ถาม: …........................
ตอบ : คราวนี้การพิจารณาวิปัสสนาญาณได้เปรียบ ได้เปรียบตรงที่ว่าพอพิจารณาไป ๆ จิตจะดิ่งลึกไปเรื่อยจะกลายเป็นฌาน คือกลายเป็นสมาธิโดยไม่รู้ตัว กำลังถึงเมื่อไร จะตัดกิเลสได้เมื่อนั้น คือถ้าถึงปฐมฌานเมื่อไร มีโอากสตัดกิเลสเป็นพระโสดาบันกับสกิทาคามีได้ ถ้าจะเป็นพระอนาคามีต้องถึงฌาน ๔ ไม่อย่างนั้นกำลังไม่พอจะตีกับราคะกับโทสะได้ คราวนี้ว่าได้เปรียบก็จริง แต่ว่าอันดับแรก ๆ ก่อนที่จะพิจารณาจนดิ่งลึกไปถึงขนาดนั้น ถ้ากำลังไม่มั่นคงพอ แต่ถ้าพ้นแล้วพ้นเลย เขาเรียกว่า ปัญญาวิมุติ คือหลุดพ้นด้วยปัญญา แต่จริง ๆ แล้วสมถะกับวิปัสสนาต้องทำควบกัน สมถกรรมฐานใช้กำลังใจข่มกิเลสจนนิ่งสนิทไปแล้ว ถ้าต้องการนิ่งให้อยู่กับความนิ่งนั้น ไม่ต้องไปดิ้นรน รับรู้ไว้เฉย ๆ เกาะพระนิพพานไว้เฉย ๆ แต่ถ้าต้องการคิดเมื่อไรหาเรื่องดี ๆ ให้คิดอย่างเช่นนึกถึงความดีของพระพุทธ ของพระธรรม ของพระสงฆ์ ของเทวดา ความดีของการรักษาศีล ความดีของการบริจาคให้ทาน คิดถึงความตายเพื่อไม่ประมาท คิดถึงสภาพที่แท้จริงของร่างกายเราว่ามีสภาพเป็นอย่างไร สกปรกโสโครกแบบไหน ประกอบไปด้วยเครื่องจักรกลอย่างไร หรือไม่ก็คิดถึงพระนิพพาน เอาใจเกาะนิพพานว่ามีความสงบ ความสุขขนาดไหน ที่แน่ ๆ คือทิ้งลมหายใจเข้า-ออกไม่ได้ ถ้าหากว่าอารมณ์ใจถึงที่สุดถอยออกมามันจะเริ่มคิด ถ้าเราไม่หาเรื่องดี ๆ ให้มันคิด ปล่อยมันคิดเอง มันจะฟุ้งซ่านไปรัก โลภ โกรธ หลง เราก็หาเรื่องดี ๆ ให้มันคิด พอคิดไป ๆ พิจารณาตามแบบของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาก็ดี พิจารณาตามแบบของอริยสัจก็ดี หรือวิปัสสนาญาณ ๙ ก็ดี พิจารณาไป ๆ ถึงที่สุด อามณ์ใจดิ่งลึก จะกลับเป็นการภาวนาโดยอัตโนมัติ เราก็ภาวนาไป ตอนนี้เจอคนผูกขาติดกันแล้ว ภาวนาไปจนเต็มที่จนสุดแล้ว ก็พิจารณาอันนี้ก้าวตาม พอพิจารณาไปต็มที่ก็ภาวนาสลับกันอย่างนี้ จะก้าวหน้าเร็ว ทำอย่างใดอย่างหนึ่งพอถึงจุดตันแล้ว ถ้าไปต่อไม่เป็นจะพัง ถ้าเกิดสภาพจิตตก กำลังใจตกอยู่ตลอดเวลา
ถ้าทำสองอย่างควบกัน สมถกรรมฐาน คือการภาวนาเป็นกำลัง เพาะกำลัง จะได้มีกำลังสู้กิเลส แล้ววิปัสสนากรรมฐาน คือเป็นอาวุธ สำหรับฆ่ากิเลส มีกำลังมีอาวุธ กิเลสสู้เราไม่ได้หรอก ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าทำอย่างไร จะเห็นว่าจุดที่ง่ายที่สุดก็คือ ไปกราบพระบนนิพพาน แล้วก็อยู่อย่างนั้นแหละ อยู่ให้นานที่สุด หลวงพ่อท่านต้องการแค่นั้นแหละ ไม่ได้ต้องการให้เราร่อนไปเที่ยวซะทั่วโลกทั่วจักรวาล ตั้งหน้าตั้งตาทำ ทำตัวให้สมกับเป็นลูกหลวงพ่อหน่อย ไม่ใช่ไปไหน ๆ ก็วัดท่าซุงค่ะ วัดท่าซุงครับ
สมัยบวชอยู่ที่นั่น เวลาหลวงพ่อลาไปธุดงค์ก็ดี ลากลับบ้านก็ดี หลวงพ่อเคยเตือน “แกน่ะ เอะอะก็วัดท่าซุง แกเอาซุงสวย ๆ ไปอวดเขา หรือเอาซุงผุ ๆ ไปอวดเขา” คำว่า “วัดท่าซุง” นอกจากแบกชื่อเสียงของวัด แบกชื่อเสียงของหลวงพ่อแล้ว เรายังแบกพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เทวดา พรหม ทั้งหมดไปด้วย เสียเมื่อไรเสียหมด คนไม่ได้ว่าตัวเราหรอก ว่าลูกศิษย์หลวงพ่อทำไมเฮงซวยอย่างนี้ โน่น...เล่นถึงหลวงพ่อเป็นอย่างน้อย
