ในเมื่อตกลงพม่าวางแผนอยู่แล้ว ให้ไทยสร้างที่เนินฝั่งเมืองมะละแม่ง ตัวเองข้ามฝั่งอ่าวเมาะตะมะไปสร้างทางเมืองเมาะตะมะ เราเล็งด้วยสายตาแล้ว อ่าวช่วงนั้นมันประมาณ ๓ ไมล์ มองแทบจะไม่เห็น ปรากฏว่าพอใกล้สว่างทางไทยมองไปเจดีย์พม่าเสร็จแล้วขาวโพลงเลย ก็ต้องยกทัพกลับตามสัญญา ปรากฏว่าพม่ามันแหกตาเอา มันใช้ไม้ไผ่ ทำโครงแล้วเอาผ้าขาวพัน ๆ ขึ้นไปเท่านั้น
              ของไทยเราสร้างไปตั้งค่อนองค์แล้วทิ้งเอาไว้พม่ามาบูรณะต่อเติม เติมยอดฉัตร เติมอะไรไปกลายเป็นแบบพม่า ถ้าเราเอามือปิดยอดฉัตรแล้วจะเห็นว่าเป็นองค์เจดีย์ไทย อันนี้ถ่ายรูปมาอยู่ในอัลบั้ม พอไทยเรายกทัพกลับพม่าก็รีบสร้างของมันให้เสร็จแล้วก็มาบูรณะของเราจนเสร็จเรียกว่า เจดีย์สยามพ่าย มาจนทุกวันนี้ คือไทยแพ้เขานะ คราวนี้เจดีย์นี้พอมันผ่านมา ระยะเวลาจากโน่นมาจนถึงปัจจุบัน
              สมัยพระนเรศวรมาจนถึงนี่ก็ประมาณเกือบ ๆ จะ ๔๐๐ ปีแล้วมั้ง...ใช่มั้ย ? กรุงเทพก็ ๒๐๐ กว่าปีแล้วนี่ กรุงธนบุรีอีก ๑๕ ปี อายุจะอยู่ราว ๆ สัก ๔๐๐ ปี เจดีย์เคยพังลงมาทีหนึ่งสิ่งที่เขาบรรจุไว้ถวายเป็นพุทธบูชาตอนสร้างเจดีย์มันมีคัมภีร์กรรมวาจเล่มนี้อยู่ ทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดงก็ไม่ทราบนะ ปิดทองอย่างงามเลย เขียนลาย เขียนอักขระงดงามมาก ใคร ๆ ก็อยากได้เพราะทางโน้นเขาถือว่าเป็นของขลัง เขามั่นใจถึงขนาดว่าอาวุธปืนชนิดไหนก็ตาม ยิงไม่ออก
              ส่วนใหญ่เขาจะไปหลอมทำเป็นวัตถุมงคลหรือไม่ก็ตัดไปม้วนเป็นตะกรุด อาจารย์ยานิกะเอามาถวาย บอกอาจารย์สุธัมมะความจริงแล้วคัมภีร์เล่มนี้มีโครงการจะถวายสมเด็จพระเทพฯ (มึงหาคุกให้กูแล้ว...หัวเราะ) มีโครงการจะถวายสมเด็จพระเทพฯ แต่ผมบอกลูกศิษย์ว่า ผมขอเถอะผมจะไปถวายอาจารย์สุธัมมะ จะขอเงินมาสร้างโบสถ์ซักหลัง ๕๐ แสนพม่าก็อยู่แล้วเขาว่าอย่างนั้น ๕๐ แสนพม่ามันก็ ๕ ล้านพม่าใช่มั้ย ? ๕ ล้านพม่านั่นแหละ เขาตีราคาขนาดนั้น
              เมื่อประมาณปี ๒๕๓๘ ท่านชาติชายเดินทางไปพม่าครั้งแรกของท่าน ท่านไปถึงย่างกุ้งก็ปรากฏว่ามีเจ้าอาวาสวัดที่ย่างกุ้งสร้างวัดอยู่แล้วไม่มีทุนทำต่อก็เอาคัมภีร์กรรมวาจเก่านี่มา แต่ว่าเล่มนั้นอายุประมาณ ๖๐ ปีเท่านั้นเขาตีราคา ๒๐๐,๐๐๐ บาทไทย ๒๐๐,๐๐๐บาทไทยก็ราว ๆ ๒๐ แสนพม่า ปี ๓๘ ท่านชาติชายก็บอกว่าผมเองไม่มีปัญญาหรอกจะพาไปหาอาจารย์ของผม คราวนี้เขามาถึงเจดีย์แล้ว แล้วกลัวว่าท่านชาติชายจะหลอกมาเพื่อจะอมคัมภีร์นี้ซะ เขาก็เลยเดินทางกลับย่างกุ้งไป เราก็สบายไม่ต้องจ่าย ๒๐๐,๐๐๐
