ถาม: การถ่ายพลังระหว่างบุคคลล่ะคะ ?
ตอบ : ได้เหมือนกันจ้ะ แต่ว่ามีจุดบกพร่องอยู่ จุดบกพร่องก็คือว่า ถ้าคนถ่ายพลังให้คนอื่นเขาจิตประกอบไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง ส่วนนั้นจะข้ามไปด้วย เดี๋ยวอยู่ ๆ เราจะหงุดหงิด อยู่ ๆ โกรธคนไม่มีสาเหตุ หรือไม่ก็อยู่ ๆ ราคะกำเริบขึ้นมาอะไรอย่างนี้
ถาม : ถึงได้ด้วยหรือเจ้าคะ ?
ตอบ : ถึงได้จ้ะ แต่ว่าทรงตัวอยู่ไม่นาน มันสามรรถรบกวนเราได้ระยะหนึ่งจนกว่าเราจะปรับพลังนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรา แล้วควบคุมได้ ถ้าเรายังปรับไม่กลืนกับตัวเรา ยังควบคุมไมได้ ส่งผลให้ตามนั้นจ้ะ เพราะฉะนั้น...ถ้าจะรับพลังจากใคร ดูให้ดี ๆว่ากำลังของเขาบริสุทธิ์จริงไหม ? ถ้ายังมีรัก โลภ โกรธ หลง อยู่ก็บ๊ายบายเถอะ ลำบากเรา
ถาม : อย่างนี้รับจากพระพุทธองค์โดยตรงจะดีกว่า ?
ตอบ : อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นดีแน่จ้ะ ไม่ใช่ดีกว่า
ถาม : และในกรณีที่นั่งสมาธิรวมกลุ่มล่ะเจ้าคะ พลังบุญในการคุมสมาธิที่ติดพร้อม ๆ กันตรงนี้นะคะ พวกสภาวะจิตที่เขามีรัก โลภ โกรธ หลง จะช่วยกดให้ของเราลงไปด้วย ?
ตอบ : ก็เป็นสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนทำอย่างเดียวกัน จิตจะสงบได้ง่าย สงบได้เร็ว เขาเรียกว่า สถานที่เป็นสัปปายะ ในเมื่อหลาย ๆ คนรวมกันจิตสงบได้ง่าย สงบได้เร็ว กำลังมหาศาลนะ ตัวไฟ รัก โลภ โกรธ หลง เลยโดนกดให้นิ่งไปได้ง่ายขึ้น ถ้าสถานที่ไม่สัปปายะ บางครั้งปล้ำออยู่ครึ่งค่อนวันจิตไม่ยอมสงบ
ถาม : สถานที่ที่จะเป็นในลักษณะเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จะต้องเป็นลักษณะสถานที่แบบใดคะ ?
ตอบ : ในอดีตจะต้องมีผู้บรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งอยู่บริเวณนั้น กระแสพลังเขาเรียกว่า กระแสความเย็นของท่านจะคงอยู่ แล้วถึงวาระถึงเวลาเหมือนกับเราดึงเอาพลังนั้นมาใช้งานได้ แต่จริง ๆ ไม่ใช่หรอก ท่านเต็มใจให้อยู่แล้ว ขอให้เราเปิดใจรับเท่านั้นเอง หมายความว่า ถ้าใจเรานิ่งเราสงบเมื่อไร กำลังนั้นจะส่งผลให้ทันที
ถาม : อย่างนี้ถ้าเราไปอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ ก็ได้รับพลังเต็มที่ ?