เพราะฉะนั้น...เราต้องมีจิตสำนึกที่ดี พวกที่ทันหลวงพ่อได้เปรียบที่สุดเลย ไม่ต้องเอาอะไรมากหรอก วัน ๆ นั่งคิดถึงหลวงพ่อพอแล้ว หลวงพ่อเคยพูดอย่างไร เคยเทศน์อย่างไร เคยหัวเราะอย่างไร เป่ายัานัตถุ์แบบไหน เกาหัวล้านแบบไหน นึกเอาไว้ จะเป็นสังฆานุสติเต็มระดับเลย นึกเมื่อไรก็ชัดเจนแจ่มใสอยู่ในใจของเรา นี่แหละตัวทิพจักขุญาณ เป็นอตีตังสญาณด้วย เป็นสังฆานุสสติด้วย ถ้าเห็นหลวงพ่ออยู่บนนิพพานก็เป็นอุปสมานุสติด้วย ถ้าเห็นหลวงพ่ออยู่กับพระก็เป็นพุทธานุสติด้วย ได้เปรียบเขาขนาดนี้ คนรุ่นหลังที่อยู่ในนี้เกินครึ่งไม่เคยไปหาหลวงพ่อ ไม่เคยมีโอกาสเห็นหลวงพ่อในขณะมีชีวิตอยู่ บอกไปเขานึกไม่ออก ศรัทธาหลวงพ่อขนาดไหนก็นึกไม่ออก นั่งน้อยอกน้อยใจ บางคนน้ำตาไหลน้ำตาร่วง ทำไมกูหนอกูไม่เคยได้เจอหลวงพ่อเลย ทั้ง ๆ ที่อายุมาขนาดนี้แล้ว ได้ยินหลวงพ่อมีชื่อเสียงขนาดไหน กำลังใจที่คิดจะไปสักนิดก็ไม่มี เราได้เปรียบเขาขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องมาคร่ำครวญ ไม่ต้องมาตำหนิตัวเอง วัน ๆ หนึ่งนึกแค่นั้นแหละ คิดอยู่อย่างเดียวว่าตายเมื่อไร ขอไปอยู่กับหลวงพ่อแค่นี้จบ
วิธีทำง่าย ๆ เยอะแยะไป หลวงพ่อท่านสอนเอาไว้หมด อย่างต่ำ ๆ ก็ ๔๑ อย่าง กรรมฐาน ๔๐ กับมหาสติปัฏฐานสูตรอีกหนึ่ง ชอบแบบไหนก็ลุยแบบนั้นไป หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งไปนิพพานได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวมโนมยิทธิ เพชรยอดมงกุฏดี ๆ นี่เอง พวกเราทำเป็นไก่ได้พลอย วานรได้แก้ว ใช้ไม่เป็น ใช้ผิดอีกต่างหาก ความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้า-ออก หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว ตายตอนที่กำลังใจเกาะพระนิพพานได้ก็ดีหรอก ถ้าตายตอนกำลังใจเกาะบุญเกาะกุศลได้ก็ดีหรอก แต่ถ้าตายตอนกำลังคิดชั่วละก็ เจ้าประคุณเอ้ย...ยิ่งอาตมานี่ไม่ต้องพูดถึงเลย รับประกันซ่อมฟรี ๔๕๖ ขุม แทบจะผ่านครบ เพราะในอดีตเลวมาเยอะ หนี้เก่า ๆ ไม่ได้ใช้เขามาหลายชาติเต็มที ส่วนใหญ่ใกล้ตายก็โน่นไม่หนีไปบวช ก็หนีไปเจริญกรรมฐาน สร้างฌานสร้างสมาบัติให้เกิด ถึงเวลาเผ่นหนีหนี้ชั่วคราว คราวนี้เบี้ยทบต้นไว้เยอะ พลาดเมื่อไรเราจะแย่
เพราะฉะนั้น...ให้ทุกคนอยู่กับปัจจุบันตอนนี้เดี๋ยวนี้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เราไม่มีคำว่าพรุ่งนี้ เรานักปฏิบัติพรุ่งนี้ไม่มีตายวันนี้ ตายตอนนี้ คนจะตายอยู่ตอนนี้ควรจะทำอย่างไร ควรจะคิดอย่างไร เมื่อวานพระสหายโทรมาจากโน่นสุไหงโกลก พระสุรชาติ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ทางด้านโน้น สุคีริน อาจารย์ครับ เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน ช่วยเมตตาสงเคราะห์หน่อย นั่นจะได้เห็นว่าคนทำได้กับคนสักแต่ว่าทำเป็นอย่างไร เป็นมาลาเรีย มาลาเรียใครไม่เคยเป็นไม่รู้หรอก ว่าสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน อาตมาเป็นมายี่สิบสองปี ไม่เคยแอะให้ใครได้ยินว่าตัวเองเจ็บขนาดไหน ปวดขนาดไหน แต่คนเพิ่งจะเป็นโทรแหกปากบอกเขาทั่วประเทศไทย
