ถาม :  แล้วจะทำยังไงให้สมาธิเหมือนกับที่เรานั่งรวมกับคนอื่น
      ตอบต้องทำจนกระทั่งกำลังใจทรงตัวเป็นฌานเป็นอย่างน้อย ระวังไว้อย่าให้ฌานเสื่อม ถ้ากำลังทรงเป็นฌานเป็นอย่างน้อยนี่มันจะช่วยระงับตัวนิวรณ์ ๕ ได้ ก็จะกดตัวรัก โลภ โกรธ หลงลงได้ชั่วคราว ถ้ากำลังอย่างนั้นจะมั่นคง รอบข้างเขาไหลไปเราก็เหมือนกับหินกลางกระแสน้ำ ต้านกระแสน้ำนั้นได้อยู่ แต่ว่ามันก็ยังไม่พ้นกระแสอยู่ดีนะ
      ถาม :  อย่างนี้ถ้าเราอยู่กับคนที่เขาสมาธิจิตดีหรือว่าสุขภาพจิตดีแล้วคิดในทางที่ดี
      ตอบ :  ก็จะสบายไปด้วยล่ะจ้ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่าอยู่ในเขตที่มีพระอริยเจ้ามาก ๆ ยิ่งสบายหนัก
      ถาม :  ทีนี้มันเกิดปัญหาที่ทำงานน่ะเจ้าค่ะ คนในที่ทำงานทะเลาะเบาะแว้งกันเกือบทุกวันเลย แต่ละคนรู้สึกว่าเขาไม่รักกันเลย พอเราเข้าไปตอนแรก ๆ สภาพจิตของเราก็นิ่ง ๆ พอเข้าไปในนั้นเราก็กระทบจิตตรงนั้น จิตเราก็วุ่นวายไปด้วย
      ตอบ :  อันนั้นต้องรักษาของเราให้เข้มแข็งพอ เพราะถ้ายังเข้มแข็งไม่พอก็พังง่าย ๆ คนที่อยู่ต่างจังหวัดถ้าเป็นนักปฏิบัติ เวลาเข้ากรุงเทพฯ จะสังเกตได้ง่ายมาก เพราะว่ากระแสส่วนใหญ่ของคนในกรุงเทพฯ ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง เรามานี่จะโดนเบียดเอียงไม่เป็นท่าเลย ไม่รีบตั้งท่า ภาวนาสู้เอาไว้บางทีพังเอาง่าย ๆ
      ถาม :  ต้องทำยังไงเจ้าคะถึงจะไม่เป็นลักษณะอย่างนั้น ๆ
      ตอบ :  อย่าให้หลุดจากลมหายใจเข้าออก หลุดเมื่อไหร่เป็นเรื่องเมื่อนั้น (หัวเราะ) ฟังแล้วเหนื่อยใช่มั้ย ? ถ้าจะไม่ให้เหนื่อยก็ต้องทำจนชินจนกระทั่งว่ามันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรา จิตใจของเราไม่รับเรื่องภายนอกเป็นปกติ ถ้าอย่างนั้นก็จะสบาย แต่ถ้าหากว่ามันยังรับอยู่ก็ต้องทรงฌาน คือรู้ลมหายใจเข้าออกเอาไว้เป็นปกติ
      ถาม :  แล้วเราจะช่วยคนที่อยู่ในสถานที่ทำงานเราให้เขารักใคร่ปรองดองกันยังไงเจ้าคะ ?
      ตอบ :  อันดับแรกก็ทำตัวเราก่อน ตัวเราต้องพ้นจากกระแสก่อน มีความเข้มเข็งพอ เมื่อขึ้นสู่ฝั่งแล้วจะช่วยใครก็ได้ แต่ถ้าเรายังไม่พ้นกระแสยังลอยคออยู่ด้วยกัน ไปเที่ยวช่วยเขาเดี๋ยวเขากอดจมตายไปด้วย เพราะฉะนั้น ตอนนี้ต้องเร่งปฏิบัติของตัวเองให้มันเข้มแข็งเข้าไว้ โดยเฉพาะแผ่เมตตาให้เขาบ่อย ๆ กระแสเมตตาที่เราสงเคราะห์ต่อเขา จะเป็นกระแสเย็น เมื่อเป็นกระแสเย็นถ้าหากว่าเขาได้รับได้อะไรคนที่เขาอยู่ใกล้เขารู้สึกเย็นอกเย็นใจเดี๋ยวเขาก็คล้อยตามมาเอง
      ถาม :  เห็นผีเต็มที่ทำงานเลยเจ้าค่ะ
      ตอบ :  ก็ปกติของเขาไม่ใช่เฉพาะที่ทำงานที่อื่นก็เยอะ อย่าลืมว่าผีรัก ผีโกรธ ผีโลภ ผีหลง มันน่ากลัวมากที่สุด ถ้าหากว่าที่ไหนก็ตามที่กำลังใจของคนมันไม่ดี พวกนี้เขาก็จะช่วยซ้ำ ต้องระวังเอาไว้หน่อย
      ถาม :  พูดถึงผี ผีที่เข้าสิงคนนี่เข้าสิงได้ในจุดไหนของคนหรือเจ้าคะ ?