ตอบ : สบายมากเลยจ้ะ ลองดูสิ อาตมาไปไหว้พระบรมธาตุดอยสุเทพ ยังไม่ทันจะกราบถึงพื้นเลย กระดิกไม่ออกแล้ว ใจนิ่งไปแล้ว
ถาม : ตอนนี้ไปศึกษาศาสตร์ทางด้านฮวงจุ้ยมาด้วยเจ้าค่ะ เขาบอกว่ากำลังจะเปลี่ยนจากยุคที่ ๗ เข้าสู่ยุคที่ ๘ เขาบอกว่าในช่วงที่เป็นยุคที่ ๗ พวกที่เป็นลักษณะพวกโจร หรือว่าพวกขโมย จะเปลี่ยนสภาพกลับมาเป็นพวกโจร หรือขโมยอีกเจ้าค่ะ เหมือนกับสหรัฐทำตัวจากตำรวจ กลายเป็นโจรของโลก
คราวนี้เขาบอกว่า ในยุคนี้เขาจะมีการเปลี่ยนทิศทางฮวงจุ้ย การที่เราจะรับพลังตรงนั้นในทางทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วในทิศตะวันตกจะเป็นทิศแห่งขโมยเข้าบ้านนะเจ้าคะ ไม่ทราบว่าตรงจุดนี้เป็นพลังของการเปลี่ยนแปลงของโลก อันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเจ้าคะ ?
ตอบ : โสลกเรามีกระแสพลังเป็นปกติ ภาษาวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่าพลังแม่เหล็ก การที่เราทำอะไรที่รุนแรงอย่างพวกระเบิดนิวเคลียร์หรืออะไรอย่างนี้ ทำให้กระแสแม่เหล็กโลกเปลี่ยนแปลงหวั่นไหวได้ และอาจจะส่งผลถึงการเอนเอียงถึงแกนโลกได้ ถ้าหากว่ามีการส่งผลถึงขนาดนั้น พวกพลังต่า งๆ จะเปลี่ยนไปด้วย อันนี้ประเภทฟุ้งซ่านแล้วเอาให้ถึงที่สุดกก็เลยกลายเป็นว่า ถ้าหากว่าถึงวาระถึงเวลาที่อย่างนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าหากว่าไม่เช่นนั้นแล้ว โดยมาตรฐานของฮวงจุ้ยเขายึดทิศเหนือเป็นหลัก
ถาม : ถ้าหากเราต้องศึกษาศาสตร์นี้มาประกอบเพื่อช่วยในการปรับสภาวะของแต่ละคน
ตอบ : ถ้าคิดว่าเวลาตัวเองมีมากพอเราไม่ตายแน่ ๆ เชิญ...! แต่ถ้าคิดอยู่ว่าเราอาจจะตายเมื่อไรก็ได้ ไปทางตรงดีกว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไม่รู้ ท่่านรู้แต่มันเสียเวลา
ถาม : มีอาหารประเภทไหนบ้างเจ้าคะ ที่ทานแล้วช่วยเสริมสร้างพลังสมาธิ อาหารไหนที่ทานไปแล้วทำให้เป็นการขัดขวางการทำสมาธิ แล้วอาหารชนิดไหนที่ทานแล้วช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แล้วก็มีสุขภาาพแข็งแรง แล้วก็ชะลอความแก่ได้เจ้าคะ ?