              ปรากฏว่างวดนี้ได้มาเก่ากว่าอีกประมาณ ๔๐๐ ปีได้ ท่านอาจารย์ใหญ่ยานิกะทำหนังสือรับรองมาเลยว่าเป็นของที่ท่านถวายมา เราไม่ได้ขโมยวัตถุโบราณออกนอกประเทศ เขากลัวพวกด่านตรวจเจอ ปรากฏว่าเราถือเดินเทิ่ง ๆ มาไม่มีใครถามสักคนหนึ่งเลย หนังสือรับรองก็คากระเป๋าอยู่ไม่ได้ใช้เก็บอยู่ที่วัดไม่ได้เอามา
              นั่นแหละสิ่งที่เขาเชื่อถือ ยึดถือมันยังมีอยู่มากต่อมากด้วยกัน แต่เราเองเอามาแล้วก็คือตั้งถวายบูชาหน้าพระเลย อย่าลืมว่าคัมภีร์พระธรรมนะคุณ เอาไปหลอมเป็นวัตถุมงคลหรือเอาไปตัดทำตะกรุดก็คือทำลายพระธรรมใช่มั้ย ? แต่ทางด้านโน้นของเขาเรื่องนี้ทำไมมันหยาบนักไม่รู้ เขาไม่ค่อยรู้สึกรู้สากันหรอกเขากะจะว่ากันท่าเดียวนั่นแหละ
              พอรู้ว่าเราได้มาอาจารย์ใหญ่ธัมมเสนะย่องมาดูเป็นคนแรกเลย ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ใหญ่ยานิกะท่านบอกว่าคุณรอเอาไว้ตอนไม่มีคนแล้วค่อยแกะดูไม่งั้นถ้าเขารู้เข้าเดี๋ยวพัง เขากลัวว่าเรื่องมันจะลือออกไป เพราะว่าคัมภีร์เล่มนี้พอได้มาเขาเก็บเงียบเลย รออยู่อย่างเดียววาระสำคัญ ๆ เมื่อไหร่แล้วถึงจะเอาออกมาโชว์กัน
              อาจารย์ใหญ่แกไปตามเค้นคอลูกศิษย์แกเอามา ลูกศิษย์ลูกหาแกดังทั่วบ้านทั่วเมืองเลย โดยเฉพาะครูบาใหญ่เมียงจีงูเป็นพระที่ดังมหาศาล แต่ดังทางอะไรรู้มั้ย ? เป็นหัวหน้ากองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (หัวเราะ) นั่นลูกศิษย์ของอาจารย์ยานิกะท่าน ครูบาใหญ่เมียงจีงูนี่ท่านเก่งทางอภิญญาแต่ว่ามันเป็นโลกียอภิญญา อาวุธทุกชนิดไม่ได้รับประทานท่านหรอก
              คราวนี้พอทหารมันตั้งใจจะแยกจากกะเหรี่ยงคริสต์ของโบเมียะมาเข้ากับฝ่ายรัฐบาล มันต้องจัดตั้งกองกำลังที่มีการบังคับบัญชาตามลำดับชั้นให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ทางรัฐบาลถึงจะเชื่อถือและเซ็นสัญญากับตัวหัวหน้าใหญ่ มันไม่รู้จะเอาใครมันเอาครูบาเมียงจีงูมาเป็นหัวหน้ากองกำลังเล่นเอาพระเดือดร้อน อยู่ ๆ มันลากเอาไปเป็นหัวหน้ากองกำลังทหารเฉยเลย
              ตอนนี้ทางด้านโน้นกะเหรี่ยงก็แยกออกเป็นหลายสายเหลือเกิน กะเหรี่ยงคริสต์ของโบเมียะยังอยู่เขาเรียกทหารป่าเพราะว่าพวกนี้เข้ากับรัฐบาลไม่ได้ เจอหน้าเมื่อไหร่ก็ยิงกัน
              วันที่เดินทางกลับนั่นพอเราไปถึงเวสาลีปั๊บก็จะเข้าที่พัก เจ้าของแพพักมันก็ทำอะไรไม่ถูกมือสั่นตีนสั่นอยู่ เขาบอกว่าทหารป่ามันออกมาแล้วทหารพม่ามันมา มันเพิ่งจะยิงกันก่อนท่านมาอึดใจเดียวนี่แหละ ตัวเองยังตกใจมือตีนสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่ ขนาดทอนเงินยังทอนผิดทอนถูกเลย (หัวเราะ) แล้วก็ทหารกะเหรี่ยงคริสต์ของโบเมียะส่วนหนึ่ง แล้วก็ทหารกะเหรี่ยนงพุทธภายใต้การนำของครูบาเมียงจีงูส่วนหนึ่ง ทหารกะเหรี่ยงพุทธภายใต้การนำของนายพลซอตูมูแฮส่วนหนึ่ง ใต้การนำของนายพลซอตูมูแฮนี่จะวางอาวุธต่อรัฐบาลโดยสิ้นเชิงเลย นายพลซอตูมูแฮความจริงเป็นผู้บังคับกองพัน พอยอมวางอาวุธต่อเขา รัฐบาลรับเข้าเป็นทหารก็เลยตั้งให้เป็นนายพล