      ตอบ :  เขาไม่ได้เข้าในร่างกาย ผีที่เข้าสิงหรือเทวดาที่เข้าทรงอะไรก็ตามที่เราคิด เขาจะอยู่ด้านนอกแล้วใช้อำนาจจิตของเขาบังคับให้บุคคลนั้นทำสิ่งต่าง ๆ แบบที่เขาต้องการ เขาบังคับจากภายนอก ไม่ได้เข้าไปข้างในโดยเฉพาะเทวดาไม่เข้าไปหรอก เหม็นขี้ ! (หัวเราะ)
      ถาม :  เวลาเราจะสร้างเสน่ห์ให้คนเขารักเรานี่ ทำยังไงบ้างเจ้าคะ ?
      ตอบ :  อ๋อ...วิธีทำเสน่ห์ง่ายมาก เขาเรียกว่า สังคหวัตถุ ๔ อย่าง ประกอบไปด้วย ทาน มีการเสียสละให้ปันเจือจานแก่ผู้อื่นเป็นปกติ อันดับที่สอง ปิยวาจา พูดแต่สิ่งที่ดีที่ไพเราะพูดวาจาที่เป็นประโยชน์แก่เขา อันดับที่สาม อัตถจริยา ช่วยเหลือการงานของคนอื่นเขาเท่าที่เราจะทำได้ อันดับที่สี่ สมานัตตา มีความสม่ำเสมอในกิจที่เราทำ
              อย่างเช่นว่า เคยให้ก็ให้ เคยพูดดีก็พูดดี เคยช่วยก็ช่วยตลอดไป ถ้าทำอย่างนี้แล้ว บวกกับตัวเมตตาที่เราตั้งใจแผ่ให้คนอื่นเขาอยู่เสมอ ๆ จะกลายเป็นคนมีเสน่ห์จ้ะ ทำเสน่ห์ใครคนนั้นก็เสร็จเราหมด พระพุทธเจ้าสอนวิธีทำเสน่ห์ไว้ อาจารย์ใหญ่สอนเองเพราะฉะนั้นลูกศิษย์ต้องทำให้ได้
      ถาม :  พอดีที่ำทำงานเขาทำงานแข่งกับเราแล้วงานเขาไม่เสร็จ งานเราเสร็จ พองานเราเสร็จนี่เราโดนแกล้งโดยไม่รู้ตัว ........(ไม่ชัด)........... การที่จะไม่ให้คนแกล้งเราเลยได้ไหมเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ไม่ได้หรอกจ้ะ เพราะว่าเราเองก็ทำบุญทำบาปอยู่ตลอด ไม่ได้ทำดีมาอย่างเดียว ในเมื่อเราไม่ได้ทำดีมาอย่างเดียว โอกาสที่อกุศลกรรมต่าง ๆ มันจะให้ผลแม้เพียงเล็กน้อยมันก็จะมีอยู่บ้าง ดังนั้น โอกาสที่จะไม่ให้เขาแกล้งเลยมันมีอยู่ก็คือไปนิพพานซะ แต่มันก็จะลำบากหน่อย ลำบากตรงปฏิบัติ จะไม่ให้แกล้งเลยก็ไปนิพพานไม่มีใครตามไปแกล้งหรอก อยู่ที่โน่นเขาดีด้วยกันทั้งหมด
      ถาม :  ให้เขาคิดว่าเราเป็นมิตรเขาไม่ได้เหรอ ?