ตอบ : กินแต่พอเหมาะพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป มีโภชเนมัตตัญญุตา อันนี้ชะลอความแก่ได้ เพราะร่างกายจะไม่โทรมด้วยการเผาผลาญอยู่ตลอดเวลาของการสันดาปเพื่อย่อยอาหาร ไม่สิ้นเปลืองพลังงานมาก ส่วนอาหารอะไรที่กินแล้วให้พลังงานดี คือกินให้ครบ ๕ หมู่ อาหารที่กินแล้วเหมาะกับธาตตุขันธ์ของตนเอง เป็นสิ่งที่ทำให้สร้างสมาธิให้เกิดได้ง่าย เพราะว่าเลือดลมจะปกติ ไม่ไปรบกวนการทำสมาธิของเรา แต่ละคนไม่เหมือนกัน
เพราะว่าธาตุในร่างกายคน คือ ธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่เสมอกัน บางคนเหมาะกับอาหารร้อน บางคนเหมาะกับอาหารเย็น บางคนเหมาะกับรสกลาง ๆ บางคนต้องกินอาหารรสขม อันนี้ต้องหัดสังเกตตัวเอง แต่มีอยู่อย่างคือ บรรดาอาหารที่กระตุ้นให้ร้อน ไม่ว่าจะเป็นพริกไทย กระเทียม อะไรเหล่านี้เป็นต้น ส่วนใหญ๋แล้วไม่ได้เพิ่มธาตุไฟเฉย ๆ เพิ่มไฟราคะเสียด้วย
เพราะฉะนั้น...ถึงเวลา ถ้าหากว่าราคะนำหน้ามา สมาธิจะไม่ทรงตัว ก็ระมัดระวังว่ากันไปพอสมควร
ถาม : ได้ความรู้มาจากงานวิจัยที่ออกทางอินเตอร์เน็ต เขาบอกว่า "คนหมู่เลือดกรุ๊ปโอ การกินเนื้อสัตว์เล็กน้อย แล้วให้กินผักผลไม้ แต่ไม่ควรกินนมธัญพืชนะเจ้าคะ" แล้วเขาบอกว่า "คนหมู่เลือดกรุ๊ปเอ ให้กินเฉพาะพืชผักผลไม้ แล้วงดอาหารเนื้อสัตว์ ให้กินธัญพืช ส่วนคนหมู่เลือดกรุ๊ปบีให้ทานนม แล้วก็อาหารเนื้อสัตว์บ้าง แต่ไม่ควรกินพวกธัญพืช หมู่เลือดกรุ๊ปเอบี กินได้ทุกประเภท แต่ควรกินอาหารพวกเนื้อสัตว์เป็นปริมาณที่น้อย" ไม่ทราบว่าการที่เขาวิจัยตัวนี้ ใช่เกี่ยวกับเรื่องธาตุ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือเกี่ยวกับธาตุร่างกายของเรานั่นแหละ สำหรับอันอื่นไม่รู้ อาตมาอยู่กรุ๊ปโอ ที่โยมว่ามาอาตมาทำเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าเหมาะสมกับตัวเองดี ตรงตามที่ว่ามาเลย กินนมไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว กินเมื่อไรเป็นเรื่องเมื่อนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นเป็นอย่างไร แต่ที่กรุ๊ปโอที่โยมว่ามาตรงเป๊ะเลย เพราะปกติอาตมาก็ฉันข้าวนิดเดียว ที่เหลือกินผลไม้เป็นหลัก รู้สึกแข็งแรงดี น่าจะมีส่วนถูก อย่างน้อยกรุ๊ปโอก็ถูกแล้ว
ถาม : ท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์ ท่านมาบอกเจ้าค่ะ เรื่องเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพ ให้กินน้ำใบบัวบกเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าจะขอบรรยายสรรพคุณน้ำใบบัวบกได้ไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : บรรยายได้จ้ะ แต่อาตมาพลาดฉันเข้าไปเจ๊งทุกครั้งจ้ะ เป็นคนธาตุเย็นอยู่แล้ว เจอใบบัวบกเข้าไปเย็นหนักเข้าไปอีก หงิกเลย แก้วเดียวรับรองว่าเป็นหวัดแน่นอน
