านมาปลุกเสกให้
ระยะนี้ของที่เนื่องด้วยในหลวงขึ้นราคา น่าจะเป็นปีกาญจนาภิเษก เขาออกเหรียญในหลวงทรงเครื่องมหาราชภูสิตาภรณ์ ประทับนั่งบนราชอาสน์เต็มพระองค์ แต่ราคาสองแสนห้า...! อาตมาก็ได้แต่นั่งมอง”
*************************
ถาม : อารมณ์ใจของคนที่เกิดสมัยปัญญาธิกะกับวิริยาธิกะ ต่างกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเปรียบกับปัจจุบันนี้ ก็เหมือนคนภาคเหนือกับคนภาคใต้ คุณจะรู้สึกว่า คนในสมัยวิริยาธิกะเหมือนกับคนภาคเหนือที่มีความสงบเยือกเย็นมากกว่า
หรือถ้าเปรียบระหว่างคนสมัยโบราณกับคนสมัยนี้ คนสมัยโบราณรุ่นปู่ย่าตายาย มีความสงบร่มเย็น อยู่ในศีลกินในธรรมเป็นปกติ แต่รุ่นของพวกเรานี่หาดีได้ยาก คนในสมัยวิริยาธิกะเขามีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นอัตโนมัติเหมือนกับดอกบัวขึ้นเหนือน้ำ รอเวลากระทบแสงอาทิตย์เท่านั้น
ถาม : แต่ก็มีคนไม่บรรลุธรรมอยู่ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นศรัทธาธิกะ อาจจะเหลือบ้าง แต่ถ้าเป็นวิริยาธิกะ น่าจะบรรลุหมด ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เหมือนกับ “อบายภูมิปิด” เพราะทุกคนทรงความดีสูงมาก โอกาสที่จะลงไม่มี
*************************
ถาม : นั่งสมาธิแล้วเห็นภายในลอยออกไป นึกไปพระนิพพานก็ไม่ไปครับ รู้สึกว่าเป็นร่างที่ต้องเดินไปเดินมา ?
ตอบ : กายในที่ออกไปแล้ว แต่ขาดการพิจารณาตัดร่างกาย เมื่อขาดการวิปัสสนามักจะหาทางไปไม่ถูก วนเวียนไปวนเวียนมาอยู่พักหนึ่ง หาทางไปไหนไม่ถูก...ก็กลับดีกว่า...!
*************************
ถาม : ทำไมเด็กบางคนถึงบอกหวยได้ถูก ?
ตอบ : จะบอกว่ามั่วได้ไหม ? จริง ๆ แล้วพื้นฐานทิพจักขุญาณเดิมของเขามีอยู่ ตอนเด็ก ๆ จิตเขายังผ่องใสอยู่ ไม่โดนกิเลสเบียดบังมากเหมือนผู้ใหญ่
*************************
ถาม : น้าจะเปิดร้านที่ต่างประเทศ ?
ตอบ : เปิดร้านวันไหนก็ได้ เว้นวันศุกร์
*************************
ถาม : การที่เราไปเข้าพิธีบวงสรวงที่เขาบอกว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง เป็นสิริมงคลเพราะอะไรคะ ?
ตอบ : นึกถึงพระก็เป็นอนุสติ นึกถึงเทวดาก็เป็นอนุสติ มีการสมาทานศีล ภาวนา ล้วนแล้วแต่เป็นความดีทั้งนั้น
ถาม : มีอย่างอื่นอีกไหมคะ ? อย่างรับน้ำมนต์ ได้พรจากเทวดา ?
ตอบ : อย่างนั้นอยู่ที่เราขอ
*************************
ถาม : เวลาที่หนูนึกถึงพระพุทธรูป เคยอ่านหนังสือเจอว่า อย่าทิ้งอานาปานสติ แล้วอย่างนี้ต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : นึกถึงภาพพระไปด้วยและกำหนดหายใจไปด้วย ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไปและไหลตามลมหายใจออกมา จะองค์เล็กองค์ใหญ่ตามที่เรานึก หายใจเข้า ...เล็กปรี๊ดลงไป หายใจออก...ใหญ่ปรี๊ดขึ้นมา
นึกไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวภาพพระชัด คราวนี้ถ้าภาพพระชัดขึ้น ข้อสอบจะออกอะไรมาก็ถามพระท่านได้
ถาม : แล้วจะนึกถึงภาพพระองค์ไหนดีคะ ?