จะเห็นชัด ๆ เลย นักปฏิบัติอารมณ์ตอนป่วยหนัก ๆ หรือใกล้ตาย จะรู้ว่าตัวเองมีต้นทุนเท่าไร เพียงพอที่จะไปนิพพานไหม จะรู้จริง ๆ ตอนนั้น จะรู้เลยใจเกาะนิพพานได้ไหม เกาะพระได้ไหม หรือเอาคร่ำครวญอยู่กับอาการเวทนาที่เกิดกับร่างกาย เห็นชัดมาก อย่าให้เสียทีที่เป็นนักปฏิบัติ อย่างไรก็ไว้ลายลูกหลวงพ่อหน่อย อย่างต่ำ ๆ ไปนิพพานไม่ได้เอาเป็นพรหมก็ยังดี กำลังของสมาธิสำคัญที่สุด อานาปานาสติถ้าคล่องตัว ความเจ็บปวดเรื่องของเวทนาแทบไม่ต้องไปสนใจเลย เพราะจิตกับประสาทแยกกันคนละส่วน ในเมื่อแยกกันคนละส่วนกัน เอ็งอยากเจ็บก็เจ็บไป ไม่เกี่ยวกับข้า ใจสบาย ก็ไม่ต้องไปโอดโอยคร่ำครวญถึงใคร อันนี้ก็ไม่ได้ตำหนิท่านสุรชาติ แต่อยากจะบอกว่า ครูบาอาจารย์ระดับนั้นแล้ว เป็นเจ้าอาวาสลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะแล้ว น่าจะทำให้ได้มากกว่านั้นสักหน่อย ลักษณะนั้นเขาเรียกว่าเสียฟอร์ม อาตมาเป็นคนไม่มีฟอร์มจะเสีย แล้วเป็นคนจนไม่มีฟอร์มขายเป็นสวน ไม่มีให้ยกสวนขาย เพราะฉะนั้น...เสียฟอร์มไม่ได้หรอก อย่างไร ๆ ก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีของคำว่าศิษย์วัดท่าซุง รักษาศักดิ์ศรีของลูกศิษย์หลวงพ่อ ทำอย่างไรให้ตายแล้วใกล้นิพพานมากที่สุด แล้วไปนิพพานได้เลย ฝากไว้ไม่มาก ที่พูดไปแล้วนี่เกินไปแล้ว เทปหลวงพ่อก็มี ธรรมะหลวงพอ่มีอยู่แล้ว หนังสือครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง อ่านเอา ฟังเอา ทำตามไป อาตมายืนยัน บอกแล้ว ๒๘ ปีเต็ม ขึ้นปีที่ ๒๙ ทำมายังไม่เจอเลยว่าหลวงพ่อสอนผิด เรื่องของอภิญญาสมาบัติก็ดี อะไรต่อมิอะไรก็ดี นั่นเป็นเรื่องที่พึ่งไม่ได้ เพราะทุกอย่างไม่เที่ยงอยู่แล้ว โดยเฉพาะคำพยากรณ์ต่าง ๆ คำพยากรณ์ต่าง ๆ อาตมาย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นไปตามอารมณ์ปัจจุบัน ตอนนี้เดี๋ยวนี้
สมมติให้ฟังอยู่แล้วว่า ถ้าเราขับรถด้วยความเร็ว ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง คำทำนายคืออีกแปดชั่วโมงคุณจะไปถึงเชียงใหม่ แต่ถ้าหากว่าเราเร่งความเร็วมากขึ้น จะถึงก่อนแปดชั่วโมง คำทำนายจะผิดทันที ลดความเร็วลงก็จะถึงหลังแปดชั่วโมง คำทำนายก็จะผิดทันที คนที่ไม่เข้าใจหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อมาเยอะ หลวงพ่อท่านก็ไม่แคร์เสียด้วย อาตมาเองตอนแรก ๆ ก็แคลงใจ เอ๊ะ...ทำไมพ่อพูดผิด พ่อทำนายเรื่องนี้ผิด ไม่ผิดหรอก ถูกทุกครั้ง แต่ต้องตอนนั้นเดี๋ยวนั้นเป็นอย่างนั้นเลย ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยเฉพาะหน้า factor อื่นเข้ามาเป็นตัวแปรเมื่อไร เจ๊งเมื่อนั้น ถ้าดูอย่าไปดูตรงอภิญญาสมาบัติ ให้ดูตรงคำสอนของท่านมีผิดไหม สำคัญตรงนั้นต่างหาก สิ่งที่เราจะหลุดพ้นทุกข์ได้จริง ๆ อภิญญาสมาบัติเป็นเครื่องพ้นทุกข์ชั่วคราว เป็นอาวุธสำหรับสู้กิเลสเท่านั้น ร่างกายดีก็ดีด้วย ร่างกายไม่ดีก็พังไปด้วย หิวมาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา มันไม่เอากับเราหรอก