ถาม : ท่านปู่ท่านให้กินกับพริกไทยดำเจ้าค่ะ
ตอบ : (หัวเราะ) เอ...ใช้ได้ ร้อนหักกับเย็นพอดีลงตัว
ถาม : เย็นจริงเจ้าค่ะ น้ำใบบัวบกเขาวิจัยออกมาเรียบร้อยแล้ว มีผลในการลดการอักเสบ ต้านพิษการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บป่วย แล้วก็พวกการอักเสบจากแมลงกัดต่อย พวกไขข้ออักเสบ กินแล้วสามารถช่วยบรรเทาและลดอาการอักเสบของไขข้อได้เจ้าค่ะ เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการสมานแผล มีการช่วยในการกระจายตัวของเลือด ทำให้บาดแผลทั้งภายในและภายนอกของร่างกายมีขนาดเล็กลง แล้วการติดเชื้อก็จะบรรเทาลง พวกการอักเสบที่เกิดหนองขึ้นในร่างกาย ก็จะช่วยลดการติดเชื้อนั้นได้เจ้าค่ะ
ตอบ : จ้ะ แหม..เพิ่งรู้ ท่านปู่หมอชีวกท่านทำมาสองพันกว่าปีแล้ว ภูมิปัญญาไทยเลย สมัยก่อนเขาบอกใบบัวบกแก้ช้ำใน ช้ำในคือเกิดการคั่งของเลือดขึ้น แก้ช้ำในคือไปกระจายเลือดได้ ที่แน่ ๆ คือการอักเสบทุกชนิดจะเกิดอาการร้อน ใบบัวบกเป็นของเย็น ลงไปหักได้พอดี พูดง่าย ๆ คือ กว่าจะฉลาด มันคลานตามพุทธศาสนาไปสองพันห้าร้อยกว่าปี ลองไปดูตัวหนึ่งเกี่ยวกับไตวาย ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มนะ หรือว่าป้องกันไม่ให้เป็นควรจะใช้ตัวยาอะไร ? เพราะว่าสงสารคนเหลือเกิน ปัจจุบันโรคนี้จะเป็นแล้วเป็นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะรับสารเคมีจากพืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ เข้าไปมาก
ถาม : น้ำใบบัวบกเป็นตัวที่ช่วยในการขับปัสสาวะ แล้วก็ขับสารพิษในร่ากงาย ไม่ทราบจะมีตัวอื่นหรือเปล่า ?
ตอบ : นั่นแหละ อย่างไรก็ช่วยสงเคราะห์เขาหน่อย เราจะมาเป็นหมอแผนโบราณทั้งที โบราณเขาเก่งกว่าปัจจุบัน กว่าปัจจุบันจะตามทันยากเหลือเกิน
ถาม : กุมารทองที่บ้านรับมาจากวัดไผ่ล้อม หลวงพ่อพูนค่ะ ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้เลยค่ะ ?
ตอบ : ไม่ต้องเลยจ้ะ บูชาเหมือนกับพระ แต่อย่าวางสูงเท่าพระ ถ้าแบบของหลวงพ่อพูน ต้องเรียกว่ามาสายตรง ไม่จำเป็นต้องไปเลี้ยงเขาหรอก เอาไว้เฉย ๆ กถึงเวลาเราทำบุญแล้วขอให้เขาโมทนาบุญก็พอ เสร็จแล้วถึงเวลาก็บอกเขาด้วย จะมีอันตรายมีอะไรเข้ามาถึงบ้าน ก็ให้ช่วยรักษาช่วยป้องกันด้วย ถ้ามีอันตรายมาจากที่ไกลที่ไม่ใช่ในบริเวณบ้าน ขอให้เขาช่วยบอกก่อนด้วย
ถาม : แล้วจะเป็นไหมคะจะต้องมีชื่อ แล้วตั้งเองได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็ตั้งชื่อเรียกเอาไว้ง่าย ๆ ก็ได้ ชื่อเด็กน่ารัก ๆ มีเยอะแยะไป ตั้งชื่อเองได้เลยจ้ะ
ถาม : แล้วของที่ตั้งให้แล้วล่ะคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นจ้ะ ยกเว้นว่าตำราที่ท่านต้องตั้งอาหารเลี้ยง ถ้าของหลวงพ่อพูนไม่ต้องจ้ะ
ถาม : การเปลี่ยนชื่อ ?