ตอบ : หนูชอบพระองค์ไหนล่ะ ?
ถาม : ตอนแรกหนูก็นึกได้ พอนาน ๆ ไปก็ลืม พอเริ่มต้นเองค์ใหม่ก็ลืมอีกค่ะ ?
ตอบ : ต่อไปหาเวลาว่าง เอาพระพุทธรูปองค์หนึ่งตั้งไว้ตรงหน้า มองท่านแล้วหลับตานึก พอเลือนก็ลืมตาดูใหม่แล้วมอง หลับตานึกถึง ทำอย่างนีไ้ปเรื่อย ๆ เอาพระแก้วใสก็ได้ อย่าให้องค์ใหญ่มาก ทำอย่างนั้นบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ติดตาเอง
ถาม : นึกถึงพระศรีศากยทศพลฯ ถ้าหนูตายแล้วจะได้ไปพระนิพพานไหมคะ ?
ตอบ : เราต้องคิดด้วยว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่บนพระนิพพาน เราเห็นท่านก็เท่ากับเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านก็เท่ากับเราอยู่บนพระนิพพาน แล้วเอาจิตกำหนดรูปท่านไปเรื่อย ๆ
*************************
ถาม : ถ้าต้องแต่งงาน มีวิธีลดความทุกข์ในการแต่งงานอย่างไรบ้าง ชีวิตคู่จึงจะดี ?
ตอบ : ปฏิบัติให้เป็นพระโสดาบันทั้งคู่...!
ถาม : ถ้าทำไม่ได้ พอจะมีอย่างอื่นไหมครั บ?
ตอบ : ไม่มี ความทุกข์ทุกอย่างมีเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าหากเราไม่เห็นทุกข์จนเป็นพระอริยเจ้า แล้วปล่อยวางได้บ้าง ก็แปลว่ายังทุกข์เท่ากับคนอื่นเหมือนกัน
*************************
ถาม : ที่บอกว่าให้ภาวนาควบคู่กับงานเฉพาะหน้า ถ้าเราไม่ภาวนา แต่อาศัยจับลมหายใจเข้าออก จะเหมือนหรือต่างกันไหมคะ ?
ตอบ : การภาวนาก็คือ การจับลมหายใจเข้าออก...!
*************************
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๓
ถาม : ถ้าถือศีลแปด ตอนเย็นสามารถกินน้ำมันได้ไหมคะ อย่างพวกวิตามิน น้ำมันรำข้าว นำ้มันตับปลา ?
ตอบ : นั่นเป็นวิตามิน...แต่ถ้ายังเป็นน้ำมันอยู่...กินได้ พระพุทธเจ้าอนุญาต สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ ก็คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย
*************************
“งานทุกอย่างถ้าไม่มีสมาธิ ไม่มีทางประสบความสำเร็จหรอก แม้กระทั่งในการต่อสู้ ใครก็ตามที่สามารถรักษาสติสัมปชัญญะและสมาธิเอาไว้ได้ โอกาสชนะจะมีมากกว่า”
*************************
“พอคนเราเหนื่อยมาก ๆ เหนื่อยแทบปางตาย ส่วนใหญ่จะลืมความดีหมด ไปนึกอยู่แต่อาการเฉพาะหน้าของตัวเอง ลักษณะอย่างนั้นถ้าตายไปโอกาสจะไปดีนั้นมีน้อย ต้องเกาะความดีได้ทุกเวลา ไม่ใช่พอถึงเวลาหอบแฮ่ก ๆ แล้วก็นึกถึงแต่ความเหนื่อย
ไม่ว่าสถานการณ์ไหน จะต้องจับภาพพระหรือคำภาวนาได้ตลอด จะเห็นได้ว่าอาตมาหิ้วข้าวของเข้าไปให้พวกเราได้ ไม่เห็นมีอะไร...แค่น้ำแข็งกระติกเดียว ภาวนาคาถาเงินล้านครบหนึ่งจบ ก็เปลี่ยนมือที่ถือกระติกเป็นอีกข้างหนึ่ง ใช้วัดตัวเองได้ด้วย นอกจากไม่เมื่อยแล้วยังได้สมาธิภาวนาอีกต่างหาก