      ตอบ :  อันนั้นได้อยู่จ้ะ แต่ว่ากำลังของเราต้องสูงพอ สูงพอขนาดที่เขาเข้าใกล้เราปุ๊บสามารถเปลี่ยนจิตใจเปลี่ยนความคิดของเขาได้เลย ด้วยกำลังความดีของเรา ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยที่สุดเราต้องเป็นพระโสดาบัน อันนี้กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ ผู้ที่เป็นพระโสดาบันที่ท่านเปรียบไว้ว่ามีกำลังถึง ๗ ช้างสารก็คือกำลังของความดี
              คนที่เข้าใกล้ ถ้าหากพระโสดาบันท่านตั้งใจใช้กำลังความดีของท่านในการที่จะเปลี่ยนแปลง หรือว่าแก้ไขบุคคลที่กระทำไม่ดีให้กลับมาทำดีคนอื่นจะต้านกำลังของท่านไม่ได้ แต่ว่าจริง ๆ แล้วท่านก็ยอมรับกฎของกรรม ดังนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันก็เลยกลายเป็นว่าท่านไม่คิดจะทำ แต่ว่าอยากจะทำต้องขนาดนั้นนะ
      ถาม :  ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นคนทำด้วยหรือเปล่าเจ้าค่ะ ?
      ตอบ :  ทำแหง ๆ ล่ะจ้ะ กรรมมันเป็นคำรวมแปลว่าการกระทำ
      ถาม :  มีขี้เหล้ามาอยู่แถว ๆ บ้าน แล้วเขาก็จะมาปาขวดหน้าบ้านในบ้านเป็นระยะ ๆ เจ้าค่ะ
      ตอบ :  เราก็มีหน้าที่เก็บเป็นระยะ ๆ
      ถาม :  เราก็เก็บเป็นระยะ ๆ เหมือนกัน เก็บไปก็บอกเขาบ้าง ....ขอให้เขามีอันเป็นไปน่ะเจ้าค่ะ
      ตอบ :  อ้าว !
      ถาม :  แล้วเขาก็เลยเด๊ดไปแล้วเจ้าค่ะ
      ตอบ :  ก็เสร็จสิคะ
      ถาม :  ทำยังไงดีเจ้าคะ ?
      ตอบ :  อันนั้นไม่ต้องไปทำล่ะจ้ะ ตายไปเรียบร้อยแล้ว คือว่า บุคคลที่ทรงความดีถึงระดับหนึ่ง ตัวอธิษฐานบารมีมันจะเห็นผลไว เพราะฉะนั้นพอไปถึงระดับนั้นแ้ล้วพูดอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวเองให้ดีจ้ะ เราเองน่ะไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก แต่ว่าผลกรรมที่เขาทำมันจะสนองเขาเร็วมาก เพราะฉะนั้นต่อไปต้องรักษาใจให้ดีจ้ะ อย่าไปคิดแช่งใครอีก เดี๋ยวเขาจะแย่กันหมด (หัวเราะ)
              ตัวอย่าง ก็คุณแสงชัย เขาไปเจอทีเด็ดหมอผีมา เขาไปแช่งหมอผีจะตายแหงไปเลย แบบเดียวกัน ....ถ้าคนเราทำความดีจนทรงตัวในระดับหนึ่ง แล้วต้องระวังตัวเองโดยเฉพาะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าพูดเมื่อไหร่ มันจะเป็นอย่างนั้น...สงสารเขา...
      ถาม :  ไม่ตั้งใจก็เป็น ?
      ตอบ :  จ้ะ รู้ว่าไม่ตั้งใจ

      ถาม :  เรื่องอธิษฐานเจ้าค่ะ เรามีคู่ในปัจจุบันชาตินี้เจ้าค่ะ แล้วเราเคยอธิษฐานว่าเราจะไม่เป็นคู่กับอีกคนหนึ่ง แล้วเราจะหยุดอธิษฐานนั้น ...คือมันต่อเนื่องมาหลายภพหลายชาติแล้ว
      ตอบ :  คำอธิษฐานเปลี่ยนได้จ้ะ อธิษฐานแปลว่าความตั้งใจ ถ้าเราเปลี่ยนความตั้งใจเสียมันก็เป็นอันว่าจบกัน
      ถาม :  ทีนี้ถ้าเราเปลี่ยนว่าเรายกเลิกว่าคำอธิษฐานที่จะไม่เป็นคู่กับอีกคนหนึ่ง เราจะมีปัญหากับคนปัจจุบัน
      ตอบ :  อ๋อ....ของเราเองมันเกิดมาก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเจอแต่คนเดิมตลอดไปหรอกจ้ะ เพราะว่าเราเกิดมาหลายชาติ แต่ละชาติถ้าทำความดีความชั่วไม่ได้เสมอกัน มันก็จะต้องมีว่าเราเกิดบ้างเขาเกิดบ้างสลับกันไป ช่วงที่ไม่ได้เกิดพร้อมกันก็ไปเจอคนอื่น ถ้าเกิดพร้อมกันแต่ว่าเจอคนที่เกิดมากกว่าเราก็จะไปกับคนที่เกิดด้วยกันมากกว่า บางชาติคนที่เราเกิดร่วมกันไม่ได้โผล่มาสักคนหนึ่งเลยก็จะไปเจอที่เกื้อกูลกันในปัจจุบันชาตินั้นขึ้นมาอีก ดังนั้นมันก็จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
              เพราะฉะนั้น เราจะสังเกตอารมณ์ใจตัวเราเองว่า บางทีเราเองแต่งงานกับคนนี้แท้ ๆ แต่พอไปเจอกับอีกคนหนึ่ง ทำไมรู้สึกรักรู้สึกชอบเขาเหมือนกัน นั่นก็อาจจะเคยติดตามกันมาแต่ว่าเราต้องอยู่ในขอบเขตของศีลของธรรม เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามถ้าอยู่ในเขตของศีลของธรรม มันจะอธิษฐานอย่างไรมันจะยกเลิกอย่างไรก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยอย่าให้ศีล ๕ มันขาด คำอธิษฐานมีผลแต่เพียงว่าถ้าหากว่าเรายกเลิกแล้ว อธิษฐานใหม่ มันก็จะเป็นไปตามของใหม่
      ถาม :  ยกเลิกได้ใช่ไหมเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ได้จ้ะ แค่เปลี่ยนความตั้งใจเท่านั้นเอง อันนี้เหมือนยังกับนอกตำราเลย จริง ๆ ไม่ใช่นอกตำรานะ คำอธิษฐานเปลี่ยนกันได้ ความตั้งใจของเราให้มันตั้งมั่นจริง ๆ เท่านั้น
      ถาม :  คำอธิษฐานนี่ข้ามชาติได้ ?
      ตอบ :  จ้ะ มันให้ผลข้ามชาติเยอะเลย
      ถาม :  แล้วอย่างที่แบบว่าชาตินี้เขาเคยเป็นบิดามารดาและลูกอย่างนี้ พอชาติถัดไปเขาก็เปลี่ยนความสัมพันธ์ แล้วเวลาเราจะ...ยังไง ?
      ตอบกรรมมันเนื่องกันไปเนื่องกันมา แต่ละคนมันสามารถเปลี่ยนสัมพันธ์เปลี่ยนตำแหน่งเปลี่ยนอะไรไปได้อยู่ตลอด ชาตินี้คนเขาเป็นพ่อเป็นแม่เรา ชาติต่อไปอาจจะเกิดมาเป็นลูกเราหรือคนใช้เราก็ได้ ชาตินี้เป็นสามีเราชาติต่อไปอาจจะเป็นพ่อเราก็ได้
      ถาม :  ถ้าสมมุติว่า คนที่เขาเคยเกิดเป็นพ่อเราแล้ว มาเกิดเป็นลูกเรานี่เราจะทำยังไงเขาคะ ?
      ตอบ :  ไม่ต้องทำล่ะจ้ะ ทำหน้าที่ของเราตอนนั้นให้ดีที่สุดเท่านั้น อย่างเช่นว่าเราเป็นแม่เราก็ทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุด นับในปัจจุบันอย่าไปคิดเอาอดีต ถ้าหากว่าคิดเอาอดีตนี่ยุ่งมากเลย
      ถาม :  ............(ไม่ชัด)...............
      ตอบ :  ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติจะต้องเอาปัจจุบันเป็นใหญ่ ไม่ใช่ส่วนใหญ่ต้องใช้คำว่า ทั้งหมด นักปฏิบัติทั้งหมดต้องเอาปัจจุบันเป็นใหญ่ อดีตรู้ไว้เป็นบทเรียนเท่านั้น รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็วาง เพราะว่าทุกชาติมันก็ทุกข์เหมือนกันนะ ปัจจุบันทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่ต้องนึกถึง แค่นั้นก็พอ เขาเป็นพ่อแม่ก็ให้เป็นพ่อแม่ไป
      ถาม :  ที่พูดเมื่อกี้นี้ว่าเราทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด ทีนี้เรามีความรู้สึกว่าเราทำแล้วเราไม่ดีที่สุด
      ตอบ :  คำว่าดีที่สุดมันไม่ได้หมายความว่าจะดีเท่าคุณทักษิณ ชินวัตร แต่มันหมายความว่าดีเต็มกำลังที่เราทำได้
      ถาม :  แม้กระทั่งคนอื่นมองว่าเราทำน้อย ?