ตอบ : เรื่องของตำราการเรียกชื่อ เปลี่ยนชื่อ มาทีหลัง คนมีมาก่อนหน้านั้นนับกัปไม่ถ้วนแล้ว ถ้าหากว่ามีผลจริง ๆ บรรพบุรุษสูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่มาถึงเราหรอก ในชีวิตเห็นชื่อคนมีผลต่อตัวอยู่รายเดียว เป็นผู้หญิงวัยรุ่น น้ำหนักน่าจะอยู่ประมาณ ๒๐ กิโลเศษ ๆ มีแต่หนังหุ้มกระดูก ไปให้หลวงปู่ธรรมชัยรักษา หลวงปู่ธรรมชัยท่านเก่งมาก ถ้าหากว่าใครเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร เอื้อมมือแตะสายสิญจน์ที่ท่านจับอยู่ปั๊บ ท่านจะบอกได้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร เป็นมากี่ปี กี่เดือน กี่วัน ต้องรักษาด้วยยาอะไร
เด็กคนนนั้นพอเอื้อมมือแตะปั๊บ หลวงปู่ธรรมชัยลืมตายิ้มหวานเลย "หนูเอ้ย ไม่ต้องรักษาหรอกลูก ไปเปลี่ยนชื่อเสียก็พอ บรรพบุรุษมันหวงชื่อ" เขาตั้งชื่อเด็กตรงกับบรรพบุรุษพอดี ผีตายไปตั้งนานเนนกาเลยังหวงชื่ออีก มันเลยแกล้งเด็กให้เจ็บป่วยไม่มีสาเหตุ ผอมกะหร่องมีแต่หนังหุ้มกระดูก ชีวิตอาตมาสี่สิบกว่าจะห้าสิบปีเห็นอยู่รายเดียว เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกจ้ะ เปลี่ยนไปก็เท่านั้นแหละ
ถาม : พักอยู่ที่หอพักค่ะ มีห้องเดียว ตั้งพระไว้ค่ะ แต่ว่าเวลาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรก็อยู่ในห้องนั้น ?
ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้าไม่ได้มีจิตปรามาสพระรัตนตรัยเปลี่ยนไปเถอะ ถ้าอายก็หันข้างซะ
ถาม : เวลาตั้งพระ จำเป็นไหมครับว่าจะต้องหันหน้าไปทางทิศไหน ?
ตอบ : ทิศที่จำเป็นคือ ทิศเหนือกับทิศตะวันออก หันหน้าหิ้งพระไปทางทิศเหนือหรือตะวันออก ถ้าเป็นราชการให้หันทิศเหนือ จะเกี่ยวกับการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ถ้าทำมาหากินอย่างอื่นให้หันไปทางทิศตะวันออก เกี่ยวกับลาภผลเงินทอง ถ้าหากว่าหันไปผิดทิศนี่ หาเงินเก่งเท่าไร มีอันได้ใช้จนหมด ถ้าหนไปสองทิศนี้จะเหลือ
ถาม : ตอนนี้เพิ่งรับทำงานของหลวงพ่อฤๅษี เอาหนังสือมาอ่านและเอาไปให้คุณแม่อ่านด้วย แต่คุณแม่ก็จะฟังธรรมะจากหลวงพ่อ หลวงปู่จากสายอื่นมากมาย ท่านรู้สึกว่าดีไปหมด พระท่านหนึงก็บอกให้ทำอย่างนี้ อีกท่านหนึ่งก็ให้ทำอย่างนี้ ไม่รู้จะฟังใครดีค่ะ ?
ตอบ : อันไหนสะดวกและง่ายแก่การปฏิบัติของตั วทำตามนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ๘๔,๐๐๐ อย่างด้วยกัน ที่ท่านสอนอย่างนั้นเพราะจริตนิสัยของคนไม่เหมือนกัน เลยต้องสอนเอาไว้เอยะ พระแต่ละองค์ที่สอนสายนั้นสายนี้น่ะ ไม่มีสายไหนหรอก สายพระพุทธเจ้าทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่าท่านถนัดอย่างไหน คนนั้นถนัดต้มก็ต้ม คนนี้ถนัดแกงก็แกง คนนั้นถนัดผัดก็ผัด คราวนี้เราบังเอิญ แหม...ดูตำราหลายอย่างเกินไป จะทำอะไรก็ทำไม่ถูก ก็เลือกเอาที่คิดว่าชอบ
ถาม : แสดงว่าเขาฟังพระแล้วทำพระท่านอื่นได้ ?