เพราะฉะนั้น...หลวงพ่อท่านก็แสดงให้เราเห็นธรรมะที่แท้จริงแล้วว่า แม้แต่ผู้ที่เลิศบริสุทธิ์ขนาดท่าน ถึงวาระถึงเวลาก็คงอยู่ไม่ได้ อายุราชการยังอยู่อีกตั้งสามสิบกว่าปี ร่างกายไม่ไหวแล้วท่านก็ต้องทิ้งร่างกายไปทำในลักษณะขันธ์ทิพย์ กายทิพย์แทน รอยู่นี่แหละ ว่าพวกเราเมื่อไรจะตามไปเสียที ง่าย ไม่ยากหรอก ทำอย่างที่อาตมาว่า ง่ายนิดเดียว อย่าทำเกิน อย่าทำขาด ทำให้พอดี
ถาม : ….....................
ตอบ : เรื่องของพระพุทธ ปัจจุบันนี้คนเก่งเยอะ มีหลายสำนักเข้าทรงพระพุทธเจ้า อะไรจะเก่งขนาดนั้น ใช้สติสัมปชัญญะให้มาก ๆ อย่าเชื่อตาม ขณะที่เราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น มารก็ขวางเราเต็มที่เหมือนกัน มันรักเรามาก ไม่อยากให้เราไปหรอก หาทางหลอกลวงเราทุกวิถีทาง คนที่ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร โอกาสโดนหลอกยิ่งมากเท่านั้น มีบางรายเขาทรงพระพุทธเจ้าไม่พอ ไม่สะใจ เข้าทรงสมเด็จองค์ปฐม นั่นเล่นต้นตระกูลเลย เข้าทรงยังไม่พออีก จะมีการสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายให้ไปนิพพาน ไปกันเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสน บางวันไปกันเป็นแสน ๆ คน สงเคราะห์สักเดือนหนึ่งก็แทบจะหมดแล้ว ถ้าทำอย่างนั้นได้จริง ๆ พวกเราไม่มานั่งจ๋องอยู่อย่างนี้หรอก พระพุทธเจ้าในอดีตทั้งหมดสามล้านกว่าองค์ผ่านไปแล้ว ถ้าสงเคราะห์ได้วันหนึ่งเป็นแสน ๆ รายอย่างที่ว่า พวกเราไปนิพพานกันหมดแล้ว จะเชื่ออะไรใช้ปัญญาคิดบ้าง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่มารให้เรามา โดยเฉพาะความสามารถของอภิญญาสมาบัติของทิพจักขุญาณ จะเลิศกว่าปกติ เพราะจะทำให้เราหลงไปยึดติดอยู่กับมัน รู้เห็นชัดเจนแจ่มใสกว่าปกติ พูดอะไรก็เป็นไปตามนั้น สิ่งแวดล้อมจะเป็นไปตามนั้นหมด แต่ทั้งหมดคือหมากที่เขาวาง ในเมื่อเขาวาง พูดอย่างไรมักเป็นอย่างนั้น คนรอบข้างของเราสัตว์รอบข้างของเรา วัตถุรอบข้างของเราเขาสามารถใช้เป็นเครื่องมือเขาได้หมด เพื่อนรักกันแทบตายอยู่ข้าง ๆ โดนมารหลอกให้พูด โกรธกันแทบตาย จะฆ่ากันมาเยอะแล้ว นั่นแหละการดลใจของเขา
เพราะฉะนั้น....อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ พระพุทธเจ้าท่านบอก แม้กระทั่งท่านสอนก็อย่าเพิ่งเชื่อ ทำตามให้ได้ซะก่อนแล้วค่อยเชื่อ ถ้ามีการเข้าทรงพระพุทธเจ้าจริง ๆ จะเสียเวลาไปปฏิบัติทำไม ถึงเวลาก็จ้างใครเข้าทรงก็ได้ ให้ท่านสอนเดินตรงแป๊บเดียวไปได้แล้ว สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้เป็นอันตรายมาก