      ตอบ :  จ้ะ นั่นแหละ คือมันเต็มที่กำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ ของเราแล้ว ทำได้ดีที่สุดแค่ไหนนั้นก็คือแค่นั้นของเรา แต่ว่าคนที่กำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ เขาเหนือกว่าเราเขาจะทำได้ดีกว่าเรา เพราะฉะนั้นได้ดีที่สุดมันไม่มีมาตรฐานซะด้วยว่าต้อง ๑๐๐ % เป๊ะ ไม่มี มันเต็มกำลังของเรา ของเราเต็มที่แค่ไหนก็แค่นั้น
      ถาม :  เศรษฐกิจของชาติเราจะดีขึ้นไหม ?
      ตอบ :  เริ่มดีแล้วจ้ะ ปีหน้าถ้าไม่ไปสะดุดตีนแขกร่วงซะก่อน (หัวเราะ) ขออภัยที่ใช้คำพูดตรงไปหน่อย
      ถาม :  จะเกิดสงครามโลกเหรอเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ไม่ถึงกับสงครามโลกหรอกแต่ใหญ่หน่อย สงครามมันต้องแบ่งครึ่งกันเหลือแค่ ๒ ฝ่ายเท่านั้น แต่อันนี้มันประเภทว่าต่างคนต่างมีผู้ช่วย อาจจะมีฝ่ายหนึ่งรวมตัวกันตีอีกฝ่ายหนึ่ง แต่มันกระจายออกกว้าง แต่มันไม่ถึงขนาดไปทั้งโลก เราเองก็อาจจะทำมาหากินเซ็งลี้ฮ้อไปเลย.....ปัญหานี้พอจะออกไปไกลมากเดี๋ยวมันจะร้อน เอาปัญหาเย็น ๆ ดีกว่า
      ถาม :  พอดีตัวเองนี่ฝึกธรรมกายด้วย แล้วกำหนดดวงแก้ว แล้วฝึกจักกระ มันจะตีกันไหมเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ไม่ตีกันหรอกจ้ะ ยิ่งง่ายใหญ่เลย กี่จักกระก็เท่านั้นดวงแก้ว
      ถาม :  เราจะกำหนดยังไงให้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างจักกระกับดวงแก้วให้เชื่อมเป็นหนึ่ง ?
      ตอบ :  จุดไหนที่เป็นจักกระที่เรากำหนดก็เอาดวงแก้วไว้ตรงจุดนั้นนั่นแหละแล้วก็สามารถกำหนดได้ โดยเฉพาะตอนที่เราจะให้พลังหมุนเวียนไปทางด้านไหนก็แค่กำหนดจิตแค่นั้นเอง มันก็ลักษณะของมโนยิทธิดี ๆ นี่เองเอาจิตไปไว้ตรงจุดไหน
              ทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ไม่ขัดกันหรอกจ้ะ ถ้าทำถึงแล้วมันสามารถประยุกต์เข้ามาได้ ดีไม่ดีเอาหัวไปต่อที่เท้าอะไรอย่างนี้...ฟังรู้เรื่องมั้ย ? ฝึกธรรมกายด้วยแล้วขณะเดียวกันก็ฝึกพวกพลังต่าง ๆ ที่เขาเรียกกันว่าจักกระด้วย พวกโยคีเขาชอบใช้กัน อันนั้นจริง ๆ แล้วมันสำหรับช่วยเหลือคนอื่นแล้วก็ช่วยเหลือตัวเอง มันจะทำให้เข้าถึงมรรคผลช้า เพราะมัวแต่ไปสนุกกับมันอยู่
              พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนแต่่าถ้าเราเห็นว่ามันเป็นประโยชน์สามารถช่วยคนได้ เพราะว่าตัวเราเองยังอยากเกิดอีกมันจำเป็นต้องช่วยคนอีกเยอะ เขาฝึกมันก็เป็นประโยชน์แก่คนหมู่มาก ของเราเองถ้าหากว่าต้องการจะไม่เกิดก็ตั้งหน้าตั้งตาเกาะนิพพานเอาไว้ บางอย่างถ้าฟังไม่รู้เรื่องอนุญาตให้ยกมือประท้วงได้จ้ะ (หัวเราะ)