ตอบ : ต้องเรียกว่ารับมาแล้วย่อยสลายไม่เป็นจ้ะ เพราะฉะนั้น...อันไหนถนัด ทำตามไป ไม่จำเป็นต้องเลี้ยวมาตามหลวงพ่อ ทุกอย่างเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนกันหมด ถ้าเรามั่นใจว่าท่านที่ถ่ายทอดมา ถ่ายทอดได้ถูกต้องแน่นอน ทำไปเลยจ้ะ
ถาม : เคยฟังมาครั้งหนึ่งค่ะ แม่เขาเคยถวายข้าวพระ แล้วเขาไม่ทราบได้ฟังจากใคร ไม่ให้ถวาย เพราะว่าถือเป็นการปรามาส ปรามาสเพราะว่าท่านไปพระนิพพานแล้ว ?
ตอบ : ถวายไปเถอะ เขาเรียกว่า "อนุสติ" เป็นจาคานุสตติ คือการระลึกถึงการบริจาค ขณะเดียวกัน ถ้าเห็นพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสติ เราทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นธรรมานุสติ มีพระสงฆ์ที่หิ้งพระเป็นสังฆานุสติ บรรดาอนุสติต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ เป็นกรรมฐานใหญ่ที่ปฏิบัติได้ยาก เราถวายข้าวพระแป๊บเดียว เราได้ครบเลย ควรจะทำหรือไม่ทำเลือกเอา
ถาม : แสดงว่าต้องตรองอีกเยอะ ?
ตอบ : ต้องตรองอีกเยอะไ ไม่ใช่ประเภทเขาว่าแล้วเชื่่อเขา ประเภทนักเทศน์ดัง ๆ น่ะ ประเภทเทศน์เข้าป่าเข้าดงมาเยอะแล้วจ้ะ เพียงแต่ชื่อเสียงเขาดี คนก็เลยไปเชื่อว่าเขาเทศน์ถูก
ถาม : ทำบุญแล้วต้องกรวดน้ำไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องจ้ะ กรวดน้ำทำไมให้เปียกนิ้ว การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลน่ะ ไม่เคยมีรูปแบบมาก่อน พระเจ้าพิมพิสารท่านทำบุญเป็นครั้งแรก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า อุทิศส่วนกุศล อุทิศคือการให้คนอื่นเขา ถ้าหากว่าตามวิสัยของพราหมณ์ การให้ใครท่านจะเอาน้ำเทรดมือเขา เป็นสัญลักษณ์ว่าเราให้เธอแล้ว
คราวนี้อุทิศให้คนตายไม่มีรูปแบบ ผีก็ไม่ยื่นมือมา ท่านเลยยื่นเทใส่มือตัวเอง แล้วก็บอก อิทังโน ญาติณัง โหตุ ขอผลทานนี้จงสำเร็จแก่ญาติข้าพเจ้า อันนั้นจริง ๆ แล้วไม่จำเป็น เราทำอะไรมาไม่ต้องกรวดน้ำอย่างนั้นหรอก แค่คิดว่าผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขออุทิศให้กับใครก็ว่าชื่อว่านามสกุลให้เขาไป เราะจได้ประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เขาได้รับด้วย แค่นั้นก็พอแล้วจ้ะ ขอให้ตั้งใจเถอะ ผีเขาฉลาดเขาโดดคว้าเลย เขาไม่รอหรอก เอาน้ำรดมือไป มินา ปุญญะกัมเมนะ ผลบุญที่ข้าพเจ้าทำนี้ อุปัชฌายา คุณุตตะรา จนถึงอุปัชฌาย์ ผู้มีคุณอันสูงของข้าพเจ้า อาจะริยูปะการาจะ แก่อาจารย์ผู้มีพระคุณมาตาปิตา จะ ญาตะกา พ่อแม่และญาติทั้งหลาย ฝีนั่งโด่อยู่มันไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่อุปัชฌาย์ ไไม่ใช่อาจารย์ อดไปสิ
เพราะฉะนั้น...ว่าภาษาไทยง่าย ๆ ถ้าหากว่ารู้จักชื่อ-นามสกุล เอ่ยชื่อเจาะจงไป ถ้าไม่รู้ชื่อ ไม่รู้นามสกุล แต่เคยเห็นหน้าให้นึกถึงหน้าเขา เคยได้ยินเสียงนึกถึงเสียงเขา ถ้าหากว่ามันมาแค่กลิ่่น นึกถึงเจ้าของกลิ่นนั้นก็ได้ ไปรษณีย์เมืองโน้นเขาเก่ง มีวี่แววแม้แต่นิดเดียวเขาตามถึง นั่นเป็นรูปแบบ ถ้าหากว่าเราอยู่ในที่ ๆ เขาติดแบบ ทำตามเขาอย่าไปค้านเดี๋ยวจะทะเลาะกัน เขารดก็รดบ้าง แต่ในใจของเรา เราก็ อิทัง ปุญญะ ผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ก็ว่าของเราไป ถ้าหากว่าเราอยู่ของเรากันเอง เราก็ว่าเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปรดมือ เปียกไม่พอ ต้องหาผ้ามาเช็ดอีก
ถาม : เรื่องที่แก้อารมณ์โกรธ ?
ตอบ : แก้อารมณ์โกรธมีอยู่ ๒ หมวด หมวดแรกคือ กสิณสี ๔ อย่าง หมวดที่ ๒ คือพรหมวิหาร ๔
ถาม : แล้วเรื่องเด็ก ๆ เล็ก ๆ ?
ตอบ : เด็ก ๆ เล็ก ๆ อันดับแรกก็เป็นนักหลบ ใครทำให้โกรธเดินหนีไป ถ้าอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวชกกันอย่าเป็นนักรบ ถ้าเป็นนักรบ เรารู้อยู่ว่าอยู่ตรงนั้นว่าตีกันแน่ กูเอาก่อนเลย อย่างนั้นใช้ไม่ได้ แรก ๆหัดหลบก่อน ยอมเสียบ้าง ประเภทเขาชกเราตาเขียว ยกมือไหว้เขาแล้วเดินหนีไป ทำอย่างนั้นให้ได้ลูก อย่าใจร้อนจ้ะ ของหนูเริ่มช่วงวัยรุ่นแล้วลูก ฮอร์โมนหลายตัวที่ไม่เคยทำงาน ก็เริ่มทำงานแล้ว คราวนี้จะใจร้อนใจเร็ว ส่วนคนโนตก็อยู่ในช่วงวัยเทองเสียอีก ฮอร์โมนหลายตัวที่เคยทำงานก็หยุดเสียดื้อ ๆ ก็เลยป่วนทั้งคนโต ป่วนทั้งคนเล็ก อยู่ในบ้านถ้าหากไม่มีใครมีสติมันทะเลาะกันตายเลย
สังเกตให้ดีนะ ครอบครัวส่วนใหญ่พอมีลูกวัยรุ่น พ่อแม่ก็วัยทองพอดี เลยทะเลากันอยู่ทุกวันนี้ วัยรุ่นพลังงานเหลือเฟือกระทบกระทั่งกันง่าย สาารถระงับอารมณ์กลัวไม้เรียวได้ก็พอแล้ว อย่าเพิ่งเอาอะไรมากเลย
|