โดยเฉพาะหลายต่อหลายรายอ้างนามหลวงพ่อเสียด้วย ก่อนหลวงพ่อมรณภาพประมาณ ๒ ปี อาตมาเองก็เข้าเวรอยู่หน้าตึก คอยดูแลรับใช้ท่านตามปกติ มีอยู่วันหนึ่งก่อนที่ท่านจะลงมากรุงเทพฯ ท่านก็บอก “เฮ้ย...เล็ก วันนี้ร่างกายดีว่ะ ไปเดินตรวจวัดกัน” ก็ไป เพราะต้องคอยระวัง กลัวหลวงพ่อล้ม คอยประคองไว้ บางวันมีทหารตามก็ดี บางวันท่านนึกสนุกขึ้นมา ท่านเดินออกมาเฉย ๆ มาองค์เดียว เราก็วิ่งตับแล่บ ต้องทิ้งโทรศัพท์ไปเลย โทรศัพท์วัดท่าซุงสายใน ๕๘ สาย สายนอกอีก ๑๓ สาย ใครโทรมาตอนนั้นเรื่องของมันเถอะ ไปกับพ่อก่อน
คราวนี้พอไปท่านบอกว่า “เล็ก...แกรู้ไหม ข้ายังไม่ทันจะตายห่าเลย มีสำนักทรงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ๖๐ กว่าสำนักแล้ว เทวดาเขาบอก” เป็นอย่างไร มันเก่งไหมล่ะ พวกนี้ส่วนใหญ่ชอบอ้างของสูง เพื่อให้คนศรัทธา แล้วจะได้ประเคนลาภผลให้มัน ลักษณะของพระที่สงเคราะห์อาตมาบอกเป็นคำพูดไม่ถูก รู้แต่ว่าถ้าไม่ใช่คนช่างสังเกต หรือว่ามีทิพจักขุญาณคล่องตัวจริง ๆ ไม่รู้ตัวหรอก ไม่ใช่ประเภทถึงเวลาก็เข้าทรงท่าทางเปลี่ยน ซุ่มเสียงเปลี่ยน ไม่ใช่แน่นอน สีผิวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ธรรมะที่พูดมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ต้องสังเกตกันจริง ๆ ไม่สังเกตไม่รู้หรอก อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ เขาจะต้มเอา ในปัจจุบันในเว็บในเน็ตใช้พุทธพยากรณ์ กล่าวถึงผู้ทรงอภิญญาสมาบัติกี่คน ๆ จะมาปรากฏ ๑๒ หรือ ๑๔ คน แค่ที่อาตมาเจอก็เกิน ๑๔ คนแล้ว บอกได้เลยว่า คนที่ใช้อภิญญาสมาบัติได้เต็มที่จริง ๆ เป็นพัน ไม่ใช่แค่ ๑๔ คน ปัจจุบันคนเก่งเยอะแล้ว เสร็จแล้วก็ไปตีกันอยู่ในแชด ตั้งหัวข้อธรรมขึ้นมา ต่างคนต่างกิเลสท่วมหัว หาจุดสรุปไม่ได้ อัดกันไป วันใหม่ว่ากันต่อ สนุกมาก ทำให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิไปเยอะแล้ว
เพราะฉะนั้น...อะไรที่อ้างของสูง อ้างถึงพระพุทธเจ้า อ้างถึงธรรมะบริสุทธิ์อะไรก็ตาม ไม่จำเป็นอย่าไปแตะ ทำไมถึงได้แค่คาดเดาเท่านั้นแหละ เดาถูกเสมอตัว เดาผิดขาดทุน จะกลายป็นมิจฉาทิฐิเอา เราทำได้แค่หางอึ่งแค่นี้นิดเดียว แสงหิ่งห้อยจุดหนึ่ง แล้วเราก็ไปบอกว่าดวงอาทิตย์สว่างเท่ากัน ถูกไหมล่ะ เอากิเลสตัวเองไปปนกับธรรมะพระพุทธเจ้า ไปยืนยันกับคนอื่นว่าเป็นอย่างนี้ต้องไม่ใช่อย่างนี้ พัง พอถึงเวลาตัวเองก้าวพ้นไป อ้าว...คราวที่แล้วนึกว่าถูก ที่ถูกกว่ามีนี่หว่าระวังให้ดี อันนี้พูดถึงเรื่องพระพุทธใช่ไหม ต่อไปเอาเรื่องพระธรรม เรื่องธรรมะในอินเตอร์เน็ต ตั้งกระทู้กันขึ้นมา แล้วก็ฟัดกันไปฝุ่นตลบ หลาย ๆ คนความรู้จริงพอจะมี แต่โดนเขายั่วกิเสลจนตบะแตกลงไปฟัดกับเขาบ้าง คนนั้นก็ครูบาอาจารย์ของกูต้องดี หลวงพ่อของกูจะต้องเก่ง ยกไปยกมาไม่มีใคร มึงไปถามหลวงพ่อเล็กสิ ซวยอีก ทะเลาะกันเสร็จแล้ว ทำไมต้องให้อาตมาเป็นกรรมการด้วย อีกสักวันหนึ่งมันต่างคนต่างโกรธได้เอาปืนมายิงกบาลพระองค์นี้หรอก