              แล้วก็นายพลพะโด้อ่องซานนี่เป็นกะเหรี่ยงคริสต์ยอมวางอาวุธเหมือนกัน แล้วก็มาผู้พันซออ่องจีวินที่สนิทกันมากทุกวันนี้ เข้า-ออกนี่อาศัยบารมีแกนะ รายนี้ยอมเซ็นสัญญาสงบศึกเฉย ๆ แต่ไม่ยอมวางอาวุธ จะมีของทางด้านครูบาเมียงจีงูที่ว่าไม่ได้วางอาวุธเหมือนกันแต่ว่ายอมเซ็นสัญญาเข้าร่วมกับฝ่ายรัฐบาล เฉพาะกะเหรี่ยงอย่างเดียวก็แตกแยกออกจนนับไม่ถ้วน พวกนี้ก็เลยต้องเสาะหาสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุมงคลที่เขาเชื่อมั่นว่าขลังแน่ ๆ เอาไว้ติดตัว ของเราไปครั้งแรกไม่มีอะไร
              พอครั้งที่ ๒ พวกทหารกะเหรี่ยงพุทธพร้อมลูกน้องพร้อมผู้พันซออ่องจีวินมันมากันบานเลย สงสัยว่ามาทำอะไรกัน ? มันมาขอพระตอนที่ไปครั้งแรกเอาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมไปฝากครูบาน้อยไว้ บอกว่าให้แจกญาติโยม ปรากฏว่าพวกนี้มันมาครูบาน้อยก็แจกพวกทหารไป เสร็จแล้วมันจับกะเหรี่ยงคริสต์ได้คนหนึ่งเอาไปสอบสวนตัดสินโทษประหาร เจ้านั่นก็กะว่ายังไงก็ตายแน่แล้วในเมื่อตายแน่แล้วมันก็สู้ มันแย่งอาวุธทหารกะเหรี่ยงพุทธแล้ววิ่งหนีเข้าป่า
              พวกนี้มันมัวแต่ตกตะลึงอยู่ยิงไม่ทันก็ต้องตามล่ากัน ล่าไปล่ามาไปถึงขุมเหมืองที่ขุดแร่เป็นเหมืองร้างมีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด ไอ้นั่นมันซ่อนในขุมเหมืองพวกนี้ไม่รู้พอผ่านไปได้ยินแต่เสียงนกปืนมันสับแชะ ๆ หาตัวไม่เจอ พอเจอก็รุมกันซัลโวซะเละเป็นบะช่อไปเลย พอไปตรวจปืนมันเขาบอกว่าหนาวเลย กระสุนทุกนัดมีแต่รอยสับหมดแต่ไม่ลั่นสักนัดเดียว
              สรุปได้ว่ามีของดีอยู่อย่างเดียวก็คือ เหรียญสมเด็จองค์ปฐมที่ไปรับมาจากครูบาน้อย พออาตมาไปมันแห่กันมาอย่างชนิดที่เรียกว่ามีเท่าไหร่ก็ต้องให้มันเท่านั้น งวดนี้ผู้พันแกไม่ว่างแกมาอยู่ที่ด่านเจดีย์สามองค์เห็นว่าคงจะเกี่ยวกับเรื่องปิดด่าน-เปิดด่าน เขาให้ผู้กองวินหย่งไปแทน พาลูกน้องไป ๑๐ คน บอกใช้ยังไงก็ได้ใช้ให้เป็นทาสไปเลยก็ได้ คือเอามาดูแลรักษาในงานก็ได้หรือว่าใช้งานได้ทุกอย่าง คือคนเราเวลาศรัทธาแล้วกลายเป็นว่ามีอะไรก็ยอมทุ่มเท
              ตัวผู้พันเองแกเป็นนักศึกษาทนการกดขี่ของรัฐบาลไม่ได้เลยจับปืนเข้าป่า ๒๐ กว่าปี กว่าจะออกจากป่ามาก็แก่แล้ว ๔๐ กว่าจะ ๕๐ แล้ว ปรากฏว่าแฟนที่รักกันตั้งแต่สมัยที่เป็นนักศึกษายังรออยู่เลยก็เลยแต่งงานกับคนแก่เป็นเพื่อนกันต่อไป (หัวเราะ) แก่ต่อแก่ด้วยกันเห็นบ่น ๆ ว่าอยากมีลูกก็คงไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ) ตัวเล็ก ๆ นิดเดียว