อาตมาไปในลักษณะที่คนอื่นเห็นว่าช้าแต่ไปเร็ว ลักษณะอย่างนั้นนี่ต้องซ้อมให้ชิน พอชินกับการภาวนาชินกับการเดินแล้ว ก้าวแรกกับก้าวสุดท้ายของเราจะก้าวยาวเท่ากัน กำลังใจตั้งแต่ต้นทางและปลายทางจะทรงตัวเท่ากัน
ตอนอยู่ที่เกาะพระฤๅษีปีแรก ไปเดินบิณฑบาต ทางป่าไม้เขาให้คนงานไปช่วยหิ้วปิ่นโตหิ้วกับข้าว หิ้วไปหิ้วมาเขาก็หายกันไปหมด หัวหน้าคนงานก็ไปด่าลูกน้อง ลูกน้องก็บอกว่า “ไม่เอา ไปกับอาจารย์เดินไม่ทัน เหนื่อยฉิบ...เลย” เขาก็สงสัย ทำไมพวกนั้นบอกว่าเดินไม่ทัน เพราะพวกนั้นเดิน เขาต้องวิ่งตาม...!
อาตมาก็เดินภาวนาไปเรื่อย ๆ พอเพลินกับการภาวนาก็ลืมเหนื่อย แต่คนทั่ว ๆ ไป พอเหนื่อยขึ้นมาก็จะคิดแค่ตรงที่ตัวเองเหนื่อย ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ กลายเป็นซ้ำเติมตัวเอง”
*************************
ถาม : การที่ทรงความปีติเอาไว้ในใจตลอด ยังดีไม่พอหรือคะ ?
ตอบ : ยัง…ดีเหมือนกัน แต่ยังไม่ดีพอ ลองสังเกตดู พอเราเผลอเมื่อไร ก็โดนกิเลลตอดเล็กตอดน้อยอยู่เรื่อย
ปีติยังไม่ใช่ฌาน กำลังต่ำเกินไป อย่างน้อย ๆ ควรให้เป็นอุปจารฌานหรือปฐมฌาน ในเมื่อกำลังยังไม่หนักแน่นพอ เมื่อเราเผลอกิเลสก็ตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อย
*************************
หลวงพ่อกล่าวถึงหนังสือนวจันทรา ว่า “จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่เขาบอกว่า เผ่าพันธุ์ของมนุษย์หมาป่าจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ของผีดูดเลือด
ถ้าผีดูดเลือดมีมาก มนุษย์หมาป่าก็จะเกิดมาก ถ้าผีดูดเลือดมีน้อยมนุษย์หมาป่าก็จะเหลือน้อย มาถึงตรงนี้นึกอะไรได้บ้าง ?
นึกถึงเรื่องที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกเรื่องพุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์ ท่านบอกว่า นำ้ถึงไหนปลาถึงนั่น พุทธศาสตร์เจริญรุ่งเรือง ไสยศาสตร์ก็รุ่งตาม ถ้าหากพุทธศาสตร์ตกต่ำ ไสยศาสตร์ก็ตกต่ำด้วย
เหตุเพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะมีขึ้นได้ เกิดจากความนิยมชมชอบของคน ในเมื่อชอบก็ะจปฏิบัติ พอปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พุทธศาสตร์ก็รุ่งเรือง ทางด้านคนที่ชอบไสยศาสตร์ พอปฏิบัติเต็มที่ก็เจริญเหมือนกัน เพราะฉะนั้น...มนุษย์หมาป่าในหนังสือช่วงนี้เกิดเยอะ เพราะผีดูดเลือดมารวมตัวกันมาก”
*************************
“สัตว์ดูดเลือดอย่างเช่นปลิงหรือทาก เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่กลัวความสยองก็จะน้อย ลงไปเยอะ แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะไปกลัว ในเมื่อเรากลัว พอไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์ บางทีก็สติขาด พอขาดสติก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก”
*************************
|