แล้วหลายรายที่มาถามเรื่องการสงวนสิทธิ์ การเผยแพร่ธรรมะของหลวงพ่อ อันนี้อาตมาก็ไม่ทราบ เพิ่งจะรู้ว่ามีการสงวนสิทธิ์กัน เรื่องของธรรมะจริง ๆ เป็นสากล ยิ่งเผยแพร่มากเท่าไร น่าจะยิ่งดีเท่านั้น คนรู้จักเลื่อมใสมากขึ้น ปฏิบัติตามมากขึ้น มีโอกาสเข้าถึงธรรมได้มากขึ้น ในเมื่อมาปฏิบัติในแทนวทางเดียวกัน คือลูกหลานพระพุทธเจ้า ลูกหลานหลวงพ่อเหมือนกัน ก็น่าจะกว้างไกลกว่าเดิม น่าจะแพร่หลายกว่าเดิม แต่ถ้ามีการสงวนสิทธิ์ อาตมาก็ไม่อาจจะว่าเขาได้ เพราะว่าคนเราคิดได้แค่ไหน ทำได้แค่ไหน ก็จะพูดแค่นั้น ทำได้แค่นั้น เขาเห็นว่าดีเขาถึงทำ แต่ว่าดีจริงไหม ต้องพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง อาตมาตัดสิให้ไม่ได้ รู้แต่ว่าถ้ามีการสงวนลิขสิทธิ์กันจะลำบาก และโดยเฉพาะอาตมาจะเป็นผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ก่อนเพื่อน เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อมา ถึงเวลาไม่พูดธรรมะของหลวงพ่อ ก็ไม่รู้จะพูดของใครที่ไหน ไม่ได้กังวล แต่ว่าโยมหลายคนที่สอบถามเรื่องนี้ อาตมายืนยันว่าไม่รู้ ไม่รู้ว่ามีการทำอย่างนั้น ถ้าหากว่ามี อย่าพยายามไปละเมิดลิขสิทธิ์เขาแล้วกัน เพราะโทษทางกฎหมายจะมี โทษทางกฎหมาย โทษทางโลกเป็นรูปธรรมชัดมาก
สมัยก่อนทางคณะโลกทิพย์ของคุณอานนท์ เนินอุไร มีคณะบก.เขาไปกราบหลวงพ่อ ทั้งคุณบรรเจิด สังข์สวน สุนิสา วงศ์ราม สุนิสานี่ลูกศิษย์หลวงพ่อไปขออนุญาตนำธรรมะหลวงพ่อลงในหนังสือเครือโลกทิพย์ โลกลี้ลับญาณวิเศษ ถ้าหลวงพ่อไม่อนุญาต จะซื้อลิขสิทธิ์ ลักษณะนั้นเลย หลวงพ่อท่านบอกว่า “ถ้านำไปเผยแพร่เป็นธรรมทาน ท่านอนุญาตเลย ไม่ต้องขอก็ได้” อันนี้อาตมาได้ยินกับหู เพราะวันนั้นอยู่ด้วย แล้วถึงขนาดคุณบรรเจิดกับคุณสุนิสา เห็นอาตมากำลังพิมพ์คอมก๊อกแก๊ก ๆ อยู่ ก็โงกมาดู ปรากฏว่ามีแต่เรื่องแปลก ๆ ที่เจอในขณะปฏิบัติ ที่เจอขณะที่อยู่กับหลวงพ่อ เขาก็ขอซื้อ ไม่ขายให้มันหรอก ขายให้มันอาตมาเดือดร้อนกว่านี้เยอะ เพราะว่าคนเราส่วนใหญ่ตื่นข่าวกัน บางครั้งการปฏิบัติขั้นต้น ๆ เท่านั้น ต้องผ่านอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ ไปแตกตื่นกันหมด เพราะฉะนั้น...ยืนยันถ้าตามที่ได้ยินกับหู ได้เห็นกับตา คือหลวงพ่อท่านไม่ได้สงวนไม่ได้ห้าม อนุญาตเลยถ้าเป็นการเผยแพร่เพื่อธรรมทาน อันไหนที่เขาสงวนก็อย่าไปยุ่งกับบเขาแล้วกัน
เรื่องพระพุทธผ่านไป เรื่องพระธรรมผ่านไป ต่อไปเรื่องพระสงฆ์ ปัจจุบันจับอาตมาไปลงเว็บหลายเว็บเหลือเกิน ขอบคุณในความหวังดี แต่ความหวังดีของท่านทั้งหลาย ดีแค่ของท่าน ลำบากอาตมา ลำบากเยอะมาก โดยเฉพาะท่านที่ไปโฆษณาคุณสมบัติซะจนเลิศลอยเกินเหตุ ถึงขนาดบอกเป็นพระอรหันต์อย่างนั้น พระอรหันต์อย่างนี้ ระวังไว้ อาตมาเองจะเล่นให้หน้าหันไปเลย การพยากรณ์มรรคผลไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ขี้เหม็นอย่างเรา