              ในฐานะของแกปัจจุบันนี้ลักษณะเหมือนกับเป็นแม่ทัพภาค เพราะว่าคุมตั้งแต่ด่านเจดีย์สามองค์ขึ้นไปยันแม่สอดเลย ทุกเมืองตั้งแต่ด่านเจดีย์สามองค์ถึงแม่สอด อยู่ภายใต้กองกำลังของผู้พันซออ่องจีวิน แกยังเป็นผู้พันอยู่เป็นนายพลไม่ได้ เพราะว่าแกไม่ยอมวางอาวุธ ถ้าวางอาวุธพม่ามันตั้งให้เป็นนายพลเลย
              อย่างนายพลซอตูมูแฮ นาพลพะโด้อ่องซานพอวางอาวุธมันตั้งให้เป็นนายพลเลย ทีนี้พอเขาถือในเรื่องเหล่านี้แล้วก็พยายามเสาะหากัน มีของดีที่ไหนมันก็ไปที่นั่น โดยเฉพาะจากฝั่งไทย พวกนายพลซอหม่อง นายพลขิ่นยุนท์นี่ถึงเวลามีอาจารย์ดี ๆ จากฝั่งไทยข้ามไปเขาก็จะเชิญไปฉันที่บ้าน ให้ไปสวดไปอะไรในลักษณะตัดเคราะห์ ตัดกรรม เสริมดวงชะตาอะไรให้เขาทุกที
              ช่วงที่ไปพอดีตรงกับนายกทักษิณท่านไป เมื่อตรงกับนายกทักษิณท่านไป เราพอดีไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง เจอคณะของนายกเข้าก็ถ่ายรูปนายก โดนสายลับมันล็อกตัวไป มันแจ้งข้อหาว่าถ่ายรูปแขกของรัฐบาล ก่อนที่มันจะปล่อยตัวมานั้นมันถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐาน ช่วงมันถ่ายรูปเรามันเกิดคันขึ้นมาหมั่นไส้มันเรื่องมากนักก็เลยตั้งใจว่าไม่ให้ติด ไปกันพระ ๒ ฆราวาส ๒ รูปแรกตั้งใจว่าไม่ติดทั้งหมด ส่วนรูปที่ ๒ ตั้งใจไม่ให้ติดคนเดียว กว่ามันจะใช้งานฟิมล์ม้วนนั้นหมด กว่ามันจะล้างออกมา เราก็กลับมาเมืองไทยแล้ว
              คราวนี้มันคงพลิกแผ่นดินหาว่าพระองค์นี้อยู่ที่ไหน คราวหน้าเอ็งถ้ามาจะเตะมันทีละคน ๆ เลย ตอนนี้เราเป็นต่อแล้วนี่ พอถึงเวลาเขาคลานเข้ามาหาแปลว่าเขาต้องง้อเราแล้ว แต่ตอนนั้นมันจับเรา(หัวเราะ) ท่านนาวินเขาบอก อาจารย์ไปแกล้งมันอย่างนั้นนะมันมี ๒ อย่างคือว่า ถ้าไม่กลับไปไทยซะก่อนก็ไม่ได้กลับเลย มันไม่ให้กลับแน่มันเอาเก็บไว้ให้อยู่พม่านั่นแหละ
              คราวนี้ของเรามั่นใจว่ารูปของมันงานพวกนี้มันไม่ได้ใช้บ่อย มันก็คาม้วน คาฟิล์มคากล้องมันอยู่ กว่ามันจะใช้งานหมดเราก็มานอนตีแปลงเมืองไทยนานแล้ว ไม่กลัวมันหรอก นิสัยส่วนตัวสันดานมันเป็นอย่างนั้น หมั่นไส้ใครแล้วจะแกล้งเขาเรื่อย แกล้งมันมาหลายยกแล้วพวกพม่า แกล้งซะจนเข็ดไปตาม ๆ กันพวกเจ้าหน้าที่ที่หลวงพ่อมหามุนีที่มัณฑเลย์ปีหลังสุดนี่มันเริ่มรู้แล้ว เจอหน้ามันขอพระอย่างเดียว เพราะว่าก่อนเวลาที่เขาจะเปิดเราเข้าไปนั่งสวดมนต์รออยู่ข้างในนานแล้วลูกขุนแผน วิชาขโมยมันต้องเก่ง