การพยากรณ์มรรคผลเป็นงานของพระพุทธเจ้าโดยตรง พระพุทธเจ้าพยากรณ์ตรงเฉพาะคน ๆ นั้นด้วย ไม่ใช่ไปประกาศพยากรณ์ทั่วไปเสียเมื่อไร จะได้รู้ว่าใครเป็นอะไร อาตมายังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอย่างไร มันดันรู้แทนแล้ว ไปลงโฆษณาซะเลิศลอย คนเชื่อก็ดี คนไม่เชื่อชอบมาลอง อาตมาเดือดร้อนอยู่เรื่อย เขาลองเราก็มีให้ลองไม่ได้ว่าอะไรหรอก พร้อมที่จะให้เขาพิสูจน์ ลูกศิษย์หลวงพ่อถ้าหากว่าทำได้จริง ๆ ไม่กลัวใครหรอก มาเถอะจะพิสูจน์ให้ดู แต่เสียตรงที่ว่าคนมาลองมีโทษปรามาสพระรัตนตรัย ผู้ที่ปรามาสพระรัตนตรัยการเข้าถึงธรรมที่แท้จริงจะไม่มี เพราะกติกาข้อแรกของการเป็นพระอริยเจ้าคือ ต้องเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริง ๆ ไม่ล่วงเกินด้วย กาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง จะทำให้เขาเดือดร้อนกันอีกเยอะ
แล้วประเภทฟังไมได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียด อาตมาก็เดือดร้อนเยอะเหมือนกัน แค่ปรารภว่าปีหน้าถ้ามีเวลาจะสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ไปประกาศลงเว็บเรียบร้อย แล้วคนเขาก็โอนเงินมาบ้าง แห่มาจองกันอุตลุดบ้าง ตกลงงานที่เราจะไม่ทำก็ได้ กลายเป็นโดนบังคับให้ทำ เรื่องนี้ลำบากพระ พระใช้เงินผิดประเภทไม่ได้ เขาระบุมาให้ทำอย่างไร ก็ต้องทำอย่างนั้น ระบุมาทีไร อาตมาประเภทหาเงินแทบตายทุกครั้ง
คราวก่อนโน้นก็ครั้งหนึ่งแล้ว ซื้อโลงแก้วประดับมุกถวายหลวงปู่สาย ท่านมรณภาพปีเดียวกับหลวงพ่อ แต่มรณภาพก่อนหกอาทิตย์ โลงแก้วใบเดิมไม่สวย เหมือนกับตู้ปลา เราเลยซื้อโลงแก้วประดับมุกใบหนึ่งประมาณสองแสนบาท ขอถวายท่าน พอเปลี่ยนผ้าครองนิมนต์หลวงปู่เข้าโลง ตั้งขึ้นแท่น แหม...งามเช้งเชียว มีคนความคิดบรรเจิด ถ้าได้โต๊ะหมู่มุกอีกสักชุดก็ดี เสือกเอ่ยปากขึ้นมา มีคนทำบุญมาร้อยหนึ่ง แล้วมายัดให้อาตมาซื้อโต๊ะหมู่มุก มันแปดหมื่นบาท...! ให้มาร้อยหนึ่งที่เหลือใครจ่าย ซวยอีก ลักษณะอย่างนี้
งานล่าสุดที่ไปลงในเว็บ ว่าอาตมาจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๑๐ ศอก บอกแล้วว่า ฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียด วัดทางบ้านเกิดวัดเจริญราษฎร์ศรัทธาธรรม เขาน้อยใจอาตมามาสิบกว่าปีแล้ว ช่วยวัดอื่นสารพัด ไม่กลับไปช่วยวัดบ้านเกิดตัวเอง ไปขอร้องขณะที่อาตมาอยู่วัดท่าซุงก็ไป ออกจากวัดแล้วก็ไป อาตมาถือว่าธุระไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่งานที่หลวงพ่อท่านต้องการ อาตมาไม่แตะ คราวนี้เขาก็ถือว่าเอียงเข้ามาทางหลวงพ่อเต็มที่แล้ว เกิดศรัทธาอยากจะสร้างพระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๑๐ ศอก ก็มาขอความช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง อาตมาวันนั้นคุยกับกรรมการวัดเขา บอกว่า “เอาอย่างนี้สิโยม จะให้อาตมาตั้งหน้าตั้งสร้างให้ก็ไม่ไหว ทำตู้บริจาคมาตั้งไว้ที่นี้ ใครเห็นอยากจะทำบุญได้หยอดตู้ไป” พวกเอาไปประกาศในเว็บ อาตมาจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๑๐ ศอก ที่วัดทองผาภูมิ เจอหน้าจะบีบคอให้ตาย ทำลักษณะอย่างนั้น ถ้าเขาตั้งเจตนาว่าจะทำที่วัดทองผาภูมิ อาตมาก็เฮง เพราะเราแปลเจตนาเขาไม่ได้ ใช้เงินผิดประเภทเขาปรับโทษเท่าย้ายเจดีย์ เดี๋ยวก็เหมือนถวายมาร้อยแล้วอาตมาจ่ายไปแปดหมื่นแปดอีก แล้วพระหน้าตัก ๑๐ ศอก ๓ ล้านกว่า กว่าจะเสร็จ อาคารก็ยังไม่มี ขอร้องได้โปรดเมตตา อย่าส่งอาตมาขึ้นสูงเกินไป
อันที่จริงคนเขาอยากเห็นเราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ “จงทำดี แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน” ก้าวมาถึงตรงจุดนี้แล้ว ปัญหาอะไรเกี่ยวกับการปฏิบัติก็ดี เกี่ยวกับชื่อเสียงเรียงนาม หรือว่าคำสอนตามแนวหลวงพ่อก็ดี อาตมาพร้อมที่จะเดินชนทุกราย พร้อมที่จะท้าพิสูจน์กับทุกคน แต่ไม่ใช่ลักษระโดนเขาถีบออกไปข้างหน้า โดยที่เราไม่เต็มใจ เรื่องไม่เป็นเรื่องลักษณะอย่างนั้นไม่สมควร ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ พิจารณาบ้าง ขอบคุณท่านที่เมตตาไม่คิดค่าโฆษณา อุตส่าห์ไปลงให้ ก่อนที่จะลงมาสอบถามกันก่อนได้ไหม ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่ลงไปส่งเดช
อาตมาเป่ายันต์เกราะเพชรไป ๒ ครั้งในรอบ ๑๑ ปีที่ผ่านมา ไปลงกำหนดให้เสร็จว่าจะเป่ายันต์เกราะเพชรวันที่ ๒ สิงหาคม วันเสาร์ ๕ นี้ เมื่อเช้าญาติโยมโทรมาจากวัดท่าขนุน ถามว่า “อาตมาอยู่วัดไหน ?” บอกว่า “อยู่กรุงเทพฯ” ร้องอ้าวเลย ทะลึ่งไปบอกเขาอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่ออาตมาไม่ได้บอกเอง ยังสงสัยว่าทำไม ไม่มีคำสั่งให้เป่ายันต์เกราะเพชร ที่แท้โดนคำสั่งย้ายวัดในระยะกระชั้นชิด อุตส่าห์เร่งงานที่วัดท่าขนุนเสร็จ เพื่อจะกลับไปที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี ไปพักผ่อนเสียที เบื่อเต็มทีแล้ว ชีวิตที่จะต้องไปคลุกคลีอยู่กับวงการปกครองสงฆ์ กลับไปได้ ๒ วัน วันที่สามว่าที่เจ้าคณะจังหวัดท่านสั่งให้ไปช่วยวัดทองผาภูมิต่อ เพิ่งจะรู้ว่าที่ไม่มีการประกาศเป่ายันต์เกราะเพชรอย่างเป็นทางการเหมือนครั้งก่อน เพราะว่าเราต้องย้ายวัด เนื่องเพราะว่ากติกาตอนที่ครอบครูกับหลวงพ่อ ข้อแรกเลยคือ อยู่ที่ไหนให้ทำที่วัดนั้น ท่านกลัวว่าลูกศิษย์จะไปเดินสายเป่ายันต์ รับจ้างเขาแบบประเภทรับจ้างพุทธาภิเษกกันเหมือนกับปัจจุบันนี้ กติกาข้อต่อไปคือ ต้องทำเพื่อเป็นการสงเคราะห์จริง ๆ ถ้าทำเอาชื่อเสี่ยง เอาเงินทอง พระท่านจะไม่ช่วย อาตมาตอนแรกก็สงสัยทำไมไม่มีคำสั่งให้เป่ายันต์เกราะเพชร ก็มาถึงบางอ้อตอนย้ายกระชั้นชิดนี่เอง เพราะกติกาข้อที่ว่าอยู่ที่ไหนให้ทำที่นั่น วัดทองผาภูมิไม่มีอาคารใหญ่พอที่จะรองรับญาติโยมเยอะขนาดนั้นได้ ดูอย่างศาลาใหญ่วัดท่าขนุน ๒ รอบยังไม่พอเลย เพราะฉะนั้น...ก่อนที่จะเอาไปลงให้ถามก่อน สร้างความเดือดร้อนให้พระ เดี๋ยวตัวเองก็เดือดร้อนไปด